แล้วไง

1347 Words
                ใจประวิงนึกไปถึงพ่อกับแม่ถ้าตอนนี้อยู่ที่บ้านแม่คงย่างปลาให้กิน เพราะที่บ้านของม่อนหากใครในบ้านป่วย แม่มักจะทำปลาที่หามาได้ทาเกลือย่างให้กินเสมอ บอกว่าบำรุงร่างกาย จนบางทีม่อนนึกอยากกินปลาย่างก็แกล้งป่วย บางทีแม่ก็รู้แต่ก็ทำให้กินด้วยความเอ็นดูแค่ นึกถึงขอบตาก็ร้อนผ่าว ๆ และน้ำตาเริ่มเอ่อ                 ม่อนเป็นลูกสาวคนเล็กพี่ชายคนโตและพี่สาวคนกลางก็ออกเรือนไปแล้วทั้งคู่เหลือแต่เธอที่ยังอยู่ในปกครองของพ่อแม่ ส่วนพี่ชายและพี่สาวก็อยู่กันตามอัตภาพไม่ได้มีเงินทองมากมายพอจะมาจุนเจือพ่อและแม่ได้ ยิ่งสองคนนั้นมีลูกแล้วทั้งคู่ก็ยิ่งไม่ได้ให้เงินพ่อกับแม่ใช้เลย ยังดีที่พ่อได้รับมรดกมาจากปู่ย่ากับที่ดินแค่หยิบมือ พอปลูกผักปลูกไม้ให้ครอบครัวได้กิน แต่จะให้ได้เป็นเงินเป็นทองมากมายนั้นก็คงยาก                 ช่วงหลังพ่อเริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ ทำให้ทำงานหนักไม่ค่อยได้ เพราะปัญหาปวดหลังหมอวินิจฉัยว่ากระดูกสันหลังเคลื่อน แต่ก็รักษาได้โดยการทำกายภาพบำบัด  ซึ่งก็ต้องใช้เงินในการเดินทางและเวลาที่ต้องไปรักษาทำให้ไปบ้างไม่ไปบ้างและปัญหาโรคไส้เลื่อน หมอจะให้ผ่าตัดแต่พ่อก็ผัดผ่อน เพราะยังไม่มีเงิน เงินที่ม่อนหาได้ตอนทำงานก็ส่งให้พ่อแม่จนหมดเหลือไม่กี่บาทเพื่อไว้ซื้อของใช้ส่วนตัว                 เธอก้มมองเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ก็รู้ว่ามันเก่าและสีมอดูซอมซ่อลงไปเยอะแล้ว ม่อนลุกขึ้นนั่งอีกครั้งเพราะนึกอายกลัวนายดินจะดูถูกเอาได้ตอนนี้ยาเริ่มออกฤทธิ์เหงื่อเริ่มซึมตัวก็เริ่มเย็นลง                 นายดินเดินเข้ามาพร้อมกับผ้าชุบน้ำเย็นบิดหมาด ๆ เขานั่งลงใกล้ ๆ  อีกครั้งแล้วพาดผ้าลงบนคอของเธอ                 “จะเช็ดตัวเองหรือจะให้ฉันเช็ดให้” เขาพูดหยอกเอินยิ้มนิด ๆ ม่อนรีบยกผ้าผืนนั้นเช็ดไปทั่วใบหน้าลำคอ ตามแขนที่ยื่นพ้นออกมาจากเสื้อผ้านายมองกิริยานั้นอย่างเอ็นดู                 “ม่อนปีนี้อายุเท่าไหร่” จู่ ๆ เขาก็ถามถึงอายุเธอขึ้นมา                 “สิบแปดค่ะ” เธอเอ่ยตอบเขาเสียงเบา                 “ทำไมไม่เรียนต่อ” เขาถามทั้งที่ก็พอจะรู้คำตอบอยู่บ้าง แต่ก็แค่อยากชวนคุย                 “จบ ม. สามแล้วค่ะ ม่อนอยากทำงานจะได้ช่วยพ่อกับแม่หาเงินด้วยน่ะค่ะ” เธอเล่า แล้วค่อย ๆ ขยับตัวออกห่างนายดินจนชิดพนักวางแขนของโซฟาอีกด้านหนึ่ง                 “เป็นอะไรกลัวฉันนักหนาฮึ...” เขาถามออกมาได้ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย ม่อนมองหน้าเขากะพริบตาปริบ ๆ                 “อือ...ฉันไม่กัดเธอหรอกน่ะ” เขายื่นหน้าขยับตัวไปพูดใกล้ ๆ                 “ม่อนหิวแล้วค่ะนาย” เธอนึกประหวั่นในใจก็กลัวเขาอยู่ลึก ๆ สัมผัสที่หยาบโลนจาบจ้วงกับร่างกายเธอขนาดนั้น ผู้หญิงบริสุทธิ์ที่ไหนจะทนได้ในแวบหนึ่งเธอมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อนายดินก็เห็นเช่นกัน                 “เดินเองไหวไหม” เขาถามออกมาอย่างห่วงใย                 “ค่ะ” เธอตอบฝืนกลั้นใจลุกขึ้นยืนแต่พอขยับขา ก้าวแรกร่างแทบร่วง ครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมดเขารีบรับร่างเธอเอาไว้ทันที                 “เรานี่ก็ดื้อใช้ได้นะ ไม่ไหวก็ต้องบอกว่าไม่ไหวสิ ฮึ เป็นน้องเป็นนุ่งจะจับตีให้ก้นลาย” เขาว่าเหมือนเธอเป็นเด็ก ๆ ใช้อ้อมแขนช้อนเธอขึ้นมาอุ้มแล้วพาเดินไปยังโต๊ะกินข้าวที่เขาวางชามข้าวต้มไว้ให้ทั้งของตัวเองและของม่อนด้วย                 “กินเยอะ ๆ” เขาออกคำสั่งขณะที่นั่งบนเก้าอี้ในฝั่งตรงข้าม ม่อนยกมือไหว้ขอบคุณนายอีกครั้ง ยกช้อนขึ้นมาคนก่อนจะตัก แล้วค่อย ๆ เป่า                 ‘กินเยอะ ๆ ม่อนจะได้หายไว ๆ’ เธอบอกตัวเอง                 นายดินมองหน้าม่อนที่ตั้งหน้าตั้งตากินเพื่อให้ข้าวต้มหมด ๆ ไป เขามองเธอแบบยิ้ม ๆ                 “อร่อยไหม” เขาถามปนเสียงหัวเราะ                 “ค่ะ”                 “หึหึ...กินหมดเลยรึ จะเอาเพิ่มอีกสักหน่อยไหม” เขาถามเมื่อเห็นเธอกินข้าวต้มของเขาจนหมด                 “ขอบคุณค่ะ ม่อนอิ่มแล้ว” เธอพูดนั่งตัวตรงเรียบร้อยสองมือวางไว้บนตัก                 “ไปนอนพักไปไม่ต้องทำงานหรอก บ้านช่องก็ไม่ได้สกปรกอะไรแล้ว เอายากระปุกนั้นลงไปด้วย แต่ถ้าหากเย็น ๆ อาการยังไม่ดีขึ้นฉันจะให้สนพาไปหาหมอที่คลินิกก็แล้วกัน” เขาหยิบกระปุกยาแก้ไข้มาวางตรงหน้า                 ม่อนหยิบกระปุกยานั้นมาถือ ตอนนี้เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ยาคงออกฤทธิ์ อาการเวียนหัวและปวดตุ๊บ ๆ ก็เริ่มคลายลง เธอลุกขึ้นยืนจะเก็บถ้วยข้าวต้มไปล้าง                 “เอาวางไว้ วันนี้ฉันจัดการให้” เขาบอกเธอน้ำเสียงอ่อนโยน ม่อนหันมามองหน้าเขาแล้วยกมือไหว้อีกครั้ง                 “ไปสิว่าแต่จะเดินไหวไหม” เขายังถามด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง ม่อนพยักหน้าตอบค่อย ๆ เดินกลับห้อง นายก็สังเกตว่าเธอเดินไม่ค่อยปกติ หญิงสาวพยายามใช้ฝาผนังช่วยพยุงร่างตัวเองจนกลับลงมาถึงห้องพักจนได้                 “ล็อกห้องแล้วนายยังเข้ามาได้อีก อ๋อ...ก็มันบ้านของเขานี่นา” เธอคิดแต่มือก็กดล็อกลูกบิดประตูอีกทีเพื่อความอุ่นใจ เธอยกมือขึ้นจับที่หน้าอกใจยังเต้นตึก ๆ ตอนนี้เห็นแต่หน้านายและรอยยิ้มแบบใจดีเมื่อกี้                   นายดินนั่งลงที่โต๊ะทำงานย้อนดูบันทึกวิดีโอที่ค้างจากเมื่อวานนี้เหตุการณ์ปกติราบเรียบและไม่มีภาพของน้องชายและแฟนสาวมาทำให้ขุ่นใจแต่ในสมองของเขาก็คิดทบทวนเรื่องราวของคนทั้งคู่ตลอดเวลา                 จริง ๆ เขามีกำหนดการกลับในสิ้นเดือนแต่ด้วยเหตุผลที่ท่องเที่ยวไปแต่ไร้คนข้างกาย จึงทำให้เขาตัดสินใจกลับเมืองไทยก่อนเวลา ปภัสสรบ่ายเบี่ยงที่จะเดินทางไปเที่ยวกับเขา อ้างว่าติดงานและความสัมพันธ์ที่เกินเลยของน้องชายอย่างนายดอยกับเธอคงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ปภัสสรปฏิเสธเขาแน่ ๆ                 เขายกวิสกี้กระดกเข้าไปในปาก ความโกรธเคืองระบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เขาใช้แอลกอฮอล์ดับมันแล้วมันก็ได้ผลดีเสียด้วย ทำให้เขาลืมเรื่องที่เกิดขึ้นและนอนหลับตาลงได้อย่างสบาย                 อย่างไรนายดอยก็คือน้องชายคนเดียวของเขาและปภัสสรก็เป็นรักแรกและรักเดียวในชีวิตหนึ่งของลูกผู้ชายที่ชื่อปฐพี                 ภาพวันที่เขาเมาหมดสภาพกลับมาในคืนนั้นประจักษ์แก่สายตาของเขา นายดินยิ้มหยันให้กับความน่าสมเพชของตัวเอง                 คนขับรถและเด็กสาวคนใช้คนใหม่ที่ช่วยพยุงตัวเขาที่แทบไม่ได้สติเข้ามาในบ้านอย่างทุลักทุเล สนและม่อนช่วยขนกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องของเขา ก่อนที่สนจะกลับบ้านไป                 ม่อนเดินกลับเข้าไปในห้องของนายดินอยู่เกือบสองชั่วโมง และตอนที่เธอเดินออกมาจากห้องของเขาสภาพอิดโรย เขาเห็นเธอยืนนิ่ง อยู่ที่หน้าห้องนอนของเขาเช็ดน้ำตาป้อย ๆ อยู่เป็นนานสองนาน แล้วตอนที่เธอกลับไปยังห้องของเธอหญิงสาวหยุดนิ่งอยู่หลายครั้งและเอามือกุมหน้าท้องตัวเองเป็นระยะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD