รัณชิดามัวแต่เป็นกังวลกับอนาคตที่รออยู่เบื้องหน้าเลยไม่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าคมเข้มของผู้พันสิงหนาทที่คลี่ยิ้มออกมาได้อย่างโล่งอก “น้องรัณต้องสู้นะครับ ไม่มีใครทำอะไรเป็นตั้งแต่เกิดหรอก เราต้องค่อยๆ เรียนรู้ ค่อยๆ ศึกษาไป พี่คิดว่าไม่นานเกินรอน้องรัณก็จะสามารถบริหารงานต่อจากคุณพ่อได้” รอยยิ้มอบอุ่นระบายให้เห็นทั่วใบหน้าคมขณะที่เอ่ยปลอบระคนให้กำลังใจหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกาย แม้ยังเชื่อไม่สนิทใจว่ารัณชิดาจะไม่มีส่วนรู้เห็นธุรกิจด้านมืดของบิดาแต่เขาก็ยังมีเวลาเหลืออีกมากที่จะพิสูจน์ความจริง “ขอบคุณพี่สิงห์มากค่ะ รัณจะพยายามทำให้ดีที่สุด เอ่อ...ตอนนี้พี่สิงห์ทำงานอะไรอยู่คะ” รัณชิดาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับมอบรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจให้กับผู้พันหนุ่มและกว่าจะเอ่ยถามประโยคต่อท้ายได้ก็อึกอักติดขัดอยู่ในลำคอเป็นนาน ผู้พันสิงหนาทถึงกับนิ่งงันตัวชาเมื่อได้เห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจพิมพ์เดียวกันที่เขาได้เห็นในวันที่