“ก็แล้วแต่คุณจะคิดค่ะ ฉันคงบังคับให้คุณเชื่อหรือไม่เชื่ออะไรไม่ได้”
“ปากดีนักนะ”
“แล้วการที่คุณเสียอกเสียใจทำร้ายตัวเองด้วยการดื่มเหล้าไม่กินข้าวกินปลาจนป่วย คิดว่าตัวเองทำถูกแล้วเหรอคะ คุณรู้ไหมว่าป้าของคุณเป็นห่วงคุณแค่ไหน”
“ไม่ต้องมาเป็นแม่คนที่สองของฉันแล้วก็มาอบรมสั่งสอนฉัน แค่คุณป้าอยากให้มาอุ้มท้องลูกของฉัน ไม่ใช่ว่าฉันจะยกย่องเธอเป็นเมีย เธอก็แค่แม่พันธุ์” ประโยคของเขาเจ็บแสบเหมือนน้ำกรดรินรดใจ แต่เธอก็ปัดมันทิ้งไป คิดว่าเขาคงกำลังเสียใจเรื่องอดีตคนรักจึงได้พูดจาแย่ ๆ แบบนี้
“ไม่มีผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนยอมนอนกับผู้ชายง่าย ๆ หรอกนะ ป้าของฉันให้เงินเธอเท่าไหร่ล่ะ” เมื่อมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องศักดิ์ศรีก็จะถูกลดน้อยถอยลงไป เธอยอมรับว่าเงินมีอิทธิพลกับความคิดของคนค่อนข้างมาก ทิวเขาคงรังเกียจเธอคิดว่าเห็นแก่เงิน เหมือนเพียงฟ้า อดีตคนรักของเขาสินะ
“ทำไมเงียบไปไม่ตอบล่ะ หรือว่าแถไม่ได้ เพราะมันคือเรื่องจริง”
“ที่หนึ่งทำไปทั้งหมดเพราะคุณท่านอยากมีหลานเอาไว้สืบสกุล อยากมีทายาทก็แค่นั้นค่ะ หนึ่งไม่ได้คิดหวังอย่างอื่น”
“โกหก พวกผู้หญิงก็เหมือนกันหมด ตรงไหนเป็นแหล่งเงินแหล่งทองก็ปรี่เข้าไปเกาะตรงนั้น”
“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ”
“ไม่ว่าเธอจะพยายามแถมากเท่าไหร่ ฉันก็ไม่เชื่อน้ำหน้าคนอย่างเธอและผู้หญิงทุกคน พอเธอท้องและคลอดลูกออกมาก็จะเรียกร้องสิทธิ์ความเป็นแม่ ยิ่งถ้าลูกได้ทรัพย์สมบัติมหาศาลก็จะยิ่งเรียกร้องว่าเธอเป็นแม่ก็ควรได้ด้วย”
“คุณคงคิดว่าหนึ่งแย่เหมือนผู้หญิงคนนั้น ดังนั้นหนึ่งจะไม่แก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น คุณอยากคิดอะไรก็แล้วแต่คุณเถอะค่ะ”
“ที่ไม่แก้ตัวเพราะมันคือเรื่องจริง”
หนึ่งธิดาเดินไปนั่งตรงมุมห้อง เลิกเถียงกับคนป่วยบนเตียงอีก แต่ดูเหมือนว่าทิวเขาจะไม่ให้เธอสงบสุข ในเมื่อเธออยากเสนอหน้ามาเฝ้าเขาเอง เขาก็จะทำให้เธอทนอยู่ไม่ได้ จนต้องขอกลับจากโรงพยาบาล
เขากวนเธอทั้งวันและครึ่งค่อนคืน พอธารมาเยี่ยมก็ทำตัวดี พอธารกลับไปเขาก็กวนโมโหเธออีก แต่เขาได้น้ำเกลือและกินอาหารครบสามมื้อ อีกทั้งยาบำรุงก็ทำให้สีหน้าของเขาดูดีขึ้น
พอสีหน้าดูดีขึ้น ร่างกายแข็งแรงขึ้น เขาก็ฤทธิ์เยอะขึ้นตามลำดับ
“ฉันปวดฉี่ พาไปฉี่หน่อย” ประโยคนั้นของทิวเขาทำให้เธอต้องรีบเดินไปที่เตียงเพื่อที่จะประคองเขาไปที่ห้องน้ำ เพราะเธอรับปากธารแล้วว่าจะดูแลหลานชายของท่านให้ดี
“แค่เอ่ยปากก็รีบลุกมาเลยนะ อำนาจเงินนี่มันสามารถทำให้คนทำได้ทุกอย่างจริงๆ”
“คุณทิวอยากให้หนึ่งช่วยประคองไปเข้าห้องน้ำไหมคะ ถ้าไม่ คุณก็ไปเข้าเองแล้วกัน” เธอถอยหนี ทำท่าจะหมุนกายเดินกลับ แต่เขาคว้าแขนของเธอเอาไว้ ก่อนจะบีบแขนเธอจนรู้สึกเจ็บ
“คุณป้าสั่งให้ว่าที่แม่ของลูกอย่างเธอมาดูแลฉันไม่ใช่เหรอ ดูแลฉันไม่ดี ไม่กลัวฉันฟ้องคุณป้า ยกเลิกไม่ให้เธอมาอุ้มท้องลูกของฉันรึไง ถ้าฉันทำแบบนั้น เธออดได้เป็นแม่ของลูกที่มีมรดกหลายร้อยล้านเลยนะ” เขายังพูดจากระทบกระแทกแดกดันเธอ เพราะคิดว่าพวกผู้หญิงหน้าเงินจะยอมทำทุกอย่างแม้จะโดนเขาดูถูกขนาดไหนก็ตาม
หนึ่งธิดาสูดลมหายใจเข้าปอดแรง ๆ ลึก ๆ เธอไม่อยากให้ธารต้องทุกข์ใจและผิดหวัง ในเมื่อรับปากไปแล้ว เขาจะด่าจะว่าอะไรเธอก็จะทน ถ้าทนไม่ได้ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง
เธอค่อย ๆ ประคองเขาขึ้นจากเตียง เขาทิ้งน้ำหนักลงมาหา จนเธอถึงกับเซ
“คุณทิว หนึ่งหนักนะคะ”
“ก็ฉันไม่มีแรง หรือเธอไม่อยากจะช่วยจริงๆ ก็ได้นะ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร” เขายังพูดจาแดกดันเธอ
หนึ่งธิดานับหนึ่งถึงสิบในใจ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดแรง ๆ ลึก ๆ แล้วก็ช่วยเขาประคองเข้าห้องน้ำ โดยมืออีกข้างถือขวดน้ำเกลือเอาไว้
“เข้าไปสิคะ” เธอเอ่ยบอกเขาเมื่อมาถึงห้องน้ำ
“ประคองฉันสิ ฉันเดินไม่ไหวไม่เห็นหรือไง หรือว่าเธอโง่” ปากของเขาน่าตบ หนึ่งธิดานับหนึ่งถึงสิบอีกครั้ง ก่อนจะประคองเขาไปที่โถฉี่
“เรียบร้อยแล้วบอกนะคะ หนึ่งจะยืนอยู่ใกล้ๆ คุณ” เธอพูดแล้วก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“ปลดกางเกงให้หน่อย ฉันไม่มีแรง”
“คุณปลดเองสิคะ”
“พอต้องดูแลจริงๆ ก็รังเกียจ ปากดีแต่ดีไม่จริง”
“หนึ่งไม่ปลดให้คุณหรอกค่ะ ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร เพราะสิ่งที่คุณพูดมันไม่สมควร” ใช่ว่าเธอจะยอมเขาในทุก ๆ เรื่อง นั่นทำให้ทิวเขาทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ
ทิวเขาจัดการปลดกางเกงลงไปกองอยู่กับพื้น และนั่นทำให้กางเกงผ้าหลวม ๆ ของโรงพยาบาลเปียก หนึ่งธิดาที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ก็เห็นทางหางตาว่าเขาปลดกางเกงลงไปกองอยู่กับพื้น
เธอถึงกับกลอกตาไปมา ไม่คิดว่าทิวเขาจะทำแบบนี้
“ล้างฉี่ให้หน่อย” ประโยคของเขาทำให้เธอขยับตัวทำท่าจะไปล้างฉี่ให้เขา พอชะโงกหน้าไปตรงโฉฉี่ เธอก็กรีดร้องออกมาสุดเสียง
“คนบ้า ใครเขาทำแบบนั้นกัน”
“ล้างฉี่ไง ฉันฉี่ก็อยากให้เธอล้างให้ ฉันไม่ถนัด” เขามองหญิงสาวที่ยืนปิดหน้าอยู่อีกด้านแล้วยกยิ้มมุมปาก
“คุณสวมกางเกงเดี๋ยวนี้เลยนะ” หนึ่งธิดารีบพูดเสียงสั่น เธอจะเป็นตากุ้งยิงหรือเปล่านะ
“กางเกงฉันเปียก ฉันไม่สวมกางเกงเปียก”
“คุณนี่มัน!” เธออยากจะต่อยหน้าเขาให้คว่ำ แต่ที่ทำได้คือแขวนขวดน้ำเกลือไปด้านหนึ่งของห้องน้ำ เพราะมีที่แขวนอยู่ ก่อนที่จะออกไปเอากางเกงของโรงพยาบาลมาให้ทิวเขาเปลี่ยน
“นี่กางเกงคะ” เธอเดินเข้ามาในห้องน้ำพลางหันหลังให้เขา ก่อนจะยื่นกางเกงไปให้
“สวมให้ฉันด้วยสิ”
“คุณสวมเองสิคะ”
“งั้นก็ไม่ต้องสวม แก้ผ้าไปแบบนี้แหละ เธอก็เห็นว่าฉันไม่สะดวก”
“คุณไม่สะดวกตรงไหนคะ ว้าย!” พอจะเถียงกับเขาเธอก็เลยเผลอหันไปมอง เลยเห็นไอ้นั่นของเขาเข้าอีกรอบ หญิงสาวรีบยกมือขึ้นปิดตาของตัวเองในทันที
“ไม่สะดวกทุกอย่างนั่นแหละ”
“งั้นคุณก็ไม่ต้องสวมค่ะ แก้ผ้าไปนอนบนเตียงเลย”
“ก็ได้นะ ถ้าหมอกับพยาบาลถาม ฉันก็จะบอกว่าเธอดูแลฉันไม่ดี ปล่อยให้ฉันแก้ผ้า”
“ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณไม่อาย ก็เอาที่คุณสบายใจเลย”
เธอเห็นเค้าคว้าขวดน้ำเกลือและเดินโทง ๆ ออกไปแบบนั้น ก็แทบจะกรี๊ด แต่เธอก็ต้องตั้งสติ รีบเรียกเขาเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน คุณสอดเท้าเข้ามาเลยค่ะ” เธอเดินไปนั่งยอง ๆ อยู่ตรงปลายเท้าของเขา พลางหลับตา จับกางเกงให้เขาสอดขาเข้ามา นับหนึ่งถึงร้อยในใจ พยายามตั้งสติ เบือนหน้าไปทางอื่น
“ก็แค่นั้น” เธอได้ยินเสียงหัวเราะหึหึ! ในลำคอของเขา ก็รีบลืมตาขึ้น เห็นว่าเขาเดินไปที่เตียงและแขวนน้ำเกลือไปกับเสาน้ำเกลือเรียบร้อยแล้ว
เธอจัดการหยิบกางเกงในห้องน้ำไปใส่ในตะกร้าผ้าที่ทางโรงพยาบาลจัดให้ ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ถ้าไม่เพราะรับปากธารไปแล้ว เธอคงต้องถอยเพราะทิวเขาไม่ชอบขี้หน้าเธอเอาเสียเลย
“ฉันร้อน เช็ดตัวให้หน่อย”
“ค่ะ” หนึ่งธิดารับคำ แต่พอนำภาชนะและผ้าขนหนูผืนเล็กออกมาจากห้องน้ำเธอก็ต้องชะงัก ทิวเขายืดอกเสนอให้เธอปลดเสื้อผ้าให้เขา
หนึ่งธิดาถึงกับสูดลมหายใจเข้าปอดแรง ๆ ลึก ๆ ก่อนจะยื่นมือกันสั่นเทาไปปลดเสื้อให้เขา
ร่างกายของทิวเขาซูบผอมไปมาก มากเสียจนเธอเองยังตกใจ แต่ได้น้ำเกลือ ได้อาหารดี ได้ยาดีและได้นอนพักผ่อนเขาจึงดูดีขึ้นกว่าวันแรก ๆ ที่เข้าโรงพยาบาลมาก
แต่รูปร่างของเขาเคยดีกว่านี้ เขาเป็นคนหุ่นดีไม่มีไขมันให้รกตา เหล้าสามารถฆ่าคนตายจริง ๆ ถ้าดื่มแบบไม่บันยะบันยัง