6 เดือนผ่านไป
ภายในบริเวณวังจันทรา
เรือนไทยหลังงามขนาดมหึมา เต็มไปด้วยความวิจิตรและอลังการด้วยฝีมือช่างโบราณ ซึ่งปลูกสร้างวังจันทราเพื่อสรรค์สร้างให้เป็นเรือนหอที่พำนักภายหลังเสร็จสิ้นพิธีอภิเษกสมรส
ทว่าคู่ขวัญเจ้าของวังจันทรา กลับสิ้นพระชนม์ชีพในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ซ้ำร้ายเมื่อคุณหญิงบัว เจ้านายผู้สูงศักดิ์จากวังเทพรัตน์ มาอาศัยพักพิงกลับมาตกเลือดจนวายชนม์ เพราะทำแท้งทารกในครรภ์มิให้ได้เกิดมาลืมตาดูโลก จนกลายมาเป็นดวงวิญญาณสุดเฮี้ยนเป็นที่หวาดกลัวแก่ผู้คนไปทั่วย่านนั้น
ดวงวิญญาณของคุณหญิงบัว เต็มไปด้วยแรงอาฆาตและพยาบาทรุนแรงยิ่งนัก วินาทีแรกที่สิ้นใจดวงวิญญาณก็เที่ยวหลอกหลอนและปรากฏกายให้ผู้คนในวังจันทราได้เห็น จนข้าทาสบริวารต่างหนีเตลิดไปคนละทิศละทาง
แรงเฮี้ยนของดวงวิญญาณยังตามไปหลอกหลอนผู้คนในวังอิศรา ซึ่งเป็นวังของชายที่ตนรัก และวังสุริยารังษีวังของหญิงที่ตนเกลียดยิ่งกว่าชีวิต แรงอาฆาต แรงพยาบาท นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งวังเทพรัตน์ ซึ่งเป็นวังที่ดวงวิญญาณร้ายถือกำเนิดขึ้นมาลืมตาดูโลกเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังถูกดวงวิญญาณของคุณหญิงบัวหลอกหลอนจนหวาดกลัวไปทั่วทั้งวัง
บัดนี้วังจันทราที่เคยสวยงาม กลับเต็มไปด้วยพืชพรรณ ไม้เลื้อย ชอนไชปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ ฝุ่นละอองปกคลุมจนพื้นไม้กระดานที่เคยมันวาวจนขึ้นเงานั้นขาวโพลนไปทั่ว ข้าวของเครื่องใช้ทุกชิ้นยังอยู่ที่เดิม จัดเรียงไว้อย่างไรก็ยังคงอยู่เช่นนั้น
วังจันทราที่เคยขึ้นชื่อว่ายิ่งใหญ่ อลังการและสวยงามอย่างยิ่งยวด กลับกลายเป็นวังร้างไปอย่างน่าเสียดาย เพราะความเฮี้ยนของดวงวิญญาณคุณหญิงบัวจนทำให้วังจันทรากลายเป็นวังที่ถูกกล่าวขานกันไปทั่วถึงความน่าสะพรึงกลัว และดวงวิญญาณที่ดุร้ายจนเป็นที่น่าหวั่นเกรง
“เรือนหลังนี้นะหรือที่โจษขานกันไปทั่วว่ามีผีดุร้ายเหลือคณา”
เสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจเอ่ยถามคนใกล้ตัวที่ยืนอยู่ด้านหลังหวัเกาะเป็นที่พึ่งด้วยความหวาดกลัววิญญาณที่สิงสู่อยู่ที่เรือนไทยหลังงามนี้เป็นยิ่งนัก
“ใช่แล้วขอรับ! เกล้ากระผมเจอมากับตัว หากมิใช่คำสั่งของเสด็จในกรมฯ เกล้ากระผมและบ่าวไพร่ที่ติดตามมาด้วยในวันนี้จะไม่เข้ามาในวังนี้เป็นเด็ดขาด” ชายสูงอายุท่าทางสูงศักดิ์เอ่ยบอกพลางเหลือบสายตามองไปทั่วบริเวณ ด้วยความหวาดกลัว
“แล้วเหตุใดจึงตามอาตมามากันเล่า โยมไม่กลัวหรอกรึ” เสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจและบารมีเอ่ยถามออกไป พร้อมกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณวัง
“หากแม้นมิใช่สมเด็จพระอาจารย์ เกล้ากระผมก็มิขอเข้ามาย่างกายอยู่ภายในนี้เด็ดขาดขอรับ แต่พอได้ยินว่าพระเดชพระคุณธุดงค์มาทางหัวเมืองเหนือ เกล้าฯ ได้ยินข่าวจึงรีบตามมาขอกราบเชิญ หากเสด็จในกรมไม่ติดข้อราชการด่วน เสด็จในกรมฯ ก็จะเสด็จมาด้วยพระองค์เองขอรับ” ชายผู้สูงศักดิ์เอ่ยพร้อมเดินนำหน้าไปข้างหน้าก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าเรือนไทยปีกซ้ายหลังงาม
“สมเด็จพระอาจารย์จะทำพิธีบนเรือนหรือด้านล่างดีขอรับ เกล้ากระผมจะให้บ่าวไพร่แลข้าทาสทั้งหลายจัดเตรียมการพิธีให้ขอรับ หากมืดค่ำจะพากันแย่ไปตามๆ กัน”
“เอาเถิดโยม อาตมามาที่นี่มิได้หมายความว่าจะมาเพื่อกำจัดดวงวิญญาณที่โยมต่างพากันหวาดกลัวให้ไปเสียจากวังนี้ได้แต่อย่างใด หากแต่ทำได้เพียงให้เขาอยู่ในที่ที่เขาควรอยู่ ณ สถานที่ที่เขาผูกพันเท่านั้น อาตมาหาใช่หมอผี และมิอาจขับไล่เขาไปได้ดอก เพราะดวงวิญญาณนี้มีกรรมหนักยิ่งนัก เขาจักต้องได้รับผลกรรมตามที่เขาได้กระทำเอาไว้” สมเด็จพระอาจารย์เอ่ยพร้อมหลับตาลงทันใด ตั้งจิตเข้าฌานสมาธิทันทีในขณะที่ยืน ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ขอเชิญสีกาออกมาสนทนาความกับอาตมาสักเพียงคำเถิด” สิ้นเสียงของพระเดชพระคุณเจ้าผู้ทรงญาณบารมี ร่างโปร่งแสงของคุณหญิงบัวพลันปรากฏกายขึ้น นั่งพับเพียบเรียบร้อยต่อหน้าพระคุณเจ้าผู้ทรงด้วยบารมี
“หญิง...หญิง...หญิงบัว!” ชายสูงศักดิ์อุทานเรียกชื่อดวงวิญญาณตรงหน้าด้วยอาการตื่นตระหนก
“ท่านพ่อ!” คุณหญิงบัวเรียกชื่อพระบิดาเสียงเย็นยะเยือก
ดวงตาจ้องพระบิดาผู้ให้กำเนิดและบรรดาข้าทาสบริวารที่ยืนอยู่ด้านหลังพระเดชพระคุณเจ้า ที่กำลังค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งกับพื้นดิน ต่างคนต่างพากันขวัญหนีดีฝ่อไปกันหมด ที่ได้เห็นดวงวิญญาณของคุณหญิงบัวกลางวันแสกๆ ดวงตาลุกแดงเพลิงจ้องมองด้วยอาการที่ไม่เป็นมิตร
“โยมทั้งหลายจงถอยออกไปให้ห่าง อาตมาจะสนทนากับสีกาบัว หากแม้นพบเห็นสิ่งใด ก็จงอย่าได้เอ็ดอึงไป ขอจงอยู่ในสติเอาไว้ถ้วนทั่วทุกตัวคน” เสียงของสมเด็จพระอาจารย์เอ่ยสั่งความ พร้อมค่อยๆ ทรุดลงนั่งขัดสมาธิตรงข้ามกับดวงวิญญาณของคุณหญิงบัว
ร่างของทุกคนๆ ซึ่งอยู่ในบริเวณแห่งนั้น ต่างพากันกระเถิบถอยหนีออกไปตามคำสั่งของสมเด็จพระอาจารย์อย่างรวดเร็ว สายตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่สมเด็จพระอาจารย์ซึ่งกำลังอยู่ในสมาธิ พร้อมบริกรรมคาถากำกับควบคู่ไปด้วย
ดวงวิญญาณของคุณหญิงบัวนั่งพับเพียบฟังสมเด็จพระอาจารย์ด้วยความสงบเป็นอยู่เช่นนั้นนิ่งนานจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจท่ามกลางความเงียบที่เข้ามาปกคลุมโดยรอบ
ทันใดนั้นเอง!
“ไม่! ข้ามิอาจปฏิบัติตามสมเด็จฯ ท่านได้ ข้ายินยอมที่จะอยู่อย่างสงบไม่ไปรบกวนผู้ใดอีก แต่ถ้าหากข้าได้พบกับชายที่ข้ารักยิ่งกว่าชีวิต และหญิงที่ข้าเกลียดยิ่งกว่าสิ่งใด ไม่ว่าระยะเวลาจะยาวนานมากเพียงใด จักให้ข้าอยู่เฉยได้เยี่ยงไร ข้าไม่ยอม! ข้าไม่มีวันยอมเด็ดขาด! ข้ามิอาจปฏิบัติตามคำของสมเด็จพระอาจารย์ได้ดอก” คุณหญิงบัวกล่าวตอบโต้ผู้ทรงญาณบารมี พร้อมร่างโปร่งแสงพลันหายลับไปกับตา ท่ามกลางเสียงเกรี้ยวกราดของวิญญาณร้ายที่ตวาดดังกึกก้อง
“ข้าไม่ยอม! อย่างไรเสียข้าก็ไม่ยอม!”เสียงดังกึกก้องอยู่ในโลกวิญญาณได้ยินไปจนทั่วบริเวณ
สมเด็จพระอาจารย์เปิดเนตรขึ้นในบัดดล พลางส่ายหน้าไปมาด้วยความอ่อนใจ บ่วงที่ผูกพันเต็มไปด้วยความรักและแรงพยาบาทอาฆาต ยากนักที่จะทำให้ดวงวิญญาณนี้จักหลุดพ้นกรรมของตนที่ได้ก่อเอาไว้มาหลายภพหลายชาติจนถึงชาตินี้ได้
“วิญญาณดวงนี้กรรมหนักยิ่งนัก กรรมจากอดีตชาติส่งผลแรงจนตัวตาย ซ้ำร้ายยังก่อกรรมในชาตินี้มากขึ้นยิ่งไปอีก บ่วงกรรมพันธนาการวิญญาณดวงนี้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด” สมเด็จพระอาจารย์รำพึงเบาๆ ด้วยความสังเวชใจ พร้อมหันกลับไปเอ่ยสั่งความบรรดาญาติโยมที่นั่งตัวสั่นงันงกอยู่ในขณะนี้
“ญาติโยมทั้งหลายนั่งรออาตมาอยู่ตรงนี้ จนกว่าอาตมาจะเดินกลับมา ห้ามมิให้ผู้ใดก้าวตามไปเด็ดขาด จะเป็นการไม่ปลอดภัยแก่พวกโยมเอง”
“ขอรับกระผม” เสียงบรรดาญาติโยมขานรับออกมาพร้อมกัน
สมเด็จพระอาจารย์ค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้น จนกระทั่งหยุดยืนอยู่ตรงโถงด้านหน้าของเรือนไทย ด้วยทิพย์จักษุญาณของสมเด็จพระอาจารย์ สมเด็จฯ ค่อยๆ เดินตรงไปอย่างช้าๆ เพื่อไปยังเรือนนอนใหญ่ ซึ่งเป็นห้องนอนของคุณหญิงบัว และมีซากศพนอนตายมาแล้วนานกว่า 6 เดือนอยู่ภายในห้องนั้น และทันทีที่มาถึง สมเด็จพระอาจารย์หยุดยืนนิ่งอยู่หน้าห้องที่มีซากศพคุณหญิงบัวนอนสงบนิ่งอยู่ภายในห้องนั้น
สมเด็จพระอาจารย์ ล้วงถุงย่ามที่นำติดตัวมาด้วย พร้อมขวดใสบรรจุน้ำสีขาว ภายในนั้นเป็นน้ำมันผ่านพิธีปลุกเสกด้วยอาคมโบราณ นิ้วชี้ผู้ทรงญาณบารมีจุ่มลงในขวดน้ำมันก่อนจะนำมาเขียนลงบนหน้าประตูเป็นการลงยันต์น้ำมันพร้อมร่ายอาคมกำกับ
“มะ อะ อุ” สิ้นเสียงของสมเด็จพระอาจารย์
พลันบังเกิดแสงสว่างลุกวาบลามเลียไปทั่วอาณาบริเวณปกคลุมห้องนอนซึ่งซากศพของคุณหญิงบัวนอนสงบนิ่งอยู่ภายในนั้น ตราบใดที่ประตูหรือหน้าต่างและแม้แต่ส่วนหนึ่งส่วนใดของห้องดังกล่าวไม่ถูกทำลาย ดวงวิญญาณของคุณหญิงบัวก็จะอยู่แต่ในห้องนั้นตลอดไป
สมเด็จพระอาจารย์ ยืนมองหน้าประตูห้องด้วยความสงบก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ
“สีกาเอ๋ย อาตมาจำต้องให้ดวงวิญญาณของสีกาอยู่แต่ภายในห้องนี้เท่านั้น เพื่อป้องกันมิให้ออกมารบกวนผู้ใดอีก วันเวลาที่ผ่านไปอาตมาหวังว่าความแค้นและแรงพยาบาทของสีกาจะลดน้อยลง และทำให้สีกาคิดได้ ยอมอโหสิและไปสู่ภพภูมิที่ดีต่อไปเบื้องหน้าด้วยเถิด กรรมของสีกาหนักยิ่งนัก หากแม้นหลุดพ้นจากบ่วงเวรนี้ได้ ดวงวิญญาณของสีกาจะพบแต่ความสงบสุขยิ่ง”
สมเด็จพระอาจารย์กล่าวทิ้งท้ายกับดวงวิญญาณของคุณหญิงบัว พร้อมหันหลังกลับค่อยๆ เดินออกจากเรือนไทยปีกซ้ายไปอย่างช้าๆ
“ปล่อยกูออกไป! ปล่อยกู! มาขังกูเอาไว้ทำไม! ปล่อยกู!” เสียงกรีดร้องวิญญาณของคุณหญิงบัว ดังกึกก้องร้องระงมดังตามติดมา
เสียงร้องโหยหวนจากดวงวิญญาณของคุณหญิงบัว แผดเสียงกึกก้องได้ยินไปทั่วทั้งวัง แม้ดวงวิญญาณจะไม่สามารถออกมาอาละวาดได้อีก แต่เสียงกรีดร้องดังกล่าวจะดังโหยหวนทุกวันขึ้นสิบค่ำทุกครา และยังคงดังก้องร้องระงมไปทั่วทั้งวังตั้งแต่วันนั้นตราบเท่าทุกวันนี้
189 ปีผ่านไป
ณ.บ้านหรูย่านชานเมือง
กลางดึกอันเงียบสงัดที่มีแต่ความเงียบเข้ามาปกคลุมโดยรอบ ร่างระหงของหญิงสาวนอนหลับสนิทบนเตียงนอนอันอบอุ่น ใบหน้าสวยคมน่ามองไปทุกส่วนกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน
ฝันร้ายซ้ำซากที่ฝันเห็นมาตั้งแต่เล็กจนเธอเติบโตในขณะนี้ เสียงกรีดร้องโหยหวนและถ้อยคำดุดันอย่างน่าสะพรึงกลัวกระตุกต่อมประสาทความกลัวจนขนหัวลุกตั้งชัน และเสียงกล่าวคำอาฆาตที่เธอได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนจำได้ขึ้นใจ
“ในเมื่อกูไม่สมหวัง อย่าหวังเลยว่าไอ้อีหน้าไหนจะสมหวังดั่งใจได้ กูจะตามจองเวรมัน สิ่งที่พวกมันมีต้องตกเป็นของกู สิ่งที่พวกมันได้กูต้องแย่งจากมันให้หมด แม้แต่ลูกหลานของพวกมันต้องไม่เหลือสิ้นสมบัติ หรือแม้กระทั่งชีวิต! กูจะคอยเฝ้าดูความฉิบหายของพวกมัน! กูจะสาปแช่งพวกมันทุกภพทุกชาติไป!”
“ไม่! อย่า! อย่า!” เสียงหญิงสาวร้องออกมาทั้งๆ ที่ยังหลับ เมื่อคำกล่าวอาฆาตจากในฝันดังก้องและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เฮือก! จิตใต้สำนึกดึงให้หลุดจากความฝัน คำกล่าวอาฆาตที่ดังกึกก้อง ซึ่งมิรู้ว่ามันมาจากที่ใด แต่ที่แน่ๆ มีเธอเพียงผู้เดียวที่ฝันและได้ยินซ้ำแล้วและซ้ำอีกนับตั้งแต่จำความได้
ร่างระหงเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้า ทั้งๆ ที่ภายในห้องนอนเปิดแอร์ไว้จนเย็นฉ่ำ ดวงตากลมโตค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อเธอรู้สึกว่ามีบางอย่างสากๆ กำลังลูบไล้เรือนกายเธออยู่ในขณะนี้
ร่างใหญ่ของบุรุษกำลังลูบไล้เรือนกายของเธอไปทั่วด้วยความเสน่หา ชุดนอนตัวสวยกำลังถูกมือหนาทั้งสากและหยาบรุกล้ำเข้าไปลูบไล้จนถึงโคนขาอ่อน เพื่อปลดกางเกงชั้นในตัวบางจิ๋วให้หลุดออกจากร่าง ทันทีที่เธอเห็นเงาดำใหญ่ที่กำลังเคลื่อนกายอยู่บนร่างของเธอ
กรี๊ดดดดดดดดดด หญิงสาวแผดเสียงร้องกึกก้องออกมาทันที พร้อมใช้หัวเข่ากระแทกเข้าที่กลางลำตัวซึ่งเป็นจุดสำคัญของผู้ชายทุกคน
พลั่ก! โอ๊ย! เสียงไอ้บ้ากามร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะเจอไม้เด็ดของหญิงสาว
พลั่ก! สองเท้าของเธอออกแรงถีบจนร่างหนาตรงหน้ากระเด็นออกจากกายของเธอทันที ร่างหนากระเด็นกลิ้งไปอยู่ปลายเตียง
“ไอ้โรคจิต! ไอ้คนบ้ากาม!” หญิงสาวตะโกนก่นด่าพร้อมกระโดดลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยว! ดาริกามณี!” ชายบ้ากามยกมือห้ามหญิงสาวตรงหน้าทันทีเมื่อเธอกระโดดลงจากเตียงตั้งท่าจะเล่นงานเขา
“อะไรนะ!” หญิงสาวเอ่ยออกมาแทบไม่เชื่อสายตา พร้อมเดินไปเปิดไฟตรงหัวเตียงทันที
และเมื่อแสงสว่างปรากฏขึ้น หญิงสาวมองเห็นร่างหนาของผู้ชายตรงหน้านั่งตัวงอเพราะถูกเธอเตะเข้ากล่องดวงใจของเขาจนเต็มแรง และเขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพ่อบุญธรรมของเธอ ซึ่งจดทะเบียนรับรองเป็นบุตรบุญธรรม และรับตัวเธอออกมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามาอยู่บ้านหลังเดียวกับเขายังไม่ถึง 6 เดือน
“นายจิตติ!” หญิงสาวเอ่ยลอดไรฟัน พร้อมเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“แกไม่ใช่พ่อบุญธรรมของฉันอีกต่อไป ไอ้คนบ้ากาม!” หญิงสาวเอ่ยพร้อมยกเท้าขึ้นเตะเสยปลายคางหนุ่มใหญ่ตรงหน้าทันที
พลั่ก! ใบหน้าของชายตรงหน้าแหงนไปทางด้านหลังทันที ก่อนจะหงายท้องลงไปนอนกับพื้น
ตุบ! ร่างของเจ้าคนบ้าตัณหาหมดสติทันทีเพราะแรงเตะอย่างหนักหน่วงของหญิงสาว
ร่างระหงยืนมองพ่อบุญธรรมบ้ากามด้วยความขยะแขยง เธอหันหลังเปิดประตูเสื้อผ้าพร้อมเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นลงกระเป๋าเดินทาง เพื่อหนีออกจากบ้าน และหนีจากการเป็นลูกบุญธรรมของผู้ชายที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นพ่อบุญธรรมที่เธอเคยเคารพ
“ขอบคุณที่รับฉันเป็นลูกบุญธรรมและพาฉันออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หวังว่าฉันกับคุณอย่าได้โคจรมาพบเจอกันอีกเลย” หญิงสาวกล่าวกับร่างที่ไร้สติ พร้อมเดินถือกระเป๋าออกจากห้องนอนตรงดิ่งออกจากบ้านเดินทางในยามวิกาลเพียงลำพังผู้เดียว
หากเธอจะต้องพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ขอไปตายเอาดาบหน้าดีกว่าจะต้องถูกหมิ่นเกียรติและศักดิ์ศรี ซ้ำยังต้องโดนย่ำยีจากชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อบุญธรรมของเธอ