“ผมเชื่อว่าของขวัญจะต้องปลอดภัย ไร่ของเรามีรั้วรอบขอบชิด สัตว์ใหญ่เข้ามาไม่ได้หรอก ผมสัญญาว่าจะตามหาของขวัญให้เจอ ก่อนที่เธอจะเผลอหลับไป ใจเย็นๆ นะคุณ ผมไม่ปล่อยให้เด็กคนนั้นเป็นอะไรไปหรอก” พ่อเลี้ยงหนุ่มกำลังยืนกอดหญิงสาวราวกับคนรัก ที่กำลังส่งกำลังใจให้แก่กัน ทุกคนเชื่อในพรมลิขิตหรือไม่ รักแรกพบเป็นเช่นไร คำตอบนี้คงกึกก้องอยู่ภายในใจของพ่อเลี้ยงเมืองรามได้เป็นอย่างดี
“ถ้าฉันจะขออะไรจากคุณ มันจะมากเกินไปหรือเปล่าคะ คือ...ว่า” หญิงสาวเริ่มอ้ำอึ้ง เมื่อเธอไม่รู้ว่าจะขอเขามากไปหรือเปล่า
“อะไรคือสิ่งที่คุณจะขอ ว่ามาสิ”
“ถ้าหากว่าฉันจะขออนุญาตให้ของขวัญเรียกคุณว่าพ่อ จะได้หรือเปล่าคะ”
ในที่สุดเธอก็ตัดสินเอ่ยถามประโยคที่แสนจะลำบากใจออกไป ดวงตากลมโตเงยขึ้นไปสบสายตาคม แสงไฟและแสงจันทร์สีส้มนวล ที่ฉายมากระทบกับใบหน้าของหญิงสาว ทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มได้เห็นความงามของเธอกระจ่างขึ้น
ซึ่งเขารู้สึกชื่นชอบแววตาที่ดูใสซื่อของเธอ แพทย์หญิงใบบัวช่างดูไร้มารยาแตกต่างจากผู้หญิงคนไหนๆ ที่เขาเคยได้รู้จัก แบบนี้จะไม่ให้พ่อเลี้ยงหนุ่มตกหลุมรักเธอได้ยังไงกัน เขายอมรับกับตัวเองอย่างแมนๆ
“เรื่องนั้นผมกับของขวัญได้ตกลงกันไว้แล้ว มีแต่คุณนั่นแหละที่คิดมาก”
“ก็ฉันเกรงใจคุณ... เอ่อ พ่อเลี้ยงนี่ค่ะ”
“ผมชอบเวลาที่คุณหมอ เรียกผมว่าคุณมากกว่า ฟังดูเป็นกันเองดี” แววตาของพ่อเลี้ยงเมืองรามเป็นประกาย แตกต่างจากที่เขาเคยมองผู้หญิงคนไหนมาก่อน แม้แต่ม่านฟ้าเอง พ่อเลี้ยงหนุ่มก็ยังไม่แน่ใจ มันคือความรักหรือความใคร่ หรือแค่หลงใหลในมารยาของหล่อน
ทำไมเวลานี้ เขาถึงได้รู้สึกดีกับแม่ม่ายอย่างแพทย์หญิงใบบัวอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งความรู้สึกลึกๆ ที่เกิดขึ้นภายในหัวใจศิลา เธอเป็นดั่งสายฝนที่เขาตั้งตารอมาทั้งชีวิต ต้นไม้ที่กำลังจะตายถูกรดน้ำพรวนดิน เพียงไม่กี่นาทีกลับงอกงามออกดอกออกผลราวกับเสกได้
“ขอบคุณนะคะ ที่คุณเอ็นดูลูกสาวของฉันเรารีบไปตามหาของขวัญเถอะค่ะ ก่อนที่ฉันจะรู้สึกแย่มากไปกว่านี้”
ปกติเธอเป็นคนรักษาภาพลักษณ์ของการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวได้เป็นอย่างดี แต่มาวันนี้ไม่รู้ว่ากามเทพแผลงศร หรือซาตานตนไหน ผลักเธอให้เดินเข้ามาในวังวนของความรู้สึกคล้ายๆ กำลังตกหลุมรักเจ้าของไร่หมื่นเมืองเสียให้ได้ ทั้งที่พยายามห้ามใจ บอกกับตัวเองซ้ำๆ ใครเขาจะมาสนใจ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเธอ
“อ้าว! นั่นไงอ้ายคำป้อเดินมาโน่นแล้ว” พ่อเลี้ยงหนุ่มชี้ไปที่ชายร่างท้วม ซึ่งกำลังเดินตรงมาที่เขาและแพทย์หญิง ในเวลานี้คนทั้งคู่กำลังยืนมองตรงไปที่อ้ายคำป้อด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความหวัง
“พ่อเลี้ยงครับ ผมให้คนงานแยกย้ายกันค้นหาคุณหนูจนเกือบทั่วไร่แล้ว แต่ไม่เจอเธอเลยแม้แต่เงา ผมแน่ใจว่าเด็กตัวเล็กๆ ไม่น่าใจกล้า อยู่ในความมืดได้นานขนาดนี้” อ้ายคำป้อสันนิษฐานไปตามหลักความเป็นจริง
“ถ้ายัยของขวัญไม่อยู่ในไร่องุ่น พ่อเลี้ยงคิดว่าเด็กตัวแค่นี้จะไปหลบอยู่ที่ไหนได้คะ เราแจ้งความดีไหม ฉันจะอกแตกตายอยู่แล้ว” ความรู้สึกของคนเป็นแม่ เริ่มที่จะคิดไปต่างๆ นานา ในเวลานี้สมองของเธอคิดทั้งทางบวกและลบ อยากจะพบหนูน้อยใจแทบขาด
“ถ้าไม่เจอในไร่องุ่น ก็แสดงว่าของขวัญต้องเดินไปตามถนนคอนกรีตอย่างแน่นอน”
พ่อเลี้ยงหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย เขาเชื่อว่าหนูน้อยต้องปลอดภัย เพราะภายในไร่ไม่ได้มีอันตรายอะไรที่จะต้องวิตกกังวล แต่ทว่าสำหรับคนเป็นแม่นั้น ในแต่ละวินาทีตอนนี้ช่างบีบหัวใจของเธอเหลือเกิน ตราบใดที่ยังไม่ได้เจอหน้าลูกสาว แพทย์หญิงใบบัวก็ไม่มีทางใจเย็นลงได้
“ยังมีอีกที่ครับพ่อเลี้ยง ที่ผมคิดว่าคุณหนูของขวัญน่าจะชอบ”
“ที่ไหน!” คราวนี้พ่อเลี้ยงเมืองรามถึงกับเอ่ยถามออกไปด้วยเสียงเข้ม
“สุสานครับ”
“ฮะ! อะไรนะคะ สุสานอย่างนั้นเหรอ” แค่ได้ฟังคำว่าสุสาน แพทย์หญิงใบบัวถึงกับมีสีหน้าที่ตื่นตระหนก ถ้าหากของขวัญอยู่ที่นั่นลูกสาวของเธอจะหวาดกลัวแค่ไหนกัน ป่านนี้ไม่รู้ว่าหนูน้อยกลัวเสียจนเตลิดไปไกลแล้วหรือยัง
“ที่นั่นไม่น่ากลัวหรอกคุณ พวกเขาอยู่กันเป็นครอบครัว อยากเจอลูกไม่ใช่เหรอ รีบตามผมมาสิ”
คราวนี้หญิงสาวไม่รั้งรอ เธอรีบเดินตามหลังพ่อเลี้ยงเมืองรามไปติดๆ ภายในใจได้แต่ภาวนาขอให้เจอของขวัญที่นั่น ไม่ว่าลูกจะร้องขอสิ่งใด เธอจะยอมทำตามในสิ่งที่หนูน้อยปรารถนา เมื่อลูกสาวอยากเรียกพ่อเลี้ยงหนุ่มว่าบิดา เธอจะไม่ห้ามหรือต่อว่าของเพียงแค่ลูกรักกลับมาสู่อ้อมกอดก็เพียงพอแล้ว