ตอนที่1
คำเตือน นิยายมีฉากข่มขืน
“พระยาหมื่นทิศ บุตรชายคนเดียวของเจ้าพระยาเผด็จ อายุอานามเพียง30เศษเท่านั้นเอง แต่ได้เป็นถึงพระยาแล้ว พวกเธอรู้หรือไม่” นางกำนัลผู้เข้ามาร่วมวงร้อยอุบะทีหลัง บอกเล่าเรื่องที่รู้มาด้วยความตื่นเต้น
“ข่าวใหญ่ออกปานนี้ มีหรือจะผ่านหูผ่านตาพวกฉันไปได้” นางกำนัลคนหนึ่งในกลุ่มตอบ
“อยู่วังหลัง แต่รู้มากเสียจริง มิใช่เพราะพวกเธอคอยแต่จะชะเง้อคอชำเลืองตามองท่านพระยาตลอดเวลาที่มีโอกาสดอกหรือ ถึงได้รู้ไปเสียทุกเรื่องเกี่ยวกับท่านเช่นนี้”
“ก็ผู้ใดล่ะจะละสายตาจากท่านได้” นางอีกผู้หนึ่งยอมรับ
“คริคริ นั่นปะไร ท่านเข้าวังมาราชการทีไร พวกเธอจึงเสียอาการจนเกือบโดนลงหวายไปเสียทุกที”
“หรือพี่มิใช่หนึ่งในนั้น” เด็กสาวคนหนึ่งว่าแซว
“ชิชะนังนี่ ฉันสหายเล่นเธอหรือ” นางกำนัลที่โตกว่าว่าดุ
“ฉันขออภัยเจ้าค่ะ พี่รีบเล่ามาเถิด ได้ความเช่นไรมาบ้างหรือเจ้าคะ?" นางกำนัลที่อายุอ่อนกว่า ยอมความให้ตามเดิมพร้อมถาม
“นึกว่าพวกเธอรู้เสียทุกเรื่อง”
“โถๆ ในวังหลังนี่จะหาใครรู้ทุกเรื่องอย่างละเอียดแน่แท้อย่างพี่กนกนั้นก็หามีไม่ รีบเล่ามาเถิด พวกฉันกระหายใคร่อยากรู้เต็มแก่แล้ว” เหล่านางกำนัลรุ่นน้องอ้อนวอน
นางกำนัลกนกผู้อาวุโสสุดในกลุ่มทำท่ากระหยิ่มใจก่อนจะเริ่มเล่าด้วยอาการคันปาก
“นี่แน่ะ อย่างที่คาดเดากัน คุณหลวงหมื่นทิศของเรา ได้เลื่อนยศเป็นพระยาหมื่นทิศแล้วหนา”
เกิดเสียงวี๊ดว๊ายขึ้นเมื่อนางกำนัลกนกพูดจบ ทั้งที่รู้ความนี้กันอยู่แล้ว แต่ทุกนางก็อดที่จะแสดงกิริยาเสียจริตนี้ไม่ได้
“เลื่อนขั้นสองยศเลย เก่งจริงเทียวพ่อ แล้วเช่นไรอีก” พวกนางต่างพร้อมใจกันวางช่ออุบะที่บรรจงร้อยลงบนพาน แล้วสุมหัวล้อมวงเบียดกันเข้ามาเพื่อฟังอย่างตั้งใจ
“ก็มีเท่านั้น” นางกำนัลผู้พี่ว่า
“อ่าว…”ทุกคนทำหน้าผิดหวัง
“โอ๊ย เรื่องก็มีเท่านี้แหละ จะให้ฉันรู้ลึกรู้ตื้นไปกว่านี้ได้เช่นไร”
“แต่พี่กนกได้ช่วยงานในพิธีตั้งยศพระยาหมื่นทิศด้วยมิใช่หรือ”
“ก็ใช่ จึงได้รู้เท่านั้นอย่างไรล่ะ ในพิธีเขาได้ประกาศบอกอันใดมากมายเล่า ก็รู้ๆ อยู่เรื่องความสามารถที่ยากจะหาผู้ใดเก่งเทียมท่านได้ ทั้งงานราษฎร์ งานรบ ความเฉลียวฉลาด ภาษาประกิด ตูรกี่ นั่นยังไม่นับบาลี สันสกฤตอีกหนา”
“โอ๊ยพี่ พวกฉันอยากรู้เรื่องวันนี้”
นางกำนัลกนกถอนใจก่อนจะคิดรวบรวมรายละเอียดในหัวเพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่อ
“ในงานน่ะนะ พวกท่านหลวงทั้งหลาย…” นางกำนัลลดเสียงพรางส่องส่ายสายตาไปทั่วบริเวณเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอื่นก่อนจะเล่าต่อ “พวกท่านหลวงหัวงอกทั้งหลาย ต่างเก็บอาการริษยากันไม่มิด หาเหตุมาอ้างหมายขัดขวางการตั้งยศพระยาท่านต่างๆ นานา โดยเฉพาะเรื่องอายุท่าน”
“ก็จริง อายุอานามยังน้อยแต่ดันได้รับตำแหน่งใหญ่เกินหน้า เหตุคงเป็นเพราะออกนอกหน้าข้าราชการผู้อื่น แต่นอกจากอายุท่าน อย่างอื่นก็หามีข้อบกพร่องอันใดให้ติฉินได้เลย”
“จริงแท้ ท่านพระยาช่างงามนัก งามกว่าบุรุษใดที่ฉันเคยพบเห็น รูปร่างสันทัดสูงล่ำสัน ใบหน้าหล่อเหลาคมคายราวรูปหล่อเทวดา” เสียงนางกำนัลวัยสาวเต็มไปด้วยความชื่นชมหวาบหวาม
“ช่างคนริษยาปะไร อย่างไรเสีย พวกท่านหลวงก็หาทำอันใดท่านพระยาของพวกเราได้”
“คริคริ ของพวกเราหรือ” อีกนางดูพอใจกับคำพูดเพ้อฝันนี้
“หื้อ ตื่นเสียเถิด พวกเจ้าไม่มีวาสนาถึงเพียงนั้นดอก” คนพี่พูดพร้อมยกมะกอกขึ้นมาเขกที่กระหม่อมไปทีละคน
“ว่าได้หรือพี่กนก พระยาน่ะ มีเมียตั้ง110นาง ฉันอาจจะเป็นคนที่111ก็ได้ ใครจะไปรู้”
“ตกข่าวแล้วกระมัง ตอนนี้112แล้วจ๊ะ” นางกำนัลอีกคนว่า
“คุณพระ! ตั้งแต่เมื่อใด! ผู้ใดกัน”
“สดๆ ร้อนๆ เมื่อเช้านี้เลยจ้า เห็นว่าเป็นลูกคนสวนที่พระยาเห็นโดยบังเอิญตอนนั่งเรือผ่านตลาด”
“โอ๊ย วาสนานางดีแท้ เช่นไรพระยาจะผ่านมาเห็นฉันบ้าง”
“ฝันหรือเธอ นี่วังหลัง อย่าว่าแต่พระยาหมื่นทิศจะได้แลเห็น แค่คนเลี้ยงช้างเลี้ยงม้าเธอก็หาได้จะมีโอกาสเอามาทำผัวไม่” นางกำนัลอาวุโสว่าแขวะให้
“ว๊าย ผัวเผลออันใดกัน พี่กนกพูดจากระไร ไม่มียางอายที่สุด” เหล่านางกำนัลสาวเป็นหน้าร้อนกันไปเป็นแถวเมื่อได้ยินคำว่า ‘ผัว’
ณ เมืองจันทบูรณ์
“ท่านพ่อ” ชายหนุ่มใบหน้าเกลี้ยงเกลาท่าทางสุภาพอ่อนโยนลุกขึ้นมากุมมือผู้เป็นบิดาไว้แน่นเมื่อได้ยินเสียงท่านไอแค่กๆ
เหมือนแก้ว บุตรชายเพียงคนเดียวของท่านไกรสิงห์ เจ้าเมืองจันทบูรณ์ อายุก็ปาไป21ปีแล้ว แต่เห็นจะไม่มีแววว่าจะสืบต่อตำแหน่งแทนผู้เป็นพ่อได้เลย มิหนำซ้ำ ความอ่อนโยนของเขานี้ ยังนำแต่ภัยมาสู่ตัว รอบข้างมีแต่คนหมายเอารัดเอาเปรียบ ต่อไปภายภาคหน้าหากสิ้นบารมีพ่อ พระยาไกรสิงห์ก็ไม่อยากจะนึกถึงเลยว่า บุตรชายของตนจะเป็นเช่นไร
“เงินทอง…พ่อให้คนโยกย้ายไปก่อนหน้าแล้ว” พระยาไกรสิงห์ที่นอนป่วยอยู่บนเตียงหันมาบอกลูก เขาควรรีบกล่าวสั่งเสียเรื่องสำคัญเมื่อมีโอกาสบอกก่อนจะสาย
“ลูกไม่อยากไป”
“อย่าดื้อ…ฟังคำพ่อ” ผู้เป็นพ่อพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยอ่อนเต็มที เหมือนแก้วได้แต่รับฟัง
ท่านพ่อให้ฉันไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ที่ฉันไม่เคยรู้จักมักคุ้น ที่ชื่อ พระยาเผด็จ เพื่อนรักท่านแต่หนหลัง
ฉันไม่อยากไป ฉันไม่อยากจากพ่อไป ยิ่งตอนที่ท่านล้มป่ายอย่างนี้ ต่อให้ลากไปฉันก็ไม่ยอมปล่อยมือจากท่านเป็นเด็ดขาด
เหมือนแก้วน้ำตาหยดแหมะๆ
“เจ้าทำพ่อห่วง…”
“ฮืออออ”
“สิ้นพ่อ พวกนั้นจะลงมือในทันที”
“ช่างปะไร อยากได้สิ่งใดก็เอาไปเถิด แต่ได้โปรด ให้ลูกได้อยู่ดูแลพ่อท่าน…” เหมือนแก้วไม่กล้าเอ่ยคำว่าครั้งสุดท้าย มันบาดหัวใจเขาจนเกินทน
“ท่านพระยาขอรับ” ท่ามกลางความเงียบในชั่วขณะหนึ่ง ลูกน้องคนสนิทที่ท่านพระยาไว้ใจยิ่งกว่าตัวเอง ก็พรวดพราดเข้ามาเงียบๆ ด้วยอาการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาอย่างคนชำนาญศึก
“แสน…” ท่านพระยาเรียกเขาเหมือนจะพูดบางอย่างที่ยืดยาว แต่ร่างกายท่านที่เจียนจะขาดใจคงทำได้แค่เอ่ยชื่อเขาสั้นๆเท่านั้น
“พร้อมแล้วขอรับ” นายแสน ชายร่างกำยำเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นรายงานแก่นาย
ท่านพระยายิ้มพอใจก่อนจะเอ่ยเสียงที่ดังแผ่วกว่าเดิม
“ไป…”
“ไม่!!” เหมือนแก้วหันมาบอกพ่อเสียงดื้อรั้น พร้อมหยดน้ำตาที่ไหลร่วงกราวลงมาราวห่าฝน
ท่านพระยาไกรสิงห์ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับลูกอีกครา ก่อนที่เหมือนแก้วจะรู้สึกแสบจมูกเพราะสูดดมบางอย่างบนผ้าฝ้าย ที่นายแสนเอามาอุดจมูกเขา แล้วสติก็เริ่มเลือนราง และหายไปในที่สุด…