"องค์หญิงแย่แล้วเพคะ องค์ชายส่งสาส์นกลับมาว่า พระองค์พ่ายแพ้แก่จักรพรรดิหลวนหลง และในไม่ช้าขบวนทหารกว่าครึ่งหมื่นกำลังมุ่งหน้ามาที่พระราชวังแล้วเพคะ !!!"
ข้ารับใช้ขององค์หญิงซื่อหยู วิ่งหน้าตาตื่นมากราบทูลองค์หญิงแสนงามของตนเอง และเร่งรัดผู้คนให้เก็บข้าวของหนี องค์หญิงตื่นตระหนกน้อยๆ กระพือขนตาและเอ่ยตรัสถามขึ้นมาคำหนึ่ง
"พระบิดาเล่าทรงเป็นเช่นใดบ้าง”
ข้ารับใช้หยุดนิ่งและทำหน้าจะร่ำไห้ขึ้นมา กอดขาขององค์หญิงแสนงามแล้วกราบทูลขึ้นมาโดยพลัน
"ฝ่าบาททรงสวมใส่ฉลองพระองค์ทองคำและขึ้นไปประทับบนพระราชบัลลังค์เพคะ ตรัสว่าหากองค์ชายซื่อหมิน ต้องสละชีพ พระองค์ก็จะมิหลบหนีผู้ใดเลย "
ข้ารับใช้กลั้นสะอื้นลงไป องค์หญิงซื่อหยูพยักหน้าเบาๆ ดวงตางดงามขยับกระพือขนตาขึ้นมาและสั่งผู้คนอย่างแน่วแน่ออกไป
"อาบน้ำให้ข้าและนำผ้าผืนบางที่งดงามที่สุดของข้ามา แต่งกายให้งดงามยิ่งกว่าผู้ใดในใต้หล้า "
องค์หญิงซื่อหยูทรงตรัสและก้าวพระบาทลงไปในบ่อน้ำร้อน ที่กรุ่นกลิ่นดอกไม้งดงามที่หอมลอยไปไกล
ยามที่พระอาทิตย์ กำลังจะหล่นลงจากฟ้า ประตูเมืองอันเสวี่ยก็เปิดขึ้นมาทันที
"องค์หญิงเสด็จ องค์หญิงเสด็จ!!!!"
ผู้คนตื่นตระหนก มองเห็นองค์หญิงหนึ่งเดียวของตนเอง นำหน้าเหล่านางกำนัลและสตรีในวังหลวงเสด็จมานอกประตูเมือง ทหารตกตะลึงในความงามจนเข่าอ่อนไปจนสิ้น
"องค์หญิงองค์ชายตรัสว่าท่านควรหนีไป !!! "
รองแม่ทัพตะโกนลั่น ยกมือกางกั้นองค์หญิงซื่อหยู นางสะบัดพัดไปคราหนึ่ง ฟาดใต้ข้อพับผู้อื่นจนล้มลงตรงหน้าของนาง และเสด็จไปอย่างมั่นคง
ร่างงดงามในชุดคลุมดอกไม้สีชาด นางแต่งกายงดงามจนผู้อื่นลมหายใจสะดุด งามจนล่มเมืองของผู้อื่นได้จนสิ้น นางเสด็จไปช้าๆ ก้าวไปอย่างมั่นคง จนเมื่อมีเสียงแผ่นดินสะเทือน นกแตกตื่นจนสิ้น องค์หญิงซื่อหยูให้ผู้คนยกธงขาวเสียที่ประตูเมืองหลวงของนาง
"ยกธงขาวเสีย !!! "
ยามเมื่อฟ้าสั่นแผ่นดินสะเทือนจนสิ้น ปรากฎกองทหารในหมวกเหล็ก ชุดเกราะเหล็ก ม้าตัวโต และมีบุรุษผู้หนึ่ง สูงใหญ่กว่าผู้อื่น นำขบวนม้ามาอย่างองอาจ องค์หญิงซื่อหยูพลันหยุดประทับผู้เดียวขวางกั้นขบวนม้านั้น
"หยุดด!!! "
เสียงบุรุษสั่งม้าดังขึ้นมา ม้าหยุดลงตรงหน้าของนางและย่างเหยาะๆมาที่ร่างของนาง องค์หญิงก้มหน้าถวายพระพรโดยพลัน
"ถวายพระพรองค์จักรพรรดิเพคะ "
"เงยหน้า !!!! "
สุรเสียงดังก้องตวาดลั่นขึ้นมา ในยามที่องค์หญิงทรงเงยหน้าขึ้น นางสบดวงตาหวานซึ้งเข้ากับสายตาดุดัน แต่งดงาม ร่างหนาชะงักและสอบถามนางออกไปหนึ่งคำ
"เจ้า...เป็นอันใดกับองค์ชายซื่อหมิน"
"ทูลองค์จักรพรรดิ หม่อมฉันเป็นคู่ฝาแฝดกับองค์ชายซื่อหมินเพคะ "
"หึ...เจ้ามาขวางทางข้า มิให้ยึดเมืองของเจ้าเช่นนั้นหรือ”
ร่างหนากระโดดลงมาจากม้ามาประทับยืนตรงหน้าของนาง องค์หญิงซื่อหยูทรุดกายลงแนบพื้นไปในทันใด
"ขอทรงเมตตา ประชาชนผู้บริสุทธิ์ด้วยเพคะองค์จักรพรรดิ "
ร่างหนาแสยะยิ้มยามได้กลิ่นหอมล่องลอยมาจากกายนาง นางตัวสูงและผิวขาวกว่าสตรีอื่นใด แต่ทว่างดงามในใต้หล้า ร่างหนาแสยะยิ้มและขยับรองเท้าไปใกล้ๆนางโดยพลัน
"จูบเท้าของข้าซิ แล้วข้าจะปล่อยผู้คนของเจ้าไป!! "
องค์หญิงชะงักไปในคราหนึ่ง แต่ยกฝ่ามือขาวๆที่ประดับประดาด้วยเครื่องประดับงดงามแตะลงไปที่ฝ่าเท้าของบุรุษคราหนึ่ง มือนุ่มแตะลงไปเบาๆเลือดนักรบระเบิดพล่านขึ้นมา
"อา....นุ่ม!!!! "
ริมฝีปากแดงชาดประทับลงไปที่ฝ่าพระบาทและจุมพิตลงเบาๆ นับว่าเนิ่นนานนักสำหรับองค์จักรพรรดิ
"ฮ่า ฮาา ฮ่าา เจ้าซื่อหมินคงอกแตกตายเป็นแน่แท้ ยามที่พบว่าน้องสาวของมันมาจูบเท้าของข้าเช่นนี้ !!! "
ผู้คนในเมืองตื่นตะลึง ตัวสั่นน้ำตาร่วงตกลงมาโดยพลัน องค์หญิงซื่อหยูก้มใบหน้านิ่ง ร่างหนาลดตัวลงมาใกล้ๆ และเชยคางนางขึ้นช้าๆ พลันใบหน้าแนบชิดกัน จนลมหายใจปะทะกัน ริมฝีปากอุ่นพลันบดเบีบด ลงมาจุมพิตที่ริมฝีปากนุ่มอย่างรุนแรง ร่างหนากอดรัดร่างนุ่มโดยพลัน ทหารขององค์จักรพรรดิตาโตและทำท่าปานกลืนใบยาขมขึ้นมาอีกครั้ง องค์หญิงซื่อหยูตัวแข็งค้างขึ้นมาในทันใด ยามที่ถูกลิ้นร้อนๆลื่นๆชอนไชลงไปในปากนุ่ม ร่างบางยกมือดันออกไปในทันใด
"อรื้อ "
ร่างหนาถอนจุมพิตออกไปอย่างแสนเสียดายพลัน และยกร่างงดงามขึ้นพาดไปบนบ่าในทันที
"อร้า “
ร่างบางแตกตื่นและเร่งเกาะรัดบุรุษขึ้นมาหวั่นเกรงว่านางจะตกลงไปสู่พื้นแข็งๆอย่างหวาดผวา
"ไปบอกราชาเฒ่าของพวกเจ้า องค์หญิงแลกความสงบของพวกเจ้าทั้งหลาย นับจากนี้ถ้าหากองค์ชายซื่อหมิน อยากจะลองดีก็ส่งผู้คนมารบกับข้า จักรพรรดิผู้นี้ในอีกคราหนึ่ง ข้าจะสังหารมันให้สิ้น และโยนนางไปให้ทหารทึ้งเสียให้พอใจ!!! "
ร่างหนาหันหลังกลับไปโดยพลัน ตะโกนลั่นขึ้นมา
"กลับค่าย!!!! "
ร่างบางถูกวางพาดไปบนหลังม้า ร่างหนาปีนขึ้นและดึงนางลงนั่งดีๆอีกคราหนึ่ง ชักม้าวิ่งตะบึงแหวกกลางกองทัพหลวงออกไปโดยพลัน องค์หญิงซื่อหยูตื่นตระหนก ยามที่ถูกบุรุษกอดรัดในชุดเกราะเหล็กแน่นหนาเช่นนี้
"อา....ข้ามิมีอาภรณ์เปลี่ยน ข้ารับใช้ของข้าเล่า หยุดก่อนเพคะ องค์จักรพรรดิ!!! "
ร่างหนาส่งสายตาดุใส่นางและชักม้าหลบทางผู้อื่นให้วิ่งไป ดวงตาคมดุจดจ้องนางและ จุมพิตนางอย่างร้อนลวกลงมาอีกครั้ง
"หากเจ้าเอ่ยอีกคำ ข้าจะปล้ำเจ้าซะที่บนหลังม้านี้ "
องค์หญิงตื่นตระหนก นางหันหน้าไปเกาะแผงคอม้าในทันใด
"ไม่นะ...ท่านพ่อ...ข้ามิรู้ว่าคนผู้นี้จะน่ากลัวเช่นนี้ ฮืออ !!! "
ร่างบางตัวสั่นระริกยามที่ม้าวิ่งไปอย่างบ้าคลั่งหนักหน่วง จนผ่านยามราตรีไปจนสิ้น ขบวนทหารก็ข้ามเขตแดนมาจนถึงชายแดน กลางลานกว้างระหว่างแคว้นเล็กๆ กับจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ มีร่างขององค์ชายซื่อหมินและราชองครักษ์อยู่ที่นั้น ลมหนาวและสายฝนกำลังโปรยลงมาช้าๆ
"พี่ชาย...พี่ชาย!!!! "
องค์ชายซื่อหมินลืมพระเนตรอันอ่อนล้าขึ้นมาช้า ๆ ยามที่ได้พบกับใบหน้าที่หวานซึ้งร่ำไห้น้ำตานอง องค์ชายซื่อหมินตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที
"ซื่อหยู ซื่อหยู อ้ากก ปล่อยนางนะ ปล่อยนาง ไอ้ลูกหมา!!! "
ร่างหนาแสยะยิ้ม ถอดหมวกเหล็กโยนไปให้ทหารถือ โยนไปอย่างแรงๆ ยกเท้าถีบลงที่ท้องขององค์ชายซื่อหมิน ไปในคราหนึ่ง
อั่กก !!!
"กรี้ด อย่าเพคะ ได้โปรดองค์จักรพรรดิ โปรดให้ซื่อหยูทำสิ่งใดซื่อหยูยอมทั้งสิ้น ได้โปรดอย่าฆ่าฝาแฝดของหม่อมฉัน บนโลกใบนี้หม่อมฉันมีเพียงคนผู้นี้ตลอดมา ได้โปรด ฮือ พี่ชาย "
องค์หญิงซื่หยูร่ำไห้ออกมาดั่งสายเลือด นางผวาไปกอดรัดต้นขาแกร่งและหวีดร้องดังลั่นขึ้นมา เป็นที่ขบขันของเหล่าทหารข้าศึกทั้งหลายแล้ว