“อะไรของคุณเนี้ย นี่มันงานของฉันนะ” มายาพูดอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้หรอกว่าเขามีอำนาจอะไรมาสั่งยุบค่ายมวยนี่ แต่ถ้าเขายุบเธอก็ตกงานนะสิ
“ถ้าอยากทำก็เข้ามาดูแลเฉยๆ ก็ได้ เดี๋ยวฉันเปลี่ยนทั้งหมดเป็นชื่อเธอ แค่รอรับเงิน กับบริหารก็พอ ไม่ต้องลงมาทำอะไรแบบนี้หรอก ฉันหึง” เขาพูดทุกอย่างต่อหน้าคนที่ยังยืนมองอย่างสงสัย และประโยคสุดท้ายเขาก้มลงพูดกับเธอแค่คนเดียว
“ค่ายมวยนี่ของคุณ?” มายาเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย เธอไม่เคยรู้ว่าใครเป็นเจ้าของค่าย เพราะคนที่จ้างเธอมาเป็นครูมวย เขาบอกแค่ว่า เขามาดูแลแทนเจ้านายคนใหม่แค่นั้น เลยไม่เคยรู้เลยว่าค่ายมวยนี้เป็นของใคร ตั้งแต่ที่เจ้าของค่ายมวยคนเดิมตายไปนู้นแหล่ะ
“อืม ตกลงตามนั้นนะ อย่าให้ต้องออกคำสั่งเลยมายา ถือซะว่าคำพูดของฉันมันเป็นประโยคขอร้องเถอะ” สมิงมองใบหน้าไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มนิ่งๆอย่างรอคำตอบ เขาไม่อยากใช้อำนาจกับเธอนัก แต่ทั้งหมดที่พูดไปมันคือคำสั่งมากกว่าจะเป็นคำขอร้อง
“ไม่เอา ฉันเทรนเด็กพวกนี้มาตั้งหลายปี เด็กๆ ของฉันจะได้ขึ้นชกรายการดังอยู่แล้ว เรื่องอะไรฉันจะอยู่เฉยๆ” มายาไม่คิดว่านั่นเป็นประโยคขอร้องอย่างที่เขาต้องการหรอก เขาสั่งเธอมากกว่า แต่เธอไม่อยากทำตามไง เด็กๆ ของเธอจะได้ชกไฟส์สำคัญระดับจังหวัดเลยนะ ถ้าเธอไม่อยู่เด็กๆ ต้องแย่แน่ๆ
“เลิกทำตามความฝันของคนอื่นสักที หมอนั่นตายไปแล้วนะมายา” สมิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มองใบหน้าสวยด้วยแววตาอ่านไม่ออก
“คุณรู้ทุกเรื่องของฉันสินะ!” มายากัดฟันแน่น เธอเกลียดที่คนอื่นเอาเรื่องของผู้ชายคนนั้นมาพูด ยิ่งเป็นคนที่เธอต้องแต่งงานด้วยยิ่งเกลียด
มันก็ใช่ที่ตอนแรกเธอทำตามความฝันของคนรักที่ตายไป ก็ไอ้เจ้าของค่ายมวยนี่แหละ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ไง เธอพาเด็กพวกนี้มาไกลเกินกว่าที่จะเรียกว่าทำตามความฝันของคนอื่น ฝันที่เขาคนนั้นเป็นคนสร้างไว้ มันคือฝันของเด็กๆ พวกนี้ต่างหาก
“เห้อ! ฉันกลับล่ะ”
สมิงถอนหายใจยืดยาว หันหลังเตรียมออกเดิน เมื่อทุกอย่างในวันนี้ไม่เหมือนที่เขาตั้งใจไว้ตั้งแต่ทีแรก ดอกไม้ที่เธอชอบยังอยู่ในรถ มันคงไม่มีโอกาศที่เธอจะหยิบมันขึ้นมาดอมดม เหมือนกับตัวเขานั่นแหละ ที่เธอไม่คิดจะเปิดใจให้
“เอานี่ของคุณไปด้วย” มายาถอดเสื้อเชิ้ตเนื้อดีออกจากตัวอย่างรวดเร็ว โยนมันไปแรงๆ จนกระทบกับแผ่นหลังเปลือยเปล่า ก่อนมันจะลงไปกองที่พื้น
เธอโกรธที่เขาพูดถึงเธอแบบนั้น ชีวิตเธอไม่ได้จมอยู่กับคนที่ตายไปแล้วเกือบ 4 ปีสักหน่อย เธอลืมเขาไปแล้ว เธอเริ่มใหม่ไปแล้ว แต่เขายังคิดว่าเธอจมอยู่แต่ในอดีตที่แสนเจ็บปวดเหมือนพ่อกับแม่เธอ
สมิงเดินจากไปโดยไม่คิดจะก้มเก็บเสื้อของตัวเองขึ้นมา เขาทิ้งศักดิ์ศรีที่เคยมี ทำอะไรหลายๆ อย่างให้เธอ แต่เธอก็ช่างขยันทำลายศักดิ์ศรีที่เขาลดลงมาทำนั่นเหลือเกิน เขาควรพอแล้วสินะ ควรกลับไปเป็นสมิงคนเดิมสักที
มายามองแผ่นหลังที่จากไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ เมื่อเขาเดินหายไปจากบริเวณค่ายมวย เธอก็เดินไปเก็บเสื้อตัวนั้นมาถือไว้ มองคนที่เริ่มทะยอยกลับไปซ้อมสลับกันไปมา
“ไปสิครู รถคันนั้นยังจอดอยู่ที่เดิมอยู่เลย” เซ็นต์ที่มีอายุเพียง 19 ปี เดินกลับเข้ามาในค่าย หลังเดินตามผู้ชายคนนั้นออกไปเงียบๆ เมื่อเห็นรถที่เขาขึ้นไปนั่งยังจอดอยู่ที่เดิม จึงได้รีบเดินมาบอกครู ที่ยังยืนทำสีหน้าเจ็บปวดอยู่ที่เดิม
มายาก้าวเดินเร็วๆ ออกไปจากบริเวณนั้นทันที เดินไปตามฟุตบาทเพื่อมองหารถหรูของเขา เดินผ่านรถทุกคันไปจนเกือบถึงหน้าปากซอย แต่ไม่เจอรถที่เขาขับมาส่งเธอวันนั้นเลย เขาไปแล้วสินะ ไปทั้งๆ ที่ยังโกรธเธออยู่
มายาเดินกลับมาในทิศทางเดิม มองเสื้อที่อยู่ในมือแล้วรู้สึกจี๊ดที่ใจแปลกๆ เธอเคยทำอะไรแบบนี้ใส่คนอื่นด้วยเหรอ ทำไมเธอถึงได้ร้ายกาจกับคนอื่นได้ตลอดแบบนี้นะ
“อ๊ะ!” ร่างที่กำลังจะเดินผ่านรถยนต์สีดำ ชะงักเพียงเสี้ยวนาที เพราะประตูฝั่งคนขับเปิดออกมาอย่างรวดเร็ว และร่างของเธอก็ถูกดึงเข้าไปในรถในเวลาต่อมา พร้อมกับมือใหญ่ที่เลื่อนมาจับใบหน้าเธอไว้แน่น
“ตามมาทำไม มาสมเพชฉันเหรอมายา” สมิงมองด้วยแววตาเรียบเฉย แต่มายากลับมองว่ามันดูเจ็บปวด มือเล็กที่มีผ้าพันอยู่ ยกขึ้นจับใบหน้าหล่อเหลาเบา ก้มลงประทับริมฝีปากลงไปเบาๆ
ดวงตาสีดำสนิทหลับลงช้าๆ เพื่อรอรับจูบหวานๆ จากเธอ มือจับยกสะโพกเล็กให้มานั่งเกยอยู่บนตัก ทั้งยังเผยอริมฝีปากขึ้นให้เธอกวาดชิม เขาไม่ได้ทำอะไรเธอ แต่ปล่อยให้เธอทำทุกอย่างตามใจ และตอบสนองในแบบที่เธอต้องการเท่านั้น
มือเล็กโอบรอบคอแกร่งไว้หลวมๆ เมื่อจูบที่เธอเป็นคนเริ่ม ทวีความรุนแรงขึ้นเพราะการตอบสนองของเขา เขามันช่ำชองทุกอย่าง ขนาดเป็นฝ่ายตามยังทำให้เธอรู้สึกวาบวาบได้ทั้งตัว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเสืออย่างเขาถึงมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามขนาดนี้
“พอแล้วเหรอ”
เปลือกตาหนาขยับขึ้นช้าๆ มองคนที่ถอยห่างออกไปนิดๆ พลางหอบหายใจ ใบหน้าสวยแดงก่ำ ดวงตาสีหวานดูหยาดเยิ้ม ในขณะที่มือบางยกขึ้นเช็ดปากตัวเองออกเบาๆ ก่อนที่เธอจะเลื่อนมาเช็ดปากให้เขาแบบเดียวกัน
เธอกำลังยั่วเขาอยู่รึเปล่า เธอทำทุกอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรเลย สายตามองเพียงแค่มือตัวเองที่เช็ดริมฝีปากเขาอยู่ ไม่ยอมมองสบตาเขาเลย เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อย เธอก็เริ่มขยับตัวนิดๆ เหมือนอยากจะลงไปจากตักเขาแล้ว
“ฉันแค่สงสารหรอก”
มายาพูดจบก็หันหน้าหนีไปอีกทาง เธอเป็นแบบนั้นจริงๆ ทันทีที่เห็นแววตาของเขา เธอก็รู้สึกแบบนั้น แล้วร่างกายมันก็ขยับไปเอง เหมือนถูกแววตาเศร้าๆของเขาดึงดูดเข้าไปหา
“ฉันน่าสงสารเหรอมายา” คำพูดของเธอไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นเลย เขาน่าสงสารหรือน่าสมเพชกันแน่
“เลิกทำหน้าแบบนั้นสักที” มายาหน้ามุ่ยลง เขาทำหน้าแบบนั้นทีไร เธอรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ ถ้าเขาทำตัวปกติเธอคงไม่ต้องเป็นแบบนี้ แต่นี้เขากำลังทำเหมือนเขาเสียใจ เธอจึงไม่รู้ว่าจะปลอบเสือตัวใหญ่แบบเขายังไงดี
“อยู่ใกล้เธอแล้วฉันดูแย่ที่สุดในชีวิต” สมิงหันหน้าหนีไปอีกทาง เพราะไม่รู้หรอกว่าหน้าตาที่เธอบอกว่าไม่ให้ทำแบบนั้นมันเป็นยังไง จึงทำได้แค่เบือนหน้าหนีจากสายตาเธอ เพราะกลัวเธอจะยิ่งไม่ชอบใจถ้ายังเห็นเขาทำแบบนั้นอยู่
“ฉันขอโทษที่โยนเสื้อใส่คุณ” มายาเอ่ยขอโทษในสิ่งที่เธอทำผิด คนแบบเขารักศักดิ์ศรีตัวเองมาก แต่เธอกลับทำแบบนั้นกับเขาต่อหน้าคนอื่น เหมือนเหยียบศักดิ์ศรีของเขาด้วยเท้าของเธอเอง
“ฉันยังอยากทำงานต่อ ถ้ามีครูมวยที่ดีกว่าฉันมา ฉันถึงจะเลิกทำ พอใจรึยัง” มายาพูดเสียงเบา อีกสองวันก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ต่อให้แต่งด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ยังไงเขาก็จะมาเป็นสามี เธอควรฟังเขาครึ่งนึง และใช้ชีวิตตัวเองครึ่งนึง เพื่อไม่ให้เสียตัวตนของตัวเองไป นี่เธอยอมสุดๆ แล้วนะ
“ทำไมไม่ไปทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด” คำพูดของเขา ทำให้คนที่นั่งอยู่บนตักจับใบหน้าเขาให้หันมาสบตา มายามองคนตรงหน้าด้วยความเคลือบแคลงสงสัยอย่างชัดเจน
“คุณแอบจับฉันไปฝังชิบอะไรไว้ใช่ไหม ถึงได้รู้จักทุกอย่างของฉันแบบนี้ บอกมานะคุณสมิง ว่าที่ผ่านมาคุณทำอะไรเกี่ยวกับฉันบ้าง ไม่งั้นฉันแจ้งตำรวจจับคุณเข้าคุกนะ” มายามองด้วยสายตาจริงจัง เพื่อกดกันให้เขาพูดในสิ่งที่เธออยากรู้ที่สุด
“แค่ให้คนหาข้อมูลมาให้ ข้อมูลพวกนั้นไม่ใช่ความลับนี่มายา มันไม่ผิดกฎหมาย” สมิงบอกในสิ่งที่เธออยากรู้ มันเป็นข้อมูลพื้นฐานทั้งนั้นที่เขาได้มา ครอบครัว การเรียน นิสัยใจคอ สิ่งที่ชอบ สิ่งที่เกลียด เป็นเรื่องราวของเธอทั้งหมด
“คุณน่ากลัวแบบนี้นี่เองสินะ ฉันต้องเข้าไปซ้อมให้เด็กๆ แล้ว คุณมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า ถึงได้มาหาฉันถึงที่นี่”
มายาขยับตัวอีกครั้ง เมื่อรู้สึกว่าอยู่กับเขาในท่านี้นานเกินไป เขาไม่เมื่อย แต่เธอเมื่อย คนที่เดินผ่านไปมามองอย่างสงสัย เพราะประตูที่เปิดค้างไว้ แต่เมื่อเจอเธอส่งสายตาไปให้ ก็รีบเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“ทำไมไม่เคยรับของที่ฉันส่งมาให้เลยสักครั้ง”
“คราวหลังคุณช่วยซื้อของที่มีประโยชน์ส่งมาให้ฉันได้ไหมละ ฉันจะได้รับมันไว้ทุกอย่าง คุณก็รู้ว่าดอกไม้มันไม่มีประโยชน์สำหรับฉัน”
มายามองดอกกุหลาบสีแดงสดที่อยู่เบาะหลังนิ่งๆ ก่อนจะยิ้มให้คนตรงหน้า เขามีความพยายามดีทีเดียว ทั้งที่เธอไล่ตะเพิดคนของเขาพร้อมช่อกุหลาบสีแดงกลับไปทุกวัน เขายังกล้าส่งมาให้เธออีก และวันนี้ก็เอามันมาด้วยตัวเอง เสือแบบเขาก็มีมุมที่น่ารักนะเนี้ย
“ช่อนั่นที่คุณอุส่าห์หิ้วมา ฉันจะเอากลับบ้านด้วยละกัน แต่คราวหลังไม่ต้องซื้อมาหรอกนะ ฉันไม่ได้ชอบกุหลาบสีแดงแล้ว” มายาพูดกับคนที่นิ่งเงียบฟังคำพูดเธอ แววตาเขาดูดีใจเมื่อเธอบอกว่าจะรับช่อดอกไม้ที่เขาหิ้วมาด้วย
“แล้วชอบอะไร”
ใบหน้าคมขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อพูดจบ เป็นครั้งแรกที่เขาถามเธอเองว่าชอบอะไร แทนการนั่งอ่านข้อมูลของเธอ
มายาก้มลงไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู บอกเขาในสิ่งที่เธอชอบ พูดจบก็ลงจากตักแกร่ง ไปเปิดประตูหลังหยิบช่อดอกกุหลาบดอกโต แล้วเดินจากไป ปล่อยให้คนตัวสูงนั่งนิ่งกับสิ่งที่เธอชอบนานสองนาน เมื่อได้สติจึงได้ปิดประตูแล้วขับรถกลับไปทำงาน เมื่อรู้สิ่งที่เธอชอบเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง