ปกติสามทุ่มฉันก็หลับแล้วค่ะ แต่คืนนี้ง่วงแค่ไหนมันก็หลับไม่ลงจริง ๆ นอนพลิกไปมาพลางกวาดสายตาไปรอบห้อง จะว่าไปแล้วนอกจากจะเจ้าอารมณ์เขาก็เจ้าระเบียบเหมือนกันนะเนี่ย ทุกอย่างถูกจัดเข้าที่เข้าทางมาก เผลอ ๆ เป็นระเบียบมากกว่าห้องของฉันซะอีก
"คุณเธียร์ "
"..."
"ลินอนไม่หลับค่ะ"
"แล้วไง? จะให้ฉันกล่อมเธอเหมือนเด็กอนุบาลไหม"
"..." แหงนมองนาฬิกาตีหนึ่งกว่าแล้วค่ะ คุณเธียร์ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ก่อนจะเก็บเอกสารตรงหน้าแล้วปิดไฟจนมืดสนิทพลางทิ้งตัวลงนอนข้างฉัน นี่เป็นคืนแรกเลยนะที่เราได้นอนด้วยกัน
หมับ!
"อ๊ะ!"
"นอนได้แล้ว อย่าพูดมากอีก" แขนข้างหนึ่งพาดลำตัวฉันไว้ แบบนี้เขาเรียกว่ากอดหรือเปล่านะ ... เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอเขาคงหลับสนิทแล้ว
"เอวา..."
"..." เสียงเรียกแผ่วเบาของใครอีกคนดังอยู่ใกล้หูฉัน จู่ ๆ น้ำตาก็ไหลลงมาเสียดื้อ ๆ ทำไมฉันถึงรู้สึกเจ็บแบบนี้นะ ฉันไม่ใช่ตัวแทนของใคร ทำไมเขาถึงใจร้ายกับฉันขนาดนี้ ฉันไม่ได้อยากเป็นแบบนี้แต่น้ำตามันไม่ยอมหยุดไหลเองต่างหากล่ะ ร้องจนปวดหัวปวดตาไปหมดแล้วมันก็ไม่ยอมหลับสักที
หญิงสาวสะอื้นในอ้อมกอดของชายหนุ่ม แต่เธอจะรู้ตัวบ้างไหมว่าเขานั้นยังไม่หลับเพียงแต่กำลังคิดว่าจะเอ่ยปากขอโทษหญิงสาวยังไงเท่านั้นเอง
"ลิ! นอนได้แล้ว" คราวนี้ชัดถ้อยชัดคำมากค่ะ เขาพลิกตัวฉันให้หันหน้าเข้าหาอกแกร่งก่อนจะกระชับกอดให้แน่นขึ้นพลางลูบหลังฉันไปด้วย ถ้าไม่ได้คิดไปเองเขาคงกำลังปลอบใจฉันอยู่สินะ
ชายหนุ่มปลอบประโลมหญิงสาวจนเธอผล็อยหลับไปในที่สุด เขาไม่ชอบน้ำตาของเธอแต่จะให้คนอย่างเขาเอ่ยปากขอโทษหรือแสดงความอ่อนโยนออกมามันก็ไม่ใช่
เช้าวันใหม่
ตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นเจ้าของห้องแล้วค่ะ มีเพียงเงินปึกหนาวางไว้อยู่ข้าง ๆ ฉัน บิดซ้ายทีขวาทีก่อนจะรีบลุกจากที่นอนเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย
"เอ๊ะ ..." ถึงกับต้องร้องอุทานออกมาเมื่อส่องกระจกแล้วเห็นรอยคริสมาร์กตรงแผลเป็นนั่น ฉันจำได้ว่าคุณเธียร์เขาไม่ได้ทำนี่ แล้วมันมาจากไหน ใช่แหละ! ต้องเป็นเขาอีกแน่ ๆ คนฉวยโอกาส เลิกสนใจก่อนจะรีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ
"นายสั่งไว้ว่าให้คุณมะลิเตรียมตัวช่วงบ่ายนี้นายต้องไปดูงานบนเกาะและจะพาคุณไปด้วยครับ" พี่การ์ดพูดขึ้น
"คะ? ร้อยวันพันปีไม่เห็นเขาอยากไปไหนกับลิสักที สงสัยกินยาลืมเขย่าขวดอีกแล้วแน่ ๆ"
เหล่าการ์ดคนสนิทรวมไปถึงเหล่าแม่บ้านต่างพากันขำขันกับคำพูดเปรียบเปรยของหญิงสาว แต่ทุกคนก็นึกสงสัยไม่ต่างจากเธอนั่นแหละ
"นายคงอยากพาคุณไปเปิดหูเปิดตาบ้างน่ะครับ"
"คุณเธียร์น่ะเหรอ... หนูจะคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้นก็แล้วกันนะคะ" หวังว่าเขาจะไม่ทำอะไรแผลง ๆ กับฉันเหมือนคราวก่อนหรอกนะ
ตอนแต่งงานกันแรก ๆ เขาเคยพาฉันออกงานครั้งหนึ่งค่ะ เป็นงานเลี้ยงเล็ก ๆ เขาปล่อยให้ฉันดูแลตัวเองส่วนตัวเขาล้อมรอบไปด้วยสาว ๆ นุ่งน้อยห่มน้อย ตอนนั้นฉันเห็นแล้วเฉย ๆ แต่ตอนนี้ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วเหมือนกันว่าจะทนเห็นมันได้อยู่ไหม?
กินมื้อเช้าตามด้วยยาบำรุงเสร็จฉันก็ปลีกตัวมาหมกมุ่นอยู่กับสวนกุหลาบ ทะนุถนอมมากเลยนะคะอยากให้มันออกดอกเร็ว ๆ จังคงจะสวยน่าดู
"คุณมะลิครับ อีกหนึ่งชั่วโมงจะได้เวลาเดินทางแล้ว นายกำชับมาว่าให้คุณเตรียมตัวให้พร้อม"
"ค่ะ ลิจะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้แหละ"
ใช้เวลาในการทำธุระส่วนตัวแค่ไม่นานก็เสร็จแล้วค่ะ งานที่เขาว่าคงเป็นธุรกิจสีดำของเขามากกว่าฉันคิดแบบนั้นเพราะคงไม่มีใครไปสร้างบริษัทไว้บนเกาะกลางทะเลแน่นอน
ก้มมองตัวเองพลางสำรวจความเรียบร้อยไปด้วย แค่ชุดซีทรูสีขาวกับกางเกงขาสั้นคงไม่เป็นไรหรอกมั้งอีกอย่างเขาไม่ได้บอกซะหน่อยว่าให้ฉันใส่ชุดอะไร
หญิงสาวแต่งแต้มเครื่องสำอางลงบนใบหน้า ผมยาวสลวยถูกปล่อยลงมายันถึงกลางหลัง สีปากชมพูระเรื่อกับผิวขาวนวลของเธอทำให้ชวนหลงไหลได้เป็นอย่างดี
แกรก!
"..."
"เสร็จหรือยัง?" ปากเขาพูดก็จริงแต่ตาเขามองสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าเชียวล่ะ นี่ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่านะ
"คะ... เอ่อเสร็จแล้วค่ะ"
"ไปกันเถอะเสียเวลามามากแล้ว" เขาพูดขึ้นก่อนจะเอี้ยวตัวให้ฉันเดินออกมาก่อน แต่ยังไม่ทันพ้นประตูห้องเลยเสียงบ่นพึมพรำก็ดังเล็ดลอดขึ้นมาซะแล้ว "ฉันให้เงินเธอใช้เยอะแยะทำไมไม่ซื้อเสื้อผ้าดี ๆ กว่านี้วะ"
"ไม่สวยเหรอคะ" ฉันเอี้ยวตัวไปถามเขา ชุดตั้งแพงนะเห็นน้อยชิ้นแบบนี้
"สวยตายแหละ! ยัยตุ๊กตายาง" ค่ะ คุณเธียร์ก็คือคุณเธียร์อยู่วันยันค่ำนั่นแหละ
ลงมาถึงลานจอดรถวันนี้เหมือนการ์ดจะเยอะเป็นพิเศษนะคะ แถมยังตามประกบเราสองคนอย่างกับเงาแน่ะ
"เดี๋ยวฉันขับเองแล้วกัน"
"ครับนาย"
"..." หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจที่ชายหนุ่มจะขับรถคันหรูด้วยตัวเองเพราะรู้ดีว่าเขาหวงแหนขนาดไหน
ไม่ต่างจากเหล่าบรรดาการ์ดคนสนิทที่มองหน้ากันไปมาเมื่อผู้เป็นนายจะขับรถด้วยตัวเอง นั่นหมายความว่าเขาต้องการไปกับเธอแค่สองคน
"ระหว่างที่ฉันทำงานเธอห้ามทำตัววุ่นวายนะ"
"แล้วทำไมต้องให้ลิมาด้วยล่ะคะ" ฉันถามออกไปตามความคิด ก็มันอยากรู้นี่คะ
"..." คุณเธียร์ไม่ตอบอะไร เขามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะหันไปตั้งใจขับรถต่อ
ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงก็มาถึงท่าเรือแห่งหนึ่ง มีแต่การ์ดเต็มไปหมดเลยค่ะเขากำลังจะทำอะไรกันแน่
"กว่าจะมานะมึง" ผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยทักขึ้นด้วยท่าทีสนิทสนมก่อนจะเบนสายตามาทางฉันแทน "บนเรือว่าเด็ดแล้วเจอของมึงนี่เด็ดกว่า"
"ไร้สาระ!" คุณเธียร์ตอบกลับอย่างไม่จริงจังมากนักก่อนจะคว้าแขนฉันข้างหนึ่งให้เดินตามเขาขึ้นมาบนเรือ
ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่ฉันเป็นตาเดียว บอกตามตรงว่าฉันไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลยจริง ๆ เพราะมันเหมือนฉันกำลังตกเป็นเป้าสายตาอยู่
... : มึงพาใครมาไอ้เธียร์
... : เธียร์ขาซินดี้โทรหาคุณทำไมไม่รับสายล่ะคะ
ยัยนี่ฉันจำได้ค่ะ คนที่ชนฉันครั้งก่อนแถมยังกล่าวว่าฉันไม่มีมารยาทอีกต่างหาก
"มะลิ นั่นไอ้ซันกับไอ้ซี ส่วนไอ้สองคนนั้นแบงค์กับเจได"
"สวัสดีค่ะ" ฉันยกมือไหว้ตามมารยาทพวกเขาน่าจะรุ่นเดียวกันกับคุณเธียร์
"หืม...มะลิงั้นเหรอ" พี่ซันพูดขึ้นยิ้ม ๆ
พี่เจได : อะไรของมึงวะ
พี่แบงค์ : มึงไม่ต้องอยากรู้หรอก
"ส่วนนั่นเชอร์เบลเมียไอ้ซันมัน น่าจะรุ่นเดียวกับเธอนะ" น่ารักมากค่ะตัวเล็กนิดเดียวเอง ดูท่าทางเธอจะเป็นมิตรกับฉันมากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆที่อยู่บนเรือนี้ซะอีก
ผลัก!
"อ๊ะ!" อีกแล้วค่ะยัยซินดี้ชนฉันอีกแล้ว
"นี่! ไม่เห็นคนหรือไงห๊ะ" เธอชี้หน้าฉัน แถมยังแผดเสียงแหลมแสบแก้วหูใส่ฉันอีกต่างหาก
"ไม่มีมารยาท!! ชนคนอื่นแล้วไม่รู้จักขอโทษ คุ้น ๆ ไหมคะ?" ฉันเหยียดยิ้มให้คนตรงหน้า รู้จักมะลิน้อยไปซะแล้ว
"หยุด! นั่งลงสิจะยืนค้ำหัวฉันอีกนานไหม?" น้ำเสียงดุดันเอ่ยขึ้นซินดี้ถึงกับเงียบปากไปเลยค่ะ แต่ไม่ทันที่ฉันจะหย่อนก้นเลยเธอก็แทรกกลางนั่งลงบนตักคุณเธียร์ทันที แถมสามีของฉันเนี่ยยังโอบเธอไม่ให้ตกอีกนะคะ น่าสมเพชตัวเองจังฉันมาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอ
"มะลิ! เราไปดูโลมาตรงนั้นกันดีกว่า" มองตามที่เชอร์เบลชี้ไป โลมาจริง ๆ นั่นแหละสีชมพูด้วยค่ะ ไปนั่งดูกุ้งหอยปูปลา น่าจะดีกว่าเห็นสามีของตัวเองนัวเนียกับผู้หญิงคนอื่นเป็นไหน ๆ
"ไปสิ" ฉันฉีกยิ้มให้เธอก่อนจะเดินผ่านหน้าพวกเขาไป เขาบอกฉันว่ามาดูงานแต่ฉันว่านี่มันปาร์ตี้เซ็กส์มากกว่า มีแต่ผู้หญิงมากหน้าหลายตาสวมแค่ชุดชั้นในเดินขวักไขว่เต็มไปหมด
"ขอบใจนะ" ฉันรู้ว่าเธอเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด
"บางทีสิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้นะ"
"..." ฉันไม่ได้คิดแต่ที่ผ่านมามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ ต่างหากล่ะ