ตอนที่ 12 ประธานคนใหม่ 1

2674 Words
ภายในโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา อลัน แอนเดอร์สันกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อออกมาจากโรงแรมนั้นอย่างเร่งรีบ ด้วยความรีบร้อนของเขาโดยไม่ทันมองว่ามีคนกำลังเดินสวนบันไดขึ้นมา ทำให้ร่างสูงใหญ่ดั่งเช่นชายชาวยุโรปชนเข้ากับร่างหนึ่งจนร่างนั้นเซถลาถึงกับพลัดตกบันไดของโรงแรมทันที พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก! ร่างนั้นกลิ้งตกบันไดของโรงแรมจากขั้นบันไดบนสุด จนมาถึงพื้นด้านล่างของโรงแรมเลยทีเดียว ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คน “ช่วยด้วยมีคนตกบันได!” เสียงร้องของพนักงานโรงแรมดังขึ้นมาทันที พร้อมรีบกรูกันเข้ามาช่วยร่างผู้เคราะห์ร้าย ท่ามกลางความโกลาหล อลันยืนนิ่งงันด้วยความตกใจกับเหตุการณ์ที่จู่ๆ พลันบังเกิดขึ้นกับเขาด้วยความรวดเร็ว ครั้นเมื่อได้สติสองเท้าวิ่งลงบันไดตรงเข้ามาหาร่างของผู้เคราะห์ร้ายนั้นทันที และเมื่อเขามาถึงร่างของผู้เคราะห์ร้ายตรงหน้าที่กำลังนอนคว่ำหน้าแน่นิ่ง เลือดสีแดงฉานอันเกิดจากบาดแผลยังไม่รู้ว่าเกิดขึ้นตรงจุดใดของร่างกายของผู้เคราะห์ร้าย “น้องๆ คนเจ็บเป็นอย่างไงบ้าง พี่ไม่ทันระวังก็เลยชนน้องเขาตกบันได” ชายหนุ่มสอบถามด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ พร้อมทรุดกายลงนั่งเพื่อเข้าไปอุ้มร่างของคนเจ็บ ก่อนจะส่งกุญแจรถให้พนักงานของโรงแรม “น้องช่วยไปขับรถมาให้พี่หน่อย พี่จะพาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมส่งกุญแจรถของเขาให้พนักงานโรงแรมนั้น ก่อนจะรีบอุ้มร่างของคนเจ็บพร้อมกล่าวกับร่างไร้สติ “คุณแข็งใจหน่อยนะ ผมกำลังพาคุณไปส่งโรงพยาบาล อย่า...” อลันพูดได้เพียงแค่นั้น เสียงของเขาต้องเงียบงันและพลันแน่นิ่งไปในบัดดล เมื่อสองแขนของเขาอุ้มร่างของคนเจ็บมาไว้ในอ้อมกอด ใบหน้าที่ซบอยู่กับหน้าอกไร้สิ้นสติ ผมยาวสีดำปิดบังใบหน้าก่อนจะแหงนหน้าไปข้างหลัง ตามแรงที่เขาอุ้ม เผยให้เห็นใบหน้าทุกส่วนของร่างที่เขากำลังอุ้มอยู่ในขณะนั้นเต็มสองตา “เธอ!” ชายหนุ่มถึงกับหัวใจหยุดเต้น เมื่อร่างคนเจ็บที่เขากำลังอุ้มอยู่ในขณะนี้ มีใบหน้าคล้ายกับผู้หญิงในภาพถ่ายชุดโบราณและหญิงสาวสูงศักดิ์ที่เขาเพิ่งพานพบเหตุการณ์อย่างไม่คาดฝันเมื่อครู่ที่ผ่านมา และนี่อะไร คนเจ็บที่อลันชนจนตกบันไดของโรงแรม และกำลังอยู่ในอ้อมกอดของเขาในขณะนี้มีใบหน้าที่เหมือนผู้หญิงในภาพถ่ายและเหมือนกับผู้หญิงที่เขาเพิ่งเจอเหตุการณ์ประหลาดมาไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิด นี่ชายหนุ่มกำลังพบเจออะไรกันแน่เล่า พรึ่บ! ภาพดับวูบลงไปโดยพลัน กริ้งงงงงงงงงง เสียงนาฬิกาปลุกดังก้องกังวาน “พี่อลัน! พี่อลัน! พี่อลัน! ตื่นเถอะนาฬิกาปลุกแล้ว” เสียงเรียกกระซิบแผ่วๆ ปลุกให้ตื่นจากนิทรา วิญญาณของเจตน์ ค่อยๆ ปรากฏร่างขึ้น วิญญาณหนุ่มยืนกอดอกมองร่างพี่ชายของเขา ที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดขณะที่กำลังหลับอยู่ พี่ชายของเขากำลังฝัน แต่ท่าทางความฝันคงจะไม่ค่อยดี จึงทำให้พี่ชายของเขามีท่าทางแปลกๆ แต่เขาเพิ่งตายใหม่ๆ ยังไม่มีกำลังอะไรที่จะช่วยเหลือพี่ชายของเขาได้ ท่ามกลางเสียงกริ่งของนาฬิกาปลุก พี่ชายของเขาก็ยังไม่ยอมตื่นจากการหลับใหล และเขาได้ยินเสียงโวยวายของพี่ชายสลับกับเสียงพึมพำตลอดเวลา “ทำไม! ทำไม!” อลันละเมอออกมา พร้อมส่ายหน้าไปมาช้าๆ “เอ...พี่ชายกำลังฝันเหรอ ฝันเห็นอะไรเนี่ย สงสัยมีอะไรแน่ๆ เลย ถึงพูดแต่ว่าทำไม ทำไม แบบนี้” ก่อนจะตัดสินใจใช้วิธีตามแบบฉบับสากลเรียกพี่ชายดังๆ โดยก้มลงตะโกนชิดริมหู “ตื่นได้แล้วพี่อลัน!!!” เฮือกกก อลันสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาทันใด ดวงตาของเขามองเห็นเพดานห้องนอนที่ตกแต่งลวดลายอย่างวิจิตรพิสดารพร้อมค่อยๆ หันไปมองรอบๆ ตัวเขาทันที “นี่มันห้องนอนเรานี่หว่า เราไม่ได้ออกไปข้างนอกนั่งกินไวน์ที่โรงแรมริมน้ำอย่างนั้นเหรอวะ” ชายหนุ่มรำพึงออกมาเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปมองโต๊ะข้างเตียง เฮ้ยยยย! ชายหนุ่มร้องออกมาเมื่อมองเห็นวิญญาณของเจตน์ยืนอยู่ตรงโต๊ะข้างเตียงพอดี “โธ่! ทำไมออกมาแบบนี้อีกแล้ว เกิดพี่ตกใจตายตามแกไปจะทำยังไงวะเจตน์” อลันบ่นพึมพำ พร้อมลุกขึ้นจากท่านอนมาเป็นท่านั่ง พลางยกมือกุมศีรษะทั้งสองข้างของเขาทันที “ก็ผมเห็นพี่ชายไม่ยอมตื่นสักที ขนาดนาฬิกาปลุกดังสนั่นขนาดนั้นพี่ชายยังหลับไม่รู้เรื่องเลย ผมก็เลยออกมาดูว่าพี่เป็นอะไรหรือเปล่า” เจตน์ตอบพร้อมยืนกอดอกมองพี่ชายของเขา เมื่อพี่ชายหันกลับมามองเขาเมื่อเขาเอ่ยบอกเช่นนั้น “พี่นอนไม่ยอมตื่นอย่างนั้นเหรอ ขนาดเสียงนาฬิกาปลุกก็ยังไม่ได้ยิน เป็นไปไม่ได้พี่ไม่เคยนอนขี้เซาเลยนะเว้ย” อลันโวยวายไม่เชื่อที่น้องชายของเขาบอก “ผมจะไปโกหกพี่ทำไม ผมเป็นวิญญาณนะกำลังสะสมบารมีจะได้มีพลังช่วยอะไรพี่ได้บ้าง เพราะฉะนั้นผมเป็นวิญญาณที่ถือศีล 5 นะพี่ชาย” เจตน์เอ่ยบอก “อย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นพี่คงออกไปข้างนอกมาแล้วคงเมาไวน์มั้งก็เลยนอนหลับเพลินไปหน่อย” ชายหนุ่มเอ่ยบอกน้องชายกลับไป “โอ๊ย...ออกไปสะที่ไหนกันล่ะ ผมทำให้พี่ชายง่วงนอนแล้วก็นอนหลับไปไม่ได้ออกไปไหนหรอก ก็อยากออกไปโดยไม่ให้ผมตามไปด้วยทำไม ปล่อยผมทิ้งไว้ที่บ้านคนเดียวเหงาตายชัก ผมก็เลยทำให้พี่ชายง่วงแล้วก็นอนหลับตั้งแต่หัวค่ำจนถึงเช้านี่แหละ ไม่ได้ออกไปนอกบ้านเล้ย” วิญญาณของเจตน์เอ่ยบอก และนั่นทำให้พี่ชายของเขาถึงกับตาเหลือกขึ้นมาทันที “หา! แกทำให้พี่นอนตั้งแต่หัวค่ำจนถึงเช้าเลยเหรอ ถ้างั้นไอ้ที่พี่เห็นเมื่อคืนมันก็เป็นความฝันนะสิ” ชายหนุ่มพูดพลางทำหน้าสงสัย ราวกับว่ามันไม่ใช่ความฝันแต่มันคือเรื่องจริงที่เขาพบเจอมา “พี่ชายฝันเห็นอะไร ทำไมต้องทำหน้าแปลกๆ เหมือนไม่เชื่อที่ผมพูดว่าพี่เข้านอนแต่หัวค่ำโดยไม่ได้ออกไปข้างนอกตามที่พี่ตั้งใจเอาไว้” เจตน์เอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “ก็เออนะสิ เพราะถ้าพี่ไม่ได้ออกไปไหนจริงๆ แสดงว่าสิ่งที่พี่ฝันเห็นเมื่อคืน มันเป็นจริงและเหมือนจริงมาก มันเหมือนพี่เพิ่งเจอเหตุการณ์นั้นสดๆ ร้อนๆ และในความฝันนั้นพี่ฝันเห็นผู้หญิงคนนี้วะเจตน์” อลันพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบภาพถ่ายขาวดำของหญิงสาวสวยใส่ชุดโบราณที่เขาเก็บได้ในท่าอากาศยานจากโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาพิจารณาทันที “พี่ชายกำลังจะบอกว่า ฝันเห็นผู้หญิงในภาพถ่ายโบราณนี้นะเหรอ” เจตน์เอ่ยถามด้วยประหลาดใจ “ใช่แล้ว! และที่สำคัญความฝันมันเหมือนฝันซ้อนฝัน พี่ไปเห็นผู้หญิงคนนี้ในสมัยร้อยกว่าปีก่อน ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เธอกำลังตั้งจิตอธิษฐานลอยกระทง และพอพี่รู้สึกตัวก็รีบออกจากโรงแรมกลับเดินชนผู้หญิงคนหนึ่งจนตกบันไดบาดเจ็บ พี่เข้าไปช่วยเขาแต่ที่พี่ตกใจมากก็เพราะผู้หญิงที่พี่เดินชนจนตกบันได หน้าตาเหมือนผู้หญิงที่พี่เห็นเธอเมื่อร้อยกว่าปีก่อนไม่มีผิดเพี้ยนเลย จะไม่ให้พี่งงและสงสัยได้อย่างไงกันวะ” ชายหนุ่มเล่าความฝันให้วิญญาณของน้องชายฟัง ท่ามกลางความงุนงงของทั้งคนเล่าและคนฟัง “เออแปลกจริงด้วย เป็นฝันที่แปลกมากเลยพี่ชาย แล้วพี่ฝันเห็นอะไรอีกบ้าง” เจตน์เอ่ยถามด้วยความอยากรู้ต่อไป ในขณะที่พี่ชายของเขากำลังนึกทบทวน “พี่เห็นภาพถ่ายผู้หญิงคนนี้อยู่ในกระทงอย่างนั้นเหรอ”ชายหนุ่มพูดพลางก้มลงมองภาพถ่ายขาวดำตรงหน้าที่อยู่ในมือของเขาขณะนี้ สายตาสำรวจอะไรบางอย่างที่เขาจดจำได้ในความฝันพร้อมเสียงของน้องชายเอ่ยถาม “พี่ชายมองหาอะไรในภาพถ่าย” “ภาพถ่ายของผู้หญิงคนนี้ที่มุมของภาพเขียนชื่อของผู้หญิงเจ้าของภาพนี้ไว้ด้วย แกเป็นวิญญาณลองช่วยพี่หาร่องรอยตัวหนังสือของภาพถ่ายให้พี่หน่อยว่ามีเขียนเอาไว้หรือเปล่า” อลันพูดพร้อมกวักมือเรียกน้องชายให้ช่วยตามที่บอกแต่ไม่ว่าจะหายังไงก็ไม่สามารถหาเจอ จนอลันเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “จริงสิ ภาพถ่ายแบบนี้คงจะมีหลายใบ อาจจะไม่ใช่ภาพถ่ายใบเดียวกับที่เราเห็นในกระทง เพราะมันคงถูกน้ำและเลือนหายไปนานแล้ว” อลันรำพึงเบาๆ และท่าทางของเขาทำให้น้องชายฝาแฝดอดไม่ได้ที่จะถาม “ท่าทางพี่ชายเป็นแบบนี้ ต้องตกหลุมรักผู้หญิงในภาพถ่ายเข้าให้ซะแล้วรู้ตัวหรือเปล่าพี่ชาย ผมพูดไม่ผิดปากหรอก” วิญญาณของเจตน์เอ่ยบอกและนั้นทำให้อลัน นิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนจะเอ่ยขึ้นช้าๆ “พี่ยอมรับว่าทันทีที่พี่เห็นภาพถ่ายใบนี้ มันมีบางอย่างที่บอกไม่ถูกเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา ความรู้สึกบอกว่าพี่เฝ้ารอคอยมานาน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่มันก็เป็นเพียงความรู้สึกที่ได้แต่มองผ่านรูปถ่ายเท่านั้น เพราะเจ้าของภาพนี้เขาไม่มีตัวตนอยู่จริง ความฝันเมื่อคืนนี้ทำให้พี่รู้ว่าเจ้าของภาพถ่ายใบนี้มีชื่อจริงว่าอะไร และเป็นคนชนชั้นสูงมากขนาดไหน”อลันเอ่ยบอกน้องชายในขณะคนเป็นน้อง ตั้งอกตั้งใจฟังพี่ชายเล่า “แล้วพี่ชายก็รู้จักชื่อผู้หญิงคนนี้จากในความฝัน และรู้ว่าเขาเป็นคนชนชั้นสูงระดับไหนด้วยเหรอ แล้วผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่าอะไร บางทีถ้าดวงวิญญาณของผมมีพลังมากพอและมีกำลังมากกว่านี้ผมอาจจะช่วยพี่ค้นหาได้บ้าง” เจตน์เอ่ยถามพี่ชายกลับไป “แกจะทำอย่างไงเจตน์ ในโลกวิญญาณตามหาให้ได้เหรอ”คนเป็นพี่ถามสวนกลับไปด้วยความสงสัย “ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ในโลกวิญญาณมีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ อย่างน้อยเทวดา นางฟ้า พระภูมิเจ้าที่มีจริงก็แล้วกัน อย่างเช่นคฤหาสน์หลังนี้ที่พี่ชายซื้อเอาไว้ พระภูมิท่านที่ปกปักรักษามีบารมีมาก ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายอนุญาตให้ผมติดตามมาด้วย ผมก็เข้ามาในคฤหาสน์ไม่ได้หรอกนะ” เจตน์เอ่ยบอกพี่ชาย “อ้าวเหรอ...พี่ก็ยังคิดอยู่ตอนนั่งรถมาด้วยกันว่าแกให้พี่ขออนุญาตทำไม ทั้งๆ ที่แกเป็นน้องชายพี่ จะเข้าออกอย่างไงก็ได้เหมือนกับพี่นั้นแหละ” อลันเอ่ยตอบตามความคิดของเขากลับไป “ไอ้เรื่องนั้นมันใช้กับคนที่ยังไม่ตาย แต่คนที่ตายไปแล้วมันใช้ไม่ได้หรอกพี่ชาย ถ้าจะทำให้ถูกต้องพี่ชายต้องจุดธูปบอกพระภูมิท่านว่า อนุญาตให้ผมเข้ามาในคฤหาสน์นี้ได้ แล้วผมจะไปรายงานตัวกับพระภูมิท่านเอง เพราะผมจะได้ขอคำชี้แนะกับการดำรงอยู่ในโลกวิญญาณจนกว่าจะถึงอายุขัยของผมจริงๆ ยิ่งถ้าพี่ชายอุทิศบุญไปให้ผมก็ยิ่งทำให้วิญญาณของผมมีกำลังและบารมีเพิ่มขึ้นไปอีก แล้วผมก็จะสามารถช่วยพี่ชายอีกแรงในทุกเรื่อง รวมไปถึงผู้หญิงสูงศักดิ์เจ้าของภาพถ่ายคนนี้ด้วย ว่าเขาชื่ออะไร เป็นอะไร” เจตน์เอ่ยบอกพี่ชาย “ชื่อของเธอพี่รู้แล้ว เธอชื่อมณีภัสสร ในความฝันใครๆ ก็เรียกเธอว่า ท่านหญิงแถมต่อด้วยเพคะอีกต่างหาก” อลันเอ่ยบอกชื่อและบรรดาศักดิ์ให้น้องชายฝาแฝดได้รับรู้ “หา!” วิญญาณของเจตน์อุทานออกมาทันที ทำให้พี่ชายของเขาหันกลับมามองด้วยความสงสัย “ตกใจอะไรเจตน์” ชายหนุ่มเอ่ยถามวิญญาณน้องชายฝาแฝดก่อนจะได้ยินน้องชายของเขาเอ่ยตอบกลับมาด้วยเสียงที่บ่งบอกความประหลาดใจ “พี่ชายคงไม่รู้ว่า หากความฝันของพี่เป็นเรื่องจริง เจ้าของภาพถ่ายใบนี้ของพี่ชายสูงศักดิ์มากเลยเชียวนะ ถ้าใครต่อใครพากันเรียกท่านหญิง แล้วตามด้วยเพคะ พ่ะย่ะค่ะ ก็คือเชื้อพระวงศ์ในระดับต้นๆ เลยเชียวล่ะ แต่เอ...เหมือนผมเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เคยได้ยินมาจากที่ไหนกันหนอ ที่ไหนกันน้า มันคุ้นๆ อย่างไงชอบกล” วิญญาณของเจตน์เดินเอามือไพล่หลัง พลางเดินกลับไปกลับมาอย่างใช้ความคิด ท่ามกลางสายตาของพี่ชายเขาที่กำลังนั่งมองอยู่ด้วยความแปลกใจ “คุ้นชื่อมากขนาดนั้นเลยเหรอไอ้น้องชาย อย่าบอกนะว่าชื่อเหมือนนางเอกลิเก” ชายหนุ่มพูดพร้อมหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆ “พี่ชาย...ผมมีความรู้สึกว่าพอจะหาสิ่งที่เกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับผู้หญิงในภาพถ่ายนี้ได้แล้ว แต่ผมไม่มั่นใจขอเวลาไปหาข้อมูลให้พี่ก่อนแล้วจะมารายงานให้พี่ชาย เกือบลืมไปเอกสารที่พี่ชายบอกให้ผมตรวจสอบ ผมตรวจสอบตามคำสั่งของพี่ชายเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแต่ว่าพี่ชายต้องลงชื่อแทนผม เพราะผมไม่สามารถจับปากกาลงชื่อได้อีกแล้ว” เจตน์เอ่ยบอกพี่ชายของเขา พร้อมร่างค่อยๆ เลือนหายลับไปทันที “อ้าว...เฮ้ย! บทจะหายไปก็ไปแบบไม่บอกกันอีกแล้ว บทจะมาก็มาแบบไม่บอกก่อนล่วงหน้า เป็นผีทำไมมันดีอย่างนี้วะ นึกจะมาก็มานึกจะไปไหนก็ไปได้ตลอดไม่ต้องมีรถติด” อลันบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะได้ยินเสียงวิญญาณของน้องชายเอ่ยตอบเสียงดังก้องกลับมา “เป็นผีมันไม่ดีหรอกพี่ชาย มันใช้พลังเยอะเหมือนกันนะกว่าจะหายตัวได้ อย่าเพิ่งบ่นไปหน่อยเลยยังไม่แก่สักหน่อย วันที่พี่ชายต้องเข้าประชุมบอร์ดบริหารผมจะพยายามเข้าไปให้ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเข้าไปได้ไหม อย่าบ่นมากนะจะพานทำให้ผมแก่ตามไปด้วย ฮ่าๆๆๆ” วิญญาณของเจตน์หัวเราะออกมาเบาๆ “ไอ้...ไอ้น้องบ้า ขนาดเป็นผียังกวนประสาทได้ขนาดนี้ ถ้ายังไม่ตายคงจะกวนไม่ใช่เล่นเลย” ชายหนุ่มเอ่ยหมั่นเขี้ยววิญญาณน้องชาย แต่พอครั้นนึกได้ใบหน้าหล่อเหลากลับเงียบขรึมลงไปในพริบตา “ถ้าเลือกได้พี่อยากให้แกยังไม่ตาย เราสองคนพี่น้องจะได้ไม่ต้องเจอกันในสภาพระหว่างคนกับวิญญาณแบบนี้ แม้วิญญาณของแกจะติดต่อพูดคุยกับพี่ได้แต่ไม่เหมือนกับตอนที่มีชีวิตอยู่ดี และใครก็ตามที่มันทำให้แกต้องตายอย่างทารุณแบบนั้น พี่ชายของแกคนนี้จะทำให้มันตายอย่างน่าทุเรศยิ่งกว่าหมาข้างถนนเป็นร้อยเท่า” อลันกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ความเหี้ยมเกรียมสะท้อนออกมาจากทางแววตาสีสนิมเหล็กจนน่าสะพรึงกลัว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD