บทที่ 7

1480 Words
“อ๊ะๆ ผ้าจะหลุดแล้วน้าา~” พี่เกมส์ทำเสียงทะเล้น ทำจับชายผ้าบิดไปบิดมา ทำทีจะถอดและไม่ถอดเหมือนจงใจยั่วประสาท “หนูบอกว่าอย่าเพิ่งยังไงล่ะคะ!” ส่วนฉันที่ไม่ทันได้เตรียมใจก็เริ่มร้อนรนไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่าถ้าหมอนี่ปล่อยผ้าขนหนูให้หลุดไป ฉันจะทำยังไงดี T^T ฉันสูดหายใจเข้าปอดจนลึก กักกลั้นอารมณ์หมั่นไส้และความเกลียดขี้หน้าเอาไว้ เดินตรงเข้าไปหาพี่เกมส์อย่างไม่มีทางเลือก และในวินาทีที่ฉันเข้าประชิดตัวเขาได้สำเร็จ “อุ๊ย!” มันก็ดันเป็นจังหวะเดียวกับที่คนตัวใหญ่ตรงหน้าปล่อยผ้าขนหนูให้ร่วงลงกองกับพื้น แถมเขายังกล้าพูดออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย “งื้อ~ เค้าเผลอทำผ้าขนหนูหลุดอ่ะ” “กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ={}=” ฉันหวีดเสียงลั่นปาเสื้อบอลในมือใส่หน้าพี่เกมส์ รีบหันหลังใช้มือปิดตาทั้งสองข้างทันที สติตอนนี้ไม่สนใจสิ่งอื่นรอบ แค่รู้ว่าด้านหลังมีผู้ชายกำลังยืนเปลือยอยู่ใกล้ๆ ฉันก็แทบไม่เป็นอันทำอะไรอีกต่อไปแล้ว “เสียงดังทำไมคะ น้องกานต์!” ทั้งที่เขากำลังโป๊อยู่แท้ๆ แต่หมอนี่ก็ยังมีกะจิตกะใจเป็นห่วงเป็นใย เอื้อมมือมาแตะไหล่เพื่อถามสุขภาพจิต “ไปแต่งตัวสิคะ!” “หันมาสิคะ แล้วก็หยุดแหกปากได้แล้ว” กรี๊ดดดดด บัดสีบัดเถลิง! “หนูบอกให้พี่เกมส์ไปแต่งตัวไงคะ!!!” แกร๊ก… ตึง! ท่ามกลางสถานการณ์แตกตื่นและวุ่นวาย (ของจิตใจฉัน) ภายในห้อง จู่ๆ ประตูห้องพักก็ถูกเปิดออกอย่างรุนแรง ปรากฏร่างสูงของใครอีกคนในสภาพเหนื่อยหอบ พร้อมด้วยคำถาม “เกิดอะไรขึ้นวะไอ้เกมส์!?” พี่นัทปรายตาเข้ามาในห้อง และสบตาเข้ากับฉันพอดี เขาแสดงสีหน้าตกใจยิ่งกว่าในตอนแรก พร้อมทั้งเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างจากหน้าตาสักเท่าไหร่ “กะ กานต์... มาทำอะไรที่ห้องพี่คะ?” “พี่นัท…” ฉันหลุดพึมพำชื่อเขาออกไป และรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่เขาโผล่เข้ามาในตอนนี้ ทว่า… พลั่ก! “สามีขา~ น้องกานต์จะปล้ำเค้า~” พี่เกมส์ที่ไม่ได้โป๊เปลือยอย่างที่คิดผลักตัวฉันออก ก่อนวิ่งเข้าไปสวมกอดพี่นัทเหมือนทุกทีในสภาพสวมบ็อกเซอร์ตัวเดียว ที่น่าหมั่นไส้สุดๆ ก็คงจะเป็นแววตากับรอยยิ้มเยาะเย้ยที่เขาใช้มองจากทางหางตานี่แหละ แต่แล้วไอ้ความรู้สึกดังกล่าวก็หายไป เมื่อสายตาเลื่อนโฟกัสไปที่ใบหน้าคมคายใจดี ซึ่งกำลังมองฉันด้วยอาการที่ดูตกใจไม่หาย เดาไม่ออกจริงๆ ว่าแววตาที่พี่นัทมองมาตอนนี้กำลังอยู่ในความรู้สึกแบบไหน ตกใจที่เห็นฉันอยู่ในห้องกับผู้ชายคนอื่น หรือว่าตกใจที่กลับเข้ามาในห้องแล้วเจอฉันอยู่กับพี่เกมส์ บุคคลที่เขาบอกไว้ว่าต้องไปหาที่ร้านเกมกันแน่ “หนูกลับก่อนนะคะ” ยิ่งคิด ในอกก็ยิ่งรู้สึกแย่ จนต้องรีบหาทางพาตัวเองออกไปจากห้องนี้ซะ แต่ว่า… “นี่มันก็มืดแล้ว ฝนก็เหมือนจะตกด้วย คืนนี้นอนค้างกับพี่ที่นี่แหละ” พี่นัทดันพูดออกมาแบบนั้น “ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้เพิ่งจะทุ่มนิดๆ เอง หนูกลับทันน่า…” “อย่าดื้อได้ไหมกานต์!” ฉันสะดุ้งเฮือก เมื่อจู่ๆ พี่นัทตะคอกเสียงดุใส่ไม่เหมือนที่เคยเป็น พานให้พี่เกมส์ซึ่งกำลังกอดซบอยู่ผละตัวออกห่างทันที พี่นัทเบือนหน้าหันไปอีกทาง คล้ายกับรู้สึกผิดที่ตะคอกเสียงใส่พลางถอนหายใจเบาๆ “คืนนี้นอนกับพี่ที่นี่แหละ” เขายืนกรานคำเดิมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง พลางหันหลังไปปิดประตูห้อง “เดี๋ยวพี่โทรบอกคุณน้าให้” ฉันเม้มปากแน่น รู้สึกสับสนกับท่าทีที่แปลกไปของคนรัก พี่นัทไม่ได้สนใจฉันอีกแต่เลือกที่จะหยิบสมาร์ทโฟนเดินผ่านฉันไปด้านนอกระเบียง ปุบ! ฝ่ามืออุ่นตบลงเบาๆ ที่หัวไหล่ พลอยให้สะดุ้งเฮือกเป็นหนที่สอง “ไอ้นัทมันคงหงุดหงิดอะไรมา อย่าใส่ใจเลย” พี่เกมส์ยิ้มกว้าง เขาจงใจตบไหล่ฉันอีกสองสามที ก่อนผละตัวไปประจำการที่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ รู้อะไรไหม...ที่ฉันนิ่งไปแบบนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องที่ต้องนอนค้างหอพี่นัทคืนนี้หรอกนะ แต่เป็นเพราะฉันช็อกที่ถูกพี่นัทตะคอกใส่ต่อหน้าพี่เกมส์มากกว่า และอีกอย่าง...ฉันได้กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงตอนเขาเดินผ่านหน้าไปที่ระเบียงด้วย เมื่อไม่รู้จะทำอะไร ฉันเลยตัดสินใจพาตัวเองไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง สายตาเหลือบมองพี่นัทด้านนอกประตูระเบียงด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ส่วนพี่เกมส์ เขาก็ไม่ได้สนใจฉันเช่นกัน ที่เขาสนใจตอนนี้ก็คงเป็นเกมออนไลน์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งกำลังต่อสู้กันอย่างเมามันนั่นแหละ ครู่สั้นๆ พี่นัทที่ออกไปคุยโทรศัพท์ก็เดินกลับเข้ามา สายตาแรกที่เขามองฉันมันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดจนรู้สึกได้ “ที่พี่ตวาดเมื่อกี้ ขอโทษนะ” และประโยคแรกที่เขากล่าวออกมาเมื่อเดินเข้ามาหาฉันที่เตียงคือคำว่า ‘ขอโทษ’ “ไม่เป็นไรค่ะ หนูรู้ว่าหนูดื้อเอง” ถึงปากจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ในใจมันดันไม่เป็นไปตามนั้น พี่นัทที่รู้จักนิสัยฉันดีคงเดาออกว่าลึกๆ ฉันไม่ได้รู้สึกอย่างที่ปากพูดล่ะมั้ง เขาถึงพ่นลมหายใจเบาๆ และทิ้งตัวลงนั่งข้างฉันพลางใช้มือเอื้อมมากดหัวฉันให้เอนพิงไปบนหัวไหล่อย่างอ่อนโยน ราวกับทุกสัมผัสที่เขาทำมันออกมาคือการขอโทษทางกาย “พี่ขอโทษนะคะ…” อีกครั้งที่เขาพูดขอโทษ “พี่แค่หงุดหงิดอะไรนิดหน่อย กานต์ไม่โกรธพี่นะ” ยิ่งได้ใกล้ชิดเขาและฟังคำขอโทษ ความคิดและจิตใจฉันก็ยิ่งต่อต้าน ฉันทำใจให้ฟังคำขอโทษดังกล่าวไม่ได้ ในเมื่อจมูกยังได้กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงตลอดเวลาแบบนี้ และกลิ่นหอมหวานดังกล่าวมันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเมื่อเราอยู่ใกล้กัน “หนูไม่โกรธหรอกค่ะ” แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อฉันเป็นคนปากไม่ตรงกับใจ “หนูรู้ว่าพี่นัทเหนื่อย…” แต่ก็ใช่ว่าฉันจะไม่ทักท้วงอะไรออกไปเลยหรอกนะ เพราะถ้าคิดจะทำ ฉันจะทำให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด “ตัวพี่นัทเนี่ย อุ่นจังเลยนะคะ” ฉันขยับเบียดตัวเข้าไปสวมกอดคนตัวใหญ่อย่างรักใคร่ ขณะปากยังพูดต่อไป “หอมจัง… พี่นัทเปลี่ยนน้ำหอมแล้วเหรอคะ?” ฟึ่บ! สิ้นเสียง...การกระทำที่น่าตกใจก็เกิดขึ้น เมื่อพี่นัทผละกายออกห่างจากฉันอย่างรวดเร็ว ก้มพิสูจน์กลิ่นหอมดังกล่าวตามเสื้อผ้าของตัวเอง แปล๊บ… ท่าทางแบบนั้นของพี่นัทน่ะ ทำฉันอึ้งจนพูดอะไรไม่ถูก สักพักเดียว เหมือนเขาจะรู้ตัวว่ากำลังถูกจับตามองอยู่ พี่นัทจึงรีบปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของตัวเองออก แล้วโยนใส่พี่เกมส์ซึ่งกำลังนั่งเล่นเกมเพลินๆ พร้อมทั้งต่อว่า “กูบอกกี่ครั้งแล้วไอ้เกมส์ ว่าอย่าเอาน้ำหอมกลิ่นนี้มาฉีดใส่กู!” เขาดูร้อนรน ลนลาน ราวกับร้อนตัว ทั้งที่คิดแบบนั้น แต่… “เอ้า กูจะไปรู้เหรอ นึกว่ามึงชอบอ่ะ!” พี่เกมส์ที่วุ่นวายกับการเล่นเกม ก็พูดออกมาเหมือนว่าเขามีส่วนร่วมที่ทำให้เสื้อของที่นัทมีกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง แวบหนึ่งที่พี่เกมส์เหลียวหลังมามองฉัน เหมือนรู้ตัวว่ากำลังถูกมอง แต่ก็แค่แวบเดียวจริงๆ ก่อนที่เขาจะเลื่อนสายตามองไปที่พี่นัท แล้วกล่าวขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงทะเล้น “ถ้ามึงไม่ชอบก็เขวี้ยงทิ้งไปดิวะ วางไว้หน้าห้องน้ำทุกวัน กูเห็นบ่อยชักจะเบื่อ” “เออ! ทิ้งก็ทิ้ง!” พี่นัทดูจะว่าง่ายต่อคำพูดของพี่เกมส์ เขาเดินหายไปที่หน้าห้องน้ำ โดยมีเสียงต่อว่าของพี่เกมส์ดังไล่หลัง “มึงนี่มันโบ๋จริงๆ (โบ๋ย่อมาจากสมองกลวงโบ๋)” วินาทีนี้ฉันไม่รู้จะเชื่อใครเลยจริงๆ คนทั้งคู่ดูมีพิรุธเหมือนกันหมด พี่นัทก็ดูร้อนรน ส่วนพี่เกมส์ก็ดูจะออกตัวปกป้องเพื่อน อ่า…ให้ตายสิ ฉันจะทำยังไงดี?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD