ตอนที่9

3073 Words
“อีย่งยี่ อีบัวไร พวกมึงคอยดูหนา กูจักเอาคืนให้สาสม” โสนและบุหงาที่ถูกจับโยนออกจากเรือนพร้อมข้าวของเครื่องใช้สอยส่วนตัวในหีบผ้าใบใหญ่ กล่าวคำอาฆาตเลือดขึ้นหน้า แม่สาวโคมเขียวเท้าสะเอวมองประเมินราคาแม่นางตกอับทั้งสองด้วยสมเพชใจ พวกมึงคงรู้จักนางโคมเขียวน้อยไป ทั้งชีวิตกูเจออีพวกเก่งกล้ากว่ามึงเป็นร้อยเท่ามาสิ้น แลวันนี้กูยังยืนอยู่ตรงนี้ได้ มึงคิดเอาเถิดว่ากระดูกกูจักแข็งกว่ากระดูกมึงเพียงใด คนทำจริงเขาไม่ข่มขู่ก่อนดอก พวกมึงแลจักเก่งแต่เห่า หากจักถูกกูตบตีแลหน้าสวยๆ จะหาผัวไม่ได้เสีย ย่งยี่เลือกที่จะปล่อยไป เพียงเท่านี้นางทั้งสองก็สภาพไม่ต่างจากหมาข้างทางเท่าใดแล้ว “เอามันออกไปให้พ้นเขตเรือน” ย่งยี่หันไปสั่งบ่าวชายที่ยืนรอฟังอยู่ข้างๆ แลแม่สาวโคมเขียวเก่าก็สะบัดชายกี่เพ้าสีแดงสดเดินขึ้นเรือนจากไป โสนและบุหงายังคงก่นด่าแผดเสียงดังไล่หลังย่งยี่ไม่หยุดหย่อน แม้ถูกบ่าวผู้ชายจับอุ้มออกไปไกลสุดลูกตาก็ยังได้ยินเสียงสาปแช่งไม่หยุดหย่อน “อีบัวไร อีย่งยี่ กูจักเอาพวกมึงคืนแน่” บัวไรที่ยังคงมองตามเบะปากงุ้มใส่ ไม่สาแก่ใจกูเลยเทียว เหตุใดมันจึงไม่โดนลงหวายเสียก่อนนะ คันมืออยากตบมันนัก อย่าให้แม่เจอที่ตลาดเทียว บัวไรที่เกลียดนางของพระยาทุกคนกล่าวคำอาฆาตในใจ “มันเรื่องกระไรหรือจ๊ะพี่บัวไร” นางคนอื่นที่เป็นมิตรต่อกันถาม ก็จู่ๆ แม่ย่งยี่ก็เรียกหาแม่สองคนนั้น จากนั้นพวกหล่อนก็ถูกโยนออกจากเรือนเหมือนหมา แลไม่มีใครบอกกระไรใครเลย “หรือพระยาไม่อยู่ พี่ย่งยี่เลยจักวางอำนาจบาดใหญ่ ใครไม่ถูกใจก็จักขับไล่ออกนอกเรือน” แม่คนหนึ่งคาดเดา “ทำเช่นนั้นได้หรือ เช่นไรควรเกรงอาญาพระยาบ้าง” อีกคนค้านความ “ว่าได้หรือมึง พี่ย่งยี่เป็นมือเป็นตีนพระยา ทำอำนาจใดก็ไม่ถูกอาญาดอก” “เอาแล้วซี กูจักโดนไหมนั่น” “พวกมึงนี่นะ มึงคิดว่าอย่างนางย่งยี่ใหญ่โตมีอำนาจวาสนาถึงเพียงนั้นเทียวหรือ มันก็เหมือนพวกกูๆ มึงๆ นี่ล่ะหว่า จักพากันกลัวหัวหดดังมันเป็นเมียเอกเมียแต่งไปได้” บัวไรพูดขึ้นด้วยนึกหมั่นไส้ “ก็…” นางคนหนึ่งจักเถียงให้เหตุผล แต่ก็รู้ๆ อยู่ว่าไม่เคยมีผู้ใดเถียงชนะแม่บัวไรคนนี้ไปได้ เก่งกล้านักแม้ต่อหน้าท่านพระยา “กูจักบอกความให้รู้แจ้ง ที่อีโสนแลอีบุหงาถูกเฉดหัวออกจากเรือน” บัวไรเล่าต่อ “เช่นไรหรือพี่” “พวกมันลอบออกไปเล่นชู้น่ะซี” “อพิโธ่!! เช่นไรจึงกล้าทำ” พวกนางเอามือทาบอกสีหน้าบอกอาการตกใจ “นั่นซี ทั่วทั้งพระนครมีบุรุษใดงามกว่าพระยาท่านมีอีกหรือ แลจักดูแลดี เบี้ยอัดผ้าแพรไม่เคยได้ขาด” “ความร่านสวาทไม่เข้าใครออกใครดอก จำพวกนางวันทองกากี จักต้องการการบำเรอทุกเมื่อเชื่อวัน” บัวไรว่าหยัน “อย่างนี้ก็มีหรือ” “น่าละอายนัก” “พวกมึงก็ระวังไว้เถิด อย่าคิดว่าจะรอดพ้นหูตากูไปได้” บัวไรว่าพรางมองจ้องไปทีละคน ความจริงก็อยากให้เป็นเช่นนั้นนัก ให้พวกมันหายไปให้หมดไม่ให้เหลือแม่สักคนเดียว “ฉันไม่กล้าดอก ทำเช่นนั้นดังฆ่าตัวตาย” พวกนางบอก แน่ล่ะว่า หลายคนไม่ได้มาจากตระกูลผู้รากมากดี ชีวิตความเป็นอยู่ในตอนนี้ถือว่าน่าพอใจนัก ถึงต่อไปพระยาจักเบื่อหน่ายแลให้ออกจากเรือนดังพวกนางคนก่อนๆ ท่านก็จักหาที่อยู่หลับนอนแลงานการให้ได้มั่นคงกันจนถ้วนทั่ว เช่นนี้นางส่วนใหญ่จึงสำเหนียกตนแลไม่ก่อความวุ่นวาย แต่ก็ยังมีที่เป็นบ้าเป็นหลังอย่างแม่บัวไรนี้ก็บ้างให้ได้ปวดหัว “ที่เรือนโน้นมีเรื่องกระไรหรือ” คุณหญิงศรีถามบ่าวที่ไปสอดรู้จนได้เรื่องได้ความมาบอกกล่าว “แม่บัวไรว่า พวกนางทั้งสองลอบเล่นชู้เจ้าค่ะ” นางบ่าวรายงาน “คุณพระ!!” คุณหญิงศรีเอามือทาบอกตกใจ “จริงหรือวะนังยวง” บ่าวใกล้ชิดอีกคนถามย้ำ “จริงแท้เจ้าค่ะคุณช้อย แม่โสนกับแม่บุหงาก็หาได้พูดว่าตนถูกใส่ความแม้สักคำ” นางบ่าวคนเดิมบอก “ไม่น่าเลย ออกจากเรือนไปจักไปอยู่กันเช่นไร พวกนางเป็นลูกคนขายถ่านมิใช่หรือ” คุณหญิงมองสายตาเวทนาไปยังสองนางที่อยู่ไกลลิบลับออกไปทุกทีพรางส่ายหน้านึกสมเพช “อิฉันก็ไม่รู้แน่เรื่องปูมหลังพวกหล่อนดอกเจ้าค่ะ แต่ได้ยินมาอีกว่า พระยาไม่ให้เบี้ยสักอัดไปเลย” “แล้วนั่นจักไปอยู่ที่ใดกัน บทจะใจร้ายคุณพี่ก็ใจร้ายแท้” “พวกหล่อนคงมีเบี้ยอัดเก็บไว้บ้างล่ะเจ้าค่ะ” “สนน้ำหน้า อย่าไปใส่ใจพวกมันเลยเจ้าค่ะคุณหญิง ดีเสียอีก กำจัดพวกนางชั้นต่ำออกไปได้ คุณของบ่าวจักได้ยิ้มได้บ่อยๆ” บ่าวรับใช้คนสนิทว่า “เช่นไรคุณพี่ก็จักพามาเพิ่มอีกอยู่ดี ฉันชินเสียแล้วล่ะช้อย แค่คุณพี่ปฏิบัติกับฉันเยี่ยงเดิม ฉันก็พอใจแล้ว” เมื่อพูดถึงพระยาในทางให้ได้น้อยใจ คุณหญิงก็หน้าเศร้าลงไปถนัดตา “โถคุณหญิงของอีช้อย” เมื่อว่าราชการเสร็จ พระยาหมื่นทิศก็พาเหมือนแก้วมาที่หอโคมเขียวโดยอ้างว่าจักพามาหาที่ใส่ยูกใส่ยาให้อีก แลหมายจักใช้กลเดิมล่อลวงเล่นสวาทกับมัน “ไม่เอาขอรับ” เหมือนแก้วกำตัวเสื้อของคนพี่พลางเอาหน้าซุกหนีแลนั่งตัวสั่นเทาอยู่แนบอก พระยาจึงเอื้อมมือมาลูบหลังกอดปลอบ “มึงจักกลัวกระไร” พระยาหมื่นทิศถามเสียงอ่อนโยน “ฉันเจ็บขอรับ พี่อย่าใส่ยาให้ฉันเลยหนา” เด็กหนุ่มแหงนหน้าขึ้นมาบอกแววตาสั่นระริกเมื่อนึกถึงสัมผัสที่สร้างความรู้สึกประหลาดนั่น สายตาคมมองสบตาตากลมๆ ใสๆ คู่นั้นอยู่นานโข ตัวมันช่างชวนมองแลน่าสงสาร การจักล่อมันเข้าไปในหอโคมเขียวแลทำสวาทมันคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่เพียงคำพูดท่าทางตัวลีบสั่นน่าสงสารแบบนั้นทำให้พระยาเปลี่ยนใจ ที่โสมมแบบนี้หรือจะเหมาะกับมัน คิดได้ดังนั้น พระยาหมื่นทิศจึงพาคนน้องกลับเรือน แลคงต้องอดทนต่อความปรารถนาในกายเด็กหนุ่มต่อไปอีก ณ สถานราชการ วันนี้พระยาหมื่นทิศไม่ได้พาเหมือนแก้วมาด้วยอย่างที่เคย นั่นเพราะความต้องการที่มีมากต่อคนตัวเล็กทำให้เกรงว่าจักควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป ‘ฉันเจ็บขอรับ’ เสียงเหมือนแก้วยังกังวานอยู่ในหัว พระยาหมื่นทิศคิดใคร่ครวญ ใช่ซี มันไม่ใช่สตรี จักได้มีร่างกายรองรับบุรุษ กูจักคิดไปเองว่าคงเหมือนๆ กัน แต่กูอยากได้มันนัก กูควรทำเช่นไรดี ใครพอจะให้คำตอบกูได้หนา ในขณะที่พระยากำลังคิดหาทางไม่ตก ก็เหมือนบุญจักพาวาสนาจักส่งให้ได้สิ่งที่ต้องการในเร็วพลัน “พระยาท่าน ฉันไหว้จ้ะ” คุณหลวงโกตี ขันทีหลวงรับใช้ชาวตูรกี่ กล่าวทักทายพระยารูปงามด้วยอาการขัดเขิน แลเขามักหาโอกาสทักพระยาท่านทุกครั้งที่ได้จังหวะ ใช่ซี นี่อย่างไรล่ะ ผู้ที่จักให้คำตอบแก่กูได้ “พ่อว่างเสวนากับฉันสักเดี๋ยวหรือไม่” พระยาพูดอย่างไว้เกียรติกับหัวหน้านายในขันที “ว๊าย พระยาชวนฉัน นี่ฉันฝันไปหรือเปล่านี่” คุณหลวงโกตีหวีดว๊ายเอามือกุมแก้มเห่อร้อนจากความเขินอาย “ไม่ว่างฉันก็ต้องว่างแล้ว พระยาหมื่นทิศเรียกหาทั้งที มีหรือฉันจะปฏิเสธได้” “คือฉันมีเรื่องจักถาม แต่ไม่รู้ว่าจักสมควรหรือไม่” พระยาหมื่นทิศบอก “ว่ามาเถิด ไม่ว่าเรื่องกระไร สำหรับพระยาท่านแล้ว ฉันยินดีตอบ” “เราหาที่ส่วนตนเสวนากันดีกว่า” “ว๊าย ส่วนตนแค่ไหนกันล่ะพ่อ” คุณหลวงหน้ารื่นอย่างมีความหวัง วันนี้โชคดีอะไรเช่นนี้หนา ไม่เพียงได้เสวนากับท่านพระยา แต่ท่านยังชวนฉันไปในที่เป็นการส่วนตัวอีก “แค่ที่ใต้ต้นลำดวนที่ศาลาริมน้ำนั่นก็ได้กระมัง” พระยาหมื่นทิศชี้บอก คุณหลวงโกตีแอบทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมายิ้มอีก “เอาเถิด หากเป็นพระยาแล้ว ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไหร่ ฉันก็พร้อมใจเสมอ” ณ ศาลาเล็กหลังงามกลางสวน “คือ เรื่องที่ฉันจักถาม พ่อต้องเก็บเป็นความลับหนา” พระยาหมื่นทิศเอ่ยขึ้นก่อน “อุ๊ยตาย ฉันมีความลึกลับกับท่านพระยา รู้สึกว่าตนเองสำคัญแท้หนาพ่อ ว่ามาเถิด ฉันรักษาความลับเก่ง พ่อก็รู้ว่างานของฉันคือการรักษาความลับ” “เป็นเรื่องของญาติฉัน” พระยาหมื่นทิศออกตัว “ญาติ?” ขันทีเลิกคิ้วสูง แลความเฉลียวฉลาดทันคนจึงรู้ได้ไม่ยากดอกว่า เป็นเรื่องของท่านพระยาเองนั่นแล “แล้ว…” ขันทีหลวงชม้อยชม้ายชายตาก่อนถามต่ออย่างอยากรู้ “ญาติท่านพระยาผู้นี้ มีเรื่องลำบากใจกระไรหรือขอรับ” “เขาอยากรู้วิธีเล่นสวาทกับบุรุษเพศ” “พรืด!!!!” บุรุษจริตสตรีขำพรืดด้วยสุดจะกลั้น “ขออภัยขอรับ ฉันไม่คิดฝันว่าจะเป็นเรื่องนี้” คุณหลวงบอกแลพยายามกลั้นขำเพื่อไม่ให้เสียมารยาท พระยาหมื่นทิศมองสงบ แลยังคงนั่งนิ่งองอาจหาได้เสียอาการออกพิรุธอันใดไม่ ขันทีหลวงแอบชื่นชมในใจ ยิ่งได้เห็นบารมีใกล้ๆ ยิ่งสุดจะประทับในจิตใจนักแล “หากเขาอยากรู้ ฉันจักช่วยสอนบทเรียนสวาทถึงแก่งแกงให้ได้หนาขอรับ” ขันทีหลวงเลียริมฝีปากยั่วยวน “ไม่ต้องให้ขึ้นขั้นนั้นดอก อย่าได้ลำบากพ่อเลย บอกฉันมาเดี๋ยวนี้เถิด อย่างละเอียด” ขันทีหลวงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้แลพูดด้วยเสียงที่เบาเพื่อให้แน่ใจว่าได้ยินเพียงสองคน “นี่แน่ะ ฉันจะบอกทุกสิ่งไม่คิดปิดบัง” หลังจากกลับจากว่าราชการ พระยาหมื่นทิศก็ดูเคร่งขรึมราวกับมีเรื่องให้ครุ่นคิดตลอดเวลา กูจักได้รู้เรื่องสวาทชายกับชายจนทะลุปรุโปร่ง เปิดหูเปิดตากูนัก แต่ปัญญาคือกูจักชักชวนมันมาเล่นสวาทกันได้อย่างไร ขอให้มันมาเป็นเมียรึก็ใช่ที จักถูกมันเมินหนีเอาได้ง่าย แลจักเกี้ยวพาก็ยากนัก ดูชอบกลไปเสียหมด “พี่พระยาเป็นกระไรหรือขอรับ งานหนักหนาหรือพ่อ” เหมือนแก้วถามด้วยห่วง “เออ งานยากนัก ยากจนกูไม่รู้จักทำกระไรต่อไป หากพลาดเพียงนิด งานจักพังล้มไม่เป็นท่า” พระยาหมื่นทิศบอก “ฉันพอจะช่วยกระไรได้ไหมขอรับ” “อยู่เป็นเพื่อนกูในคืนนี้ได้ไหมเล่า” “นอนที่ห้องฉันหรือขอรับ” เหมือนแก้วถาม พระยาพยักหน้า “ได้ขอรับ แต่ฉันอดนอนไม่เก่งหนา กลัวจะยังไม่ถึงยาม1ก็หลับเสียแล้ว” “กูก็ชวนมึงนอนนี่ล่ะ มิได้ให้ถ่างตาถึงเช้าดอก” พระยาหมื่นทิศบอก วันนี้คุณหญิงศรี เมียเอกพระยาแลแม่ย่งยี่ก็มาร่วมรับประทานมื้อเย็นด้วยกันที่เรือนเจ้าพระยาโดยไม่ได้นัดหมาย “ฉันไหว้จ้ะ” เหมือนแก้วที่อายุอ่อนกว่ายกมือไหว้สตรีที่มีศักดิ์เหนือกว่า งามนักเมียพี่พระยา งามถูกต้องดังสตรีในวรรณคดี แลกิริยามารยาทยิ่งงาม อ่อนหวานสมเป็นศรีภรรยา เหมือนแก้วมองพินิจหญิงสาว แลเด็กหนุ่มก็หันไปไหว้ย่งยี่นางโคมเขียวเก่าด้วยอีกคน “ไม่ต้องไหว้ฉันดอก ฉันก็แค่บ่าวคนหนึ่ง” แม่สาวเชื่อสายจีนว่า “คราก่อนฉันยังไม่ทันได้ไหว้พี่เลยนี่จ้ะ” เหมือนแก้วว่ายิ้มๆ ย่งยี่จึงยิ้มตอบ “ที่จันทบูรณ์เขาว่างามนัก ฉันเคยได้ยินผ่านผู้ที่เคยไปเยือน” คุณหญิงศรีว่าถามให้เหมือนแก้วยืนยันข้อมูลนี้ “งามคนละแบบกับที่พระนครนี่ขอรับ” “ฉันยังไม่ยินมาว่า ดังเมืองฟ้าเมืองสวรรค์” หญิงสาวถามอย่างตื่นเต้น เหมือนแก้วยิ้ม “จริงเทียวขอรับ มีที่ดังสวรรค์เช่นนั้นอยู่จริง” เด็กหนุ่มบอก “เป็นอย่างไรหรือพ่อ พรรณนาให้ฟังทีเถิด” คุณหญิงสนทนากับเด็กหนุ่มอย่างออกรส ด้วยใคร่สนอกสนใจในเรื่องเดียวกัน ในระหว่างทานอาหาร คราว่างเว้นจากการพูดคุย เหมือนแก้วสังเกตเห็นอยู่หลายคราว่าคุณหญิงศรีแอบมองพระยาหมื่นทิศอยู่บ่อยครั้ง ดูหล่อนคงหลงพระยาเอามากๆ แววตาน้อยใจที่ซ่อนไม่มิดเมื่อพระยาตักส่งอาหารให้คนอื่น แลยิ้มจนแก้มปริเมื่อพระยาตักส่งให้ในจานหล่อนบ้าง ช่างน่าเห็นใจที่ผัวมีเล็กมีน้อยหลายคน ทั้งที่เป็นสตรีที่เพียบพร้อมออกปานนี้ แต่พระยากลับหาได้ให้ความสำคัญกับคุณหญิงศรี ไม่ไยดีกระไรหล่อนมากนัก ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นนะ เหมือนแก้วสงสัย “ฉันเสียใจด้วยหนาพ่อ” คุณหญิงศรีกล่าวด้วยสีหน้าเห็นใจ “คุณพ่อป่วยมานาน คงทรมานน่าดู ถึงฉันจะคิดถึงท่านอยู่เสมอ แต่มันโล่งใจขอรับที่ท่านพ้นทุกข์พ้นโศกเสียที” เหมือนแก้วก้มหน้าหลบตาพรางพูดบอก “ไม่เป็นกระไรดอก เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา ประเดี๋ยวก็เวียนกลับมาพบเจอกันใหม่” พระยาว่าปลอบพรางวางมือบนหัวเล็กแลลูบไปตามเรือนผมเบาๆ “ขอรับ” เหมือนแก้วยิ้มรับคำ ยิ่งนานวันยิ่งรู้สึกอุ่นๆ ในใจอย่างบอกไม่ถูก “คืนนี้คุณพี่จักนอนที่เรือนคุณพ่ออีกหรือคะ” คุณหญิงศรีถามพลางหลบตาอย่างคนขี้เกรงอกเกรงใจอย่างเคย แม้กับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีเองก็ตาม “ใช่ ฉันจักอยู่เรือนนี้จนกว่าท่านพ่อจักกลับมา” พระยาหมื่นทิศบอก “หรือคะ” คุณหญิงรับคำเสียงเบา เหมือนหล่อนอยากพูดคุยกับพระยาต่อให้มากกว่านี้ แต่สุดจะหาเรื่องอันใดมาพูดคุยได้ ฉันอยากนัก อยากใจกล้าดังแม่ๆ คนอื่น ฉันน่าเบื่อเจรจาไม่สนุกอย่างนี้ คุณพี่จึงไม่ค่อยอยากจะเสวนาด้วย ฉันเกลียดตัวเองนัก หญิงสาวคิดในใจ “แม่จะมากินเย็นที่เรือนนี้ก็ได้” พระยาว่าเหมือนรู้ความคิดคุณหญิงศรีจึงบอกปลอบอย่างที่ชอบทำเป็นนิสัย ต่อให้สีหน้าจักไม่ได้เปลี่ยนแปลกความเฉยเมยลงสักนิด แต่เพียงความใส่ใจเท่านี้ก็ทำให้หล่อนยิ้มหน้ารื่นไปได้อีกหลายวัน “เจ้าค่ะคุณพี่” ชายทั้งสองมองตามรถเทียมม้าของคุณหญิงศรีค่อยๆ ลับแนวไม้ไป “เธองามนักขอรับ แลกิริยาก็งาม” เหมือนแก้วว่าขึ้น “มึงชอบคุณหญิงรึ” พระยาหมื่นทิศว่า แต่น้ำเสียงไม่ได้เจือความรู้สึกอะไร “เช่นไรพี่พูดเช่นนั้น ฉันจะไปคิดอย่างนั้นกับเมียพี่ได้อย่างไร” เหมือนแก้วทำหน้าบอกไม่ถูก นี่พี่ดูถูกความสัตย์ฉันหรือ “ห้ามชอบ” พระยาหมื่นทิศว่าในความหมายหวงเหมือนแก้ว แต่เด็กหนุ่มเข้าใจว่าพระยาหวงเมียแลพาลมาว่าตน เด็กหนุ่มจึงยู่หน้าทำปากยื่นแลต่อว่าพี่ไปเบาๆ “ทีต่อหน้าคุณหญิงล่ะทำไม่ใส่ใจ พอพ้นไปกลับมาทำหวง” ว่าแล้วก็เดินหนีขึ้นเรือนไป “หึ” พระยาหมื่นทิศขำท่าทางกระเง้ากระงอดแสนน่าชังแต่น่ารักของเหมือนแก้วด้วยเอ็นดูพรางส่ายหน้า เวลามึงพูดด้วยท่าทีเหมือนหึงหวง ใยกูชอบนัก เพลาย้ำค้ำ ณ ห้องนอนเหมือนแก้ว “พี่พระยาขอรับ” เด็กหนุ่มเรียกคนพี่จากในความมืด “กระไรรึ” พระยาหมื่นทิศขานตอบ “ร้อนขอรับ” “ก็ถอดเสื้อซี” “ฉันร้อนกายพี่ขอรับ” เด็กหนุ่มว่าพรางใช้มือดันแผงอกเปลือยเปล่าของพระยาหมื่นทิศให้ออกห่าง “งั้นลุกไปอาบน้ำกับกู” พระยาที่ไม่มีความง่วงเลยสักนิดว่า “คนพระนครนี่แปลกอย่างนี้ทุกคนไหมขอรับ” เหมือนแก้วลุกขึ้นนั่งเพื่อหวังให้พระยาคลายอ้อมกอดออก แต่กระนั้นคนพี่ก็ยังวางแขนไว้รอบเอวเล็กอยู่หลวมๆ “แปลกอย่างไร” “ก็อย่างพี่พระยานี่กระไรขอรับ” “กูแปลกรึ!?” “ขอรับ” “ไหนเล่าซี” พระยาหมื่นทิศว่าชวนให้เสวนา “ไม่เล่าขอรับ ยืดยาว” เหมือนแก้วว่าแล้วลุกออกจากเตียง ที่นอนออกกวาง ยังจะมานอนเบียดฉันอีก ทั้งกอดไว้ตลอด ฉันหายใจไม่ออกแล้วนี่ ตัวพี่ก็สูงใหญ่แลล่ำสันนัก แขนข้างหนึ่งก็หนักจะตายอยู่แล้ว ” ให้ฉันอาบก่อนหรือพี่จักอาบก่อน” เหมือนแก้วหันมาถาม เมื่อเห็นร่างสูงลุกเดินตามลงมา “พร้อมกันซี ห้องน้ำห้องท่าออกใหญ่โต” “ต แต่…” คำตอบเขาทำเหมือนแก้วรู้สึกหวั่นใจแปลกๆ “มึงเป็นชาย กูก็ชาย เห็นจนหมดสิ้นแล้ว มึงจักอายกระไร” พระยาว่าพร้อมใช้ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามดันร่างเล็กให้เดินตรงไปข้างหน้า “มีแต่พี่เห็นของฉันอยู่ฝ่ายเดียว” เด็กหนุ่มยู่หน้างอบอก “ประเดี๋ยวก็จักได้เห็นของกู”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD