“หนึ่งจ๊ะ ฉันคงต้องไหว้วานให้หนูเฝ้าหลานชายของฉันหน่อย ฉันเองก็แก่มากแล้ว จะให้เฝ้าคงไม่ไหว แต่จะมาเยี่ยมทุกวัน จะให้มะลิเขาทำอาหารอร่อยๆ มาให้ด้วยไม่ต้องเป็นห่วงนะ” มะลิมารดาของหนึ่งธิดานั้นทำอาหารอร่อย ท่านเอามาอยู่ด้วยจึงได้รู้ว่าทำอาหารอร่อย อาจเพราะเคยทำงานในร้านอาหารมาก่อน มะลิจึงจดจำวิธีการทำอาหารและสูตรต่าง ๆ มาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังคอยหยิบจับทำงานทุกอย่างในห้องครัว จึงรู้จักวัตถุดิบทุกอย่างดี
“ได้ค่ะคุณท่าน ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หนึ่งจะดูแลคุณทิวเขาให้เอง”
“ค่อยเบาใจหน่อย” ธารเดินตามกานนท์ไปที่ห้องพักผู้ป่วยของหลานชาย พอเข้าไปในห้องก็เห็นว่าทิวเขาหลับไปแล้ว
“สงสัยจะเพลียน่ะครับ แต่เดี๋ยวได้น้ำเกลือคงพอมีแรงกินอะไรได้บ้าง”
“ในระหว่างนี้หนึ่งกลับไปเอาเสื้อผ้า อาบน้ำอาบท่า กินข้าวกินปลาก่อนนะ ไปกับคนขับรถนั่นแหละ เดี๋ยวจะได้มาเฝ้าทิวเขา ทางนี้ฉันจะอยู่ดูแลเอง เพราะทิวเขากำลังหลับอยู่”
“ค่ะคุณท่าน” หนึ่งธิดารับคำ รีบทำตามที่ท่านสั่งในทันที
ผ่านไปอีกไม่กี่นาที ทิวเขาก็ฟื้นขึ้นมา ธารดีใจเป็นอันมาก รีบเข้าไปดูอาการหลานชายในทันที
“เป็นยังไงบ้างทิว” น้ำเสียงห่วงใยนั้นทำให้ทิวเขารีบบอกว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมาก
“ผมโอเคครับ” ทิวเขาเอ่ยกับผู้เป็นป้า
“คราวหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะ ป้าเป็นห่วงเราแทบแย่ ถ้าเราเป็นอะไรไป ป้าจะทำยังไง รักตัวเองให้มาก ๆ ดูแลตัวเองให้ดีเข้าใจไหม” คนพูดทำท่าเหมือนจะร้องไห้ นั่นทำให้ทิวเขาต้องรีบปลอบใจท่าน
“ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ แค่รู้สึกอ่อนเพลียเท่านั้นเอง”
“นั่นแหละ นนท์เขาบอกว่าเราต้องนอนโรงพยาบาลรอดูอาการก่อน ช่วงนี้ก็ห้ามทำงานอะไร พักผ่อนให้เต็มที่ก่อน”
“ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้วนะครับ ผมกลับบ้านวันนี้ยังได้เลย”
“ไม่ได้ เกิดเป็นลมขึ้นมาอีก ต้องนอนให้น้ำเกลือและพักผ่อนให้เต็มที่ กินอาหารให้ครบสามมื้อ ถ้ากินอาหารเสริมด้วยจะยิ่งดี อย่าทำให้ป้าเป็นห่วงไปมากกว่านี้สิ” ธารรีบเรียกพยาบาลมาบอกว่าทิวเขาฟื้นแล้ว กานนท์ออกเวรพอดีเขาจึงแวะมาดูอาการเพื่อน
“ไงวะเพื่อน ต้องนอนโรงพยาบาลต่ออีกสักหน่อยนะ” กานนท์พูดกับเพื่อน
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร ทำไมต้องนอนโรงพยาบาลด้วย”
“ฉันเป็นหมอ บอกว่าแกต้องนอนแกก็ต้องนอน ร่างกายแกอ่อนเพลียมาก ดีนะไม่ช็อกตาย เหล้าน่ะดื่มให้มันน้อย ๆ หน่อย หรือถ้าให้ดีงดดื่มไปเลยเข้าใจไหม”
“บ่นเหมือนแกเป็นแม่ฉันเลยว่ะ”
“ฉันเป็นห่วงแกมากนะ คุณป้าก็เป็นห่วงแก แกต้องดูแลตัวเองให้ดี รักตัวเองให้มาก ๆ เข้าใจไหม” กานนท์มีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง นั่นทำให้ทิวเขาอึ้งไป
“เฮ้ย! แกอย่ามาดรามาสิ ฉันไม่เป็นอะไร”
“แกไม่เป็นอะไรน่ะดีแล้ว เพราะถ้าแกเป็นอะไรขึ้นมา ฉันคนหนึ่งที่จะเสียใจ ฉันไม่อยากเห็นแกทำร้ายตัวเองแบบนี้อีก แกควรรักตัวเองให้มาก ๆ จำเอาไว้เพื่อน เพราะไม่มีใครรักเราเท่ากับตัวเราเองอีกแล้ว”
“พูดเหมือนคุณป้าเลย นี่แกก๊อปคำพูดคุณป้ามาเหรอ”
“เอาละ แกควรจะกินอะไรสักหน่อย แต่ปากดีแบบนี้น่าจะไม่เป็นอะไรมากแล้วครับคุณป้า” กานนท์พูดให้สถานการณ์ดีขึ้น เมื่อเห็นว่าธารยังมีสีหน้าที่เป็นกังวลอยู่มาก
ทิวเขายอมรับประทานอาหาร แต่กินเข้าไปได้ไม่กี่คำก็อาเจียนออกมา จนกานนท์ต้องสั่งยาแก้อาเจียนมาให้
“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะนนท์”
“น่าจะเพราะไม่ได้กินข้าวติดต่อกันมาหลายวัน ท้องเลยไม่รับน่ะครับ เดี๋ยวกินยาแก้คลื่นไส้อาเจียนก็คงดีขึ้น เดี๋ยวผมจะจัดยาให้อยากอาหารด้วย ทิวเขากินอะไรได้ ก็จะกินได้เยอะเลยครับเพราะคงจะหิวน่าดู ช่วงนี้กินอาหารอ่อน ๆ ไปก่อนนะครับ”
“จ้ะ” พอกินยาเข้าไปอีกรอบ ทิวเขาก็กินข้าวต้มได้เยอะขึ้นไม่อาเจียนเหมือนก่อน และอยากกินโน่นอยากกินนี่เพราะกานนท์จัดยาให้อยากอาหารเข้าไปด้วย
“ช่วงนี้ก็พักผ่อนไปก่อนครับคุณป้า ทิวเขาอาจจะเป็นแผลในกระเพาะอาหารด้วยครับ ถึงได้อาเจียนออกมาแบบนี้ แต่อาการไม่ได้หนักนะครับ เพราะบางคนดื่มแต่เหล้าอาเจียนออกมาเป็นเลือดก็มีครับ ทิวเขาถือว่าไม่ได้อาการหนักครับ คุณป้าอย่าเป็นกังวลไปเลย ผมจะดูแลทิวเขาให้ดี ทิวเขาเป็นเพื่อนผมนะครับ” กานนท์พูดให้ธารสบายใจ นั่นทำให้หญิงสูงวัยคลายจากความกังวลลงไปได้บ้าง
“ให้นอนหลับพักผ่อนแบบนี้แหละครับดีแล้ว ตื่นขึ้นมาจะได้สดชื่นมีแรง เดี๋ยวก็ปากจัดได้เหมือนเดิมแล้วครับ” เพื่อนของเขาค่อนข้างปากร้าย ถ้าไม่สนิทด้วยก็จะหาว่าทำฟาร์มหมาอยู่ในปาก แต่เนื้อแท้เป็นคนจริงใจและจริงจัง เขาคบกับทิวเขามานานจึงรู้นิสัยกันดี
หนึ่งธิดาเดินทางมาถึงโรงพยาบาลหลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมง เธออาบน้ำและรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว
“ฉันฝากหนึ่งด้วยนะ ตอนนี้ทิวเขากินข้าวกินปลาเรียบร้อยแล้ว เขานอนหลับไปแล้วละ หนึ่งเองก็พักผ่อนไปก่อนนะ ถ้าทิวเขาอยากได้อะไรก็ค่อยจัดการให้ ฉันกลับก่อนนะ”
“ได้ค่ะคุณท่าน คุณท่านกลับไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้หนึ่งจะดูแลคุณทิวเขาเอง” เมื่อเด็กสาวรับปากเช่นนั้น ธารจึงเดินทางกลับไปพักผ่อนอย่างสบายใจ คิดว่าพรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมหลานชายใหม่
หนึ่งธิดาเดินไปยังเตียงคนที่นอนหลับสนิทอยู่ ก่อนจะถอนใจ
“รักคนอื่นจนเจ็บป่วยขนาดนี้ แย่จัง รู้ไหมว่าทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงแค่ไหน” เด็กสาวเดินไปนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้องพักผู้ป่วย เธอนั่งมองคนป่วยบนเตียงอยู่แบบนั้นตาไม่กะพริบ
จำได้ว่านอกจากธารที่ช่วยชีวิตของเธอกับแม่เอาไว้ ทิวเขาเองก็ช่วยเหลือเธอกับแม่เอาไว้เช่นกัน วันนั้นเธอกับแม่โดนชายฉกรรจ์หลายคนจะรุมข่มขื่น ธารกับทิวเขาขับรถผ่านมาทางนั้นพอดี สองป้าหลานจึงช่วยเธอกับแม่เอาไว้จากพวกท**นได้ และวันนั้นธารกับทิวเขาก็พาลูกน้องไปหลายคน คนงานในไร่จึงช่วยกันจัดการจับคนร้ายส่งตำรวจได้สำเร็จ เพราะถ้าไม่มีคนงานที่ช่วยเหลือเธอกับแม่เอาไว้ในวันนั้นด้วย เธอกับแม่ก็คงไม่รอด เธอสำนึกในบุญคุณนี้ของทุกคนอยู่เสมอ
ทิวเขาค่อย ๆ ลืมตาตื่น พอเห็นว่าใครเป็นคนมาเฝ้า เขาก็สาดคำพูดร้าย ๆ ใส่เธอในทันที
“กลัวฉันจะไม่รับเธอเป็นเมียรึไง ถึงได้เสนอหน้ามาเฝ้าฉันแบบนี้”
“ตื่นมาก็ปากร้ายเลยนะคะ หนึ่งมาเฝ้าคุณเพราะคุณป่วยและคุณท่านต้องกลับไปพักผ่อนค่ะ คุณท่านร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ท่านเองก็อายุมากแล้ว จะมาเฝ้าคุณทั้งวันทั้งคืนคงไม่ไหวหรอกค่ะ”
“ก็ให้คนอื่นมาเฝ้าสิ เธอเสนอหน้ามาทำไมไม่ทราบ ให้ไอ้ยอด ไอ้ทศ ไอ้ศักดิ์ หรือใครก็ได้ที่ไม่ใช่พวกผู้หญิงหิวเงิน” ประโยคของเขาทำให้เธอสะอึก แต่ก็ไม่อยากจะถือโทษโกรธอะไรเขา เพราะเขากำลังผิดหวังเสียใจเรื่องเพียงฟ้าอยู่นั่นเอง
“คนอื่นเขาไม่ว่างกันหรอกค่ะ เขาต้องอยู่กับลูกกับเมีย ต้องหัดเกรงใจคนอื่นเขาบ้างนะคะ”
“เธอนี่มันปากดีจริง ๆ นะ อย่าคิดว่าคุณป้าให้ท้ายแล้วจะทำอะไรก็ได้ คิดยังไงถึงรับปากคุณป้าว่าจะนอนกับฉันผลิตหลานให้คุณป้า อ้อ... แต่ฉันคงไม่ต้องเดาหรอก ด้วยฐานะอย่างเธอ ถ้าถีบตัวขึ้นมาเป็นเมียของฉัน ก็คงจะทำให้เธอดูรวยขึ้นสินะ”
“หนึ่งไม่เคยคิดแบบนั้น หนึ่งไม่เคยอยากได้เงินของคุณท่านกับคุณทิวเลยค่ะ” หนึ่งธิดาปฏิเสธ ที่เธอรับปากช่วยธารเพราะบุญคุณที่ท่านช่วยเหลือชีวิตเอาไว้ล้วน ๆ
“คิดว่าฉันจะเชื่อน้ำหน้าคนอย่างเธออย่างนั้นเหรอ” เขาบิดปากอย่างดูแคลน พวกผู้หญิงก็เหมือนกันหมด หวังแค่เงินเท่านั้น ลองไม่มีเงินสิ หล่อนจะยอมนอนแบให้เขาเอาเพื่อผลิตลูกอย่างนั้นเหรอ หางตาก็คงไม่แล โผไปหาผู้ชายที่รวยกว่าไม่ดีกว่าเหรอไง มีเงินมันสบายไม่ต้องทำงานให้ลำบาก ยิ่งถ้าเงินนั้นมาจากคนอื่นที่พร้อมเลี้ยงดูก็ยิ่งสบายเข้าไปใหญ่