ตอนที่ 3
เขาว่ากันว่า เวลาที่เราแต่งหน้า แต่งตัวดูดี มักจะไม่เจอคนที่เราชอบแต่หากวันไหนที่เราอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมจะเจอใคร นั่นแหละ เราจะเจอเขา
ดูเหมือนทฤษฎีนี้จะเป็นเรื่องจริงเพราะ ทุกวันที่โยเยแต่งหน้า แต่งตัวน่ารักไม่เคยเจอจาร์กัวเลยแต่วันนี้หญิงสาวไม่ได้แต่งหน้า ใส่เพียงเสื้อยืดสีขาวและกางเกงขาสั้น ผมยุ่งเล็กน้อยเพราะเพิ่งซ้อมลีดเสร็จกลับได้เจอเขาอย่างไม่คาดคิด
“แกมั่นใจนะโยว่าพี่คนนั้นคือคนที่แกตามหา”
บีมถามเพื่อนย้ำเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง เมื่อสองอาทิตย์ก่อนเพื่อนสาวตัวดีเอาแต่นั่งเพ้อถึงผู้ชายที่มาช่วยเธอ เธอพยายามหาตัวเขาแต่ไม่เคยได้เบาะแสเลย วันนี้กลับมาเจอเขาง่าย ๆ ที่ร้านเหล้าหลังม.เสียอย่างนั้น
“ใช่แน่นอน หน้าดุแบบนี้มีคนเดียว”
โยเยยืนยันด้วยความมั่นใจ ใบหน้าขาวเนียน แดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
“นั่นมันพี่จาร์กัวเจ้าของใบหน้าหล่อนิ่ง ดีกรีเดือนมหาวิทยาลัยในตำนานเลยนะ”
บีมพูดขึ้น โยเยหันไปมองเพื่อนพร้อมทั้งคาดคั้นข้อมูลเพิ่มเติม
“รู้อะไรอีกบ้างเพื่อนรัก บอกมาให้หมดนะ”
“เขาเป็นศิษย์เก่าม.เรานี่แหละ จบไปสอง สามปีแล้วมั้ง ตอนนี้เปิดค่ายมวยอยู่”
“ค่ายมวยเหรอ”
โยเยหันไปมองจาร์กัวที่กำลังนั่งดื่มอยู่กับเพื่อน บนใบหน้าหล่อนั่นเรียบนิ่งตลอดเวลา มีเพียงแค่รอยยิ้มจาง ๆ ในบางช่วงเท่านั้น
“อือ ได้ข่าวว่าเขาเพิ่งเลิกกับแฟนที่คบกันตอนมหาวิทยาลัยมาเป็นปีแล้วนะ”
“แสดงว่าตอนนี้เขาโสดเหรอ”
“อืม เหมือนเขาจะไม่สนใจผู้หญิงคนไหนอีกเลยหลังจากเลิกกับพี่น้ำตาล”
ริมฝีปากกระจับคลี่ยิ้มออกมาอย่างน่ารัก ถ้าเขายังโสดแสดงว่าเธอยังพอมีหวัง
“น้ำตาลที่เป็นนางแบบน่ะเหรอ”
นินิวถามขึ้น เธอคลับคล้ายคลับคลาว่ารุ่นพี่ผู้หญิงชื่อน้ำตาลที่จบจากมหาวิทยาลัยนี้ ตอนนี้เป็นนางแบบชื่อดังอยู่
“ใช่ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาเลิกกันนะแต่ได้ข่าวว่าพี่น้ำตาลเป็นฝ่ายทิ้งไปก่อน แล้วหลังจากเลิกกับพี่จาร์กัวได้สองอาทิตย์ พี่น้ำตาลก็เปิดตัวคบกับเจ้าของสายการบินเลย”
“ฉันว่าแบบนี้ คงเลิกเพราะอีกคนรวยกว่าแน่ ๆ”
นินิวแสดงความคิดเห็น นินิวและบีมเมาท์กันต่อส่วนโยเยไม่ค่อยได้ตั้งใจฟังเท่าไรนักเนื่องจากเธอเอาแต่มองจาร์กัวแล้วจู่ ๆ เธอก็ลุกขึ้นตบโต๊ะด้วยแววตามุ่งมั่น
ปัง!
“ฉันว่าฉันชอบพี่เขาแล้วจริง ๆ”
“ฮะ!?”
บีมและนินิวอุทานออกมาพร้อมกัน หันมองเพื่อนสาวด้วยความไม่เข้าใจ ตั้งแต่รู้จักกันมา ไม่เคยเห็นเพื่อนสนใจใครขนาดนี้เลย ขนาดที่ว่ามีผู้ชายดี ๆ มาจีบหลายต่อหลายคนแต่เธอก็ไม่เคยสนใจเลย
“ฉันว่าฉันต้องรุก”
“ฮะ!?”
ทั้งสองคนอุทานพร้อมกันอีกครั้งเมื่อได้ยินสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน
โยเยไม่ล้มเลิกความคิด เธอกระดกเหล้าเข้าปากหมดแก้วก่อนจะก้าวเดินออกจากโต๊ะตรงไปยังโต๊ะของจาร์กัวและเพื่อน แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว กลับมีสาวสวย หุ่นนางแบบคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายจาร์กัว
หญิงสาวหยุดเดินแทบทันที โยเยจำผู้หญิงคนนี้ได้ เธอเป็นนางแบบชื่อดังในตอนนี้ซึ่งจากที่บีมเล่าให้ฟังเมื่อครู่ เธอคนนี้คือน้ำตาล แฟนเก่าของจาร์กัว
ภาพตรงหน้ายิ่งตอกย้ำความเจ็บเข้าไปอีกเมื่อจาร์กัวเดินออกไปกับเธอ เขาเดินออกไปโดยไม่หันมาสนใจเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
โยเยถอนหายใจก่อนจะเดินกลับมานั่งที่โต๊ะตัวเอง เพื่อนรักทั้งสองที่เห็นสถานการณ์ทั้งหมดรีบเลื่อนเก้าอี้ให้เพื่อนนั่งทันทีเมื่อเห็นเพื่อนเดินคอตกกลับมา
“ไหนบอกว่าเป็นแฟนเก่าไงบีม”
“เขาเลิกกันแล้วจริง ๆ นะ กูมีหลักฐานยืนยัน”
“เฮ้อ ช่างเถอะ ไม่ว่าเขาจะยังคบหรือเลิกกัน เขาก็ไม่มองกูอยู่ดี”
โยเยตัดพ้อพร้อมทั้งกระดกเหล้าเข้าปาก ในเมื่อชอบเขาแต่เขาไม่ชอบเราก็ยังมีเหล้าที่คอยปลอบเราเสมอ ไม่ได้จะดื่มเพื่อให้ลืมแต่ดื่มเพื่อย้ำเตือนว่าชอบเขาแค่ไหนก็แพ้แฟนเก่าเขาอยู่ดี
———————
น้ำตาลไม่ได้บังเอิญเจอจาร์กัวในวันนี้แต่เธอตั้งใจมาหาเขาเพราะมีเรื่องบางอย่างอยากให้เขาช่วย เธอค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะยอมช่วย เนื่องจากเธอคิดว่าจาร์กัวยังรักเธออยู่
ทั้งคู่เดินออกมาคุยกันบริเวณหลังร้านซึ่งบริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านอยู่แล้ว
“จาร์กัวสบายดีนะคะ”
น้ำตาลถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเช่นเคย เธอมองจาร์กัวด้วยแววตาหวานเยิ้มแต่จาร์กัวไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอ เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบพร้อมทั้งถามออกไปเสียงเรียบนิ่ง
“มีอะไร”
“ทำไมทำน้ำเสียงเย็นชาแบบนั้นล่ะคะ คนคุ้นเคยกันแท้ ๆ”
เจ้าของร่างอรชรขยับเข้าหาจาร์กัว มือเรียววาวลงบนต้นแขนแกร่งพร้อมทั้งลูบไล้ขึ้นลง จาร์กัวไม่ได้ขยับออก เขาแค่เหลือบตาลงมองมือนั้นด้วยสายตาเรียบนิ่งเท่านั้น
“คือน้ำตาลได้ข่าวมาว่า เด็กในค่ายมวยของจาร์กัวจะลงชกมวยในงาน sixty nine ใช่ไหม”
“อือ”
“พอดีว่าอเดลลูกพี่ลูกน้องของเคนตะเขาลงแข่งด้วย แถมยังแข่งกับเด็กของจาร์กัวด้วยนะ”
คิ้วเข้มเริ่มกระตุกเพราะเริ่มจับทางได้ว่าหญิงสาวต้องการสิ่งใดแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังยืนนิ่งรอดูว่าเธอจะพูดอะไรต่อ
“จะเป็นไปได้ไหมถ้าจาร์กัวจะช่วยทำให้อเดลชนะ”
จาร์กัวหัวเราะในลำคอ เขาไม่คิดเลยว่าผู้หญิงที่เขาเคยรักแท้จริงแล้วจะเป็นคนแบบนี้ ตั้งแต่วันที่เธอจากไป เขาไม่เคยนึกโทษเธอเลยและไม่เคยเชื่อคำที่คนอื่นพูดกันว่าเธอเลิกกับเขาแล้วไปคบกับเคนตะเพราะเงิน
จาร์กัวยังให้สถานะน้ำตาลเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอด จนกระทั่งมาถึงวันนี้ เขาไม่รู้แล้วว่า ตกลงผู้หญิงตรงหน้าเขานั้นเป็นคนอย่างไรกันแน่
“คือการชกครั้งนี้สำคัญต่ออเดลมากนะ จาร์กัวช่วยหน่อยนะคะ”
“เลว เลวมาก!!”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดนี้ไม่ได้ออกจากปากจาร์กัวแต่ออกจากสาวน้อยตัวเล็กที่ยืนกอดต้นไม้อยู่
น้ำตาลหันไปมองเธอด้วยความไม่พอใจ ต่างจากจาร์กัวที่เมื่อเห็นว่าเธอเป็นใครก็ถึงกับยิ้มออกมา สภาพโยเยตอนนี้เหมือนลิงตัวน้อยกำลังเกาะต้นไม้ ใบหน้าน่ารักปราศจากเครื่องสำอางแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
เธอค่อย ๆ เดินโอนเอนมาหยุดยืนหน้าน้ำตาล หญิงสาวเหมือนพยายามประคองสติ ยืดอกตัวตรงพร้อมทั้งยกมือขึ้นกอดอก มองหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจริงจัง
“คุณเป็นคนยังไงถึงมาบอกให้คนอื่นเขาล้มมวยง่าย ๆ แบบนี้ ถ้าไม่มีความสามารถก็ไม่ต้องลงแข่งสิ”
“...”
“จิตใจคุณมันทำด้วยอะไรวะ คนอื่นเขาตั้งใจซ้อมมาเป็นปี ๆ แต่คุณกลับมาใช้ความเห็นแก่ตัวตัดสินเขา”
“เธอเป็นใครฮะ!!?”
โยเยฉีกยิ้มกว้างเมื่ออีกฝ่ายถามออกมาแบบนั้น เธอชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ฉันชื่อโยเยเป็น...”
“...”
“เป็นคนน่ารัก อิอิ”
หญิงสาวหัวเราะคิกคักหลังจากพูดจบ ท่าทางมีความสุขของเธอทำเอาน้ำตาลกัดฟันแน่น เธออยากจะวีนออกมาแต่ไม่อยากให้จารกัวเห็น เธอเลยทำได้เพียงแค่อดทน อดกลั้นไว้
ส่วนจาร์กัวถึงแม้จะยืนมองเหตุการณ์อยู่เงียบ ๆ แต่หากสังเกตดู เขายิ้มทุกครั้งที่มองหน้าคนตัวเล็ก
“จะไปไหนก็ไปเลย นี่ไม่ใช่เรื่องของเด็กอย่างเธอ”
“อย่ามาไล่โยเยนะ”
น้ำตาลทำท่าจะผลักโยเยให้ออกห่างแต่คนตัวเล็กไวกว่า เธอหลบทันแถมยังอ้วกใส่เดรสตัวสวยของน้ำตาลอีก
“กรี๊ด ยัยเด็กบ้า รู้ไหมว่าเดรสตัวนี้เท่าไร”
“อิอิ ไม่รู้ ไม่เคยซื้อ”
ด้วยความที่มีเสียงดัง คนในร้านจึงเริ่มพากันมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำตาลที่กำลังจะวีนจึงต้องสงวนท่าที หันไปยิ้มให้ทุกคนและรีบเดินออกไปโดยไม่ได้เอาเรื่องโยเยอย่างที่ต้องการ
“ป้ารีบไปไหนอะ มาด่าโยเยก่อนสิ”
คนตัวเล็กยังสนุกอยู่กับการแกล้งอีกฝ่าย เธอหัวเราะชอบใจที่อีกฝ่ายรีบวิ่งออกไปแต่หัวเราะได้อยู่ครู่หนึ่งก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อตัวเธอถูกอุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาว
“เลิกเล่น”
“ใครเล่น ไม่มี้”
“หึ ยัยขี้เมา”
————————