เมื่อความรักจากภพชาติอดีต ก่อกำเนิดความอาฆาตแค้นอันน่าสะพรึงกลัว รักที่ไม่สมหวัง รักที่เทิดทูนไว้จนเหนือเกล้า กลับถูกปฏิเสธเพียงเพราะชายที่ตนรักมอบความรักนั้นให้กับหญิงอื่น ทั้งดวงจิตและดวงวิญญาณจึงเฝ้าผูกพันจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต ไม่ว่าภพชาติไหนจะต้องติดตามและไขว่คว้าให้เป็นของตนให้ได้ เพราะชายคนนั้นเปรียบเสมือน “ของรักของข้า!”
ปีพุทธศักราช 2396
ณ.วังจันทรา
ปีพุทธศักราช 2396 ขึ้น 10 ค่ำ เดือนอ้าย ปีฉลู เบญจศก จ.ศ. 1215, รัตนโกสินทร์ศก 72 สุริยคติ เป็นปกติสุรทิน , จันทรคติ เป็นอธิกมาส ปกติวาร
เรือนไทยหลังงามขนาดมหึมา ถูกสร้างอยู่บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของล้านนา นั่นก็คือเมืองเชียงใหม่ อาณาบริเวณกว้างขวางสุดลูกหูลูกตาแบ่งเป็นเขตพื้นที่ของเรือนไทยจำนวน 22 ไร่ เจ้าของพื้นที่และเรือนไทยหลังงามดังกล่าว คือหม่อมเจ้าบดินทร์ธร อิศรา ราชนิกุลผู้สูงศักดิ์ ดำริให้สร้างขึ้นเพื่อใช้สำหรับเป็นเรือนหอของพระองค์กับพระคู่หมั้นนั่นก็คือ หม่อมเจ้าหญิงมณีภัสสร สุริยารังษี หรือที่เรียกขานในนามท่านหญิงมณี
เรือนไทยหลังงามได้รับการออกแบบและควบคุมการก่อสร้างโดยหม่อมเจ้ารณยุทธ อิศรา พระอนุชาฝาแฝดของท่านชายบดินทร์ธร ผู้เป็นพระเชษฐา
ภายหลังจากการสร้างวังนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้พระราชทานนามว่าวังจันทรา สวยงามและยิ่งใหญ่ สมเป็นเรือนหอของราชนิกุลผู้สูงศักดิ์ชั้นหม่อมเจ้าทั้งสองพระองค์ ที่จะได้ใช้ชีวิตสมรสเคียงคู่อยู่ด้วยกัน
ทว่าเรือนหออันสวยงาม ที่สร้างรอไว้กลับมิสามารถต้อนรับเจ้าของวังทั้งสองพระองค์ได้ ด้วยเพราะต่างสิ้นพระชนม์ในเวลาไล่เลี่ยกันจนเป็นที่น่าตกใจและกล่าวขานกันเป็นวงกว้าง
นับตั้งแต่ท่านชายรณยุทธ พระอนุชาฝาแฝด สิ้นพระชนม์ลงกลางป่าด้วยไข้มาลาเรีย ขณะที่กำลังนำทัพจากพระนครไปตีเมืองเชียงตุง นำพาความโศกเศร้ามาสู่วังอิศราและเสด็จในกรมผู้เป็นพระราชบิดาและท่านชายบดินทร์ธรผู้เป็นพระเชษฐาอย่างยิ่งยวด
และระยะเวลาไม่ถึงสามเดือน ท่านหญิงมณีภัสสร สุริยารังษี พระคู่หมั้นของท่านชายบดินทร์ธร ก็สิ้นพระชนม์ลงด้วยอุบัติเหตุเรือพระที่นั่งล้มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ท่านหญิงตกน้ำและสิ้นพระชนม์ลงเพราะทรงว่ายน้ำไม่เป็น กว่าจะงมพระศพพบที่จมดิ่งอยู่ใต้สายน้ำเจ้าพระยา ก็ผ่านไปแล้วหนึ่งวันเต็มๆ ทำให้ท่านชายบดินทร์ธร โศกเศร้าเสียพระทัยเป็นยิ่งนักต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของพระคู่หมั้น
เพียงแค่หนึ่งเดือนของการสิ้นพระชนม์ท่านหญิงมณี ท่านชายบดินทร์ธรก็สิ้นพระชนม์ลงตามมาติดๆ ด้วยสาเหตุมาจากทรงตรอมพระทัยต่อการจากไปของคนที่พระองค์รักถึงสองครั้งสองคราในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั่วทั้งพระนครต่างโจษขานกันไปทั่ว ถึงเรื่องราวดังกล่าวว่านี่คือเหตุบังเอิญหรือมีอาถรรพ์บางอย่างแอบแฝงอยู่หรือไร
ทว่าการสิ้นพระชนม์ของราชนิกุลชั้นสูงจากวังอิศราและวังสุริยารังษี ผู้ที่โศกเศร้าสะเทือนใจที่สุดไม่นับเสด็จในกรมของทั้งสองวัง คือราชนิกุลหญิงจากสายสกุลเทพรัตน์ หม่อมราชวงศ์หญิงอุบลวรรณ เทพรัตน์หรือคุณหญิงบัว ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้ใด
และการสิ้นพระชนม์ของทั้งสามพระองค์หนึ่งในนั้น มิอาจทำให้คุณหญิงบัวพำนักอยู่ในพระนครได้อีกต่อไป ต้องรีบเร้นกายหลบหน้าผู้คนจากพระนครบ่ายหน้าขึ้นเหนือมาพำนักอยู่ที่วังจันทรา เพื่อหลบซ่อนบางสิ่งบางอย่างที่จะทำให้เป็นที่ครหาต่อผู้คนจนเอ็ดอึงไปทั่ว และยิ่งไปกว่านั้นวังเทพรัตน์จะได้รับความอับอายกับสิ่งที่กำลังฟ้องออกมาอยู่ทุกวี่วัน
ตุบ! จดหมายจากพระนครร่วงหล่นจากมือทันทีที่ได้อ่านข้อความดังกล่าว ร่างบอบบางของสตรีสาว เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งงามลออตา นุ่งโจงกระเบนสีม่วงเนื้อผ้าทอจากไหมชั้นดี ห่มผ้าแถบสีชมพู พรั่งพร้อมไปด้วยเครื่องประดับของเจ้านายชั้นสูง สมฐานันดรศักดิ์ชั้นหม่อมราชวงศ์
“ท่านชาย!”เสียงเพรียกหาสั่นเครือถึงคนไกลที่ลาลับ พร้อมหยาดน้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าขึ้นมาทันที
ภายในจดหมายดังกล่าวได้แจ้งข่าวการถวายเพลิงเผาพระศพของท่านชายบดินทร์ธร เจ้าของวังจันทราแห่งนี้เพิ่งสำเร็จลุล่วงและจัดเก็บอัฐิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“คุณหญิงเจ้าขา บ่าวตั้งสำรับเช้าแล้วเจ้าค่ะ รับข้าวรองท้องสักเพียงคำหน่อยเถิด หาไม่แล้วจะล้มเจ็บเอาได้ ตั้งแต่จากพระนครจนถึงเชียงใหม่ รับประทานน้อยเหลือเกินบ่าวเป็นห่วง”บ่าวรับใช้นามว่านางแย้มนั่งพับเพียบหมอบอยู่กับพื้นพยายามเกลี่ยกล่อมคุณหญิงคนงาม
“ข้าไม่กิน!”คำตอบดังกล่าวห้วนสั้นเสียนี่กระไร
ร่างเล็กบอบบาง นั่งอยู่บนตั่งเหม่อมองภูเขาสูงตั้งอยู่ไม่ไกลจากวังจันทราเท่าใดนัก ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามพรั่งพร้อมไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ ส่งกลิ่นหอมโรยรื่นออกมาเป็นระยะๆ ทว่ากลับไปไม่ได้ทำให้ราชนิกุลสาวคลายความโศกเศร้าไปได้เลย ตรงกันข้ามกลับยิ่งแย่ไปเสียกว่าเดิม
แปะ! หยาดน้ำตาร่วงรินตกลงบนหน้าตัก พร้อมเสียงสะอื้นไห้ดังตามมาติดๆ
“คุณหญิงเจ้าขาร้องไห้อีกแล้ว อย่าร้องนะเจ้าค่ะตอนนี้กำลังตั้งครรภ์อยู่ด้วยจะไม่ดีต่อเด็กในครรภ์เอาได้ พยายามรักษาครรภ์เอาไว้ อีกไม่ถึงสี่เดือนก็จะคลอดแล้ว”บ่าวรับใช้คนซื่อพยายามปลอบโยน
ควับ! คุณหญิงบัวหันกลับมามองบ่าวคนสนิทด้วยสายตาเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว
“เอ็งจะให้ข้าเก็บเด็กในท้องเอาไว้เพื่ออะไรอีแย้ม! ในเมื่อท่านชายทรงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว เด็กที่อยู่ในท้องของข้าจะเกิดออกมาได้เยี่ยงไร! จะเกิดออกมาเพื่อประจานข้ากับเทพรัตน์ให้ทั่วทั้งพระนครโจษขานว่าข้าท้องไม่มีพ่ออย่างนั้นหรอกรึ!!!”เสียงตวาดดังกระหึ่มไปทั่วทั้งบริเวณ
ในขณะที่นางแย้มได้แต่นั่งตัวลีบด้วยความกลัวลนลาน ที่ดันไปพูดสะกิดเจ้านายหญิงจนมีอาการฉุนเฉียวมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม
“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปจะไม่กล่าวถึงอีกแต่ถึงอย่างไรเสียก็ต้องเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้านะเจ้าค่ะ คุณหญิงเพิ่งจะมาพำนักที่วังนี้ เมื่อถึงวันคลอดขึ้นมาจะไปหาหมอตำแยมาทำคลอดได้เยี่ยงไรกัน มิต้องวุ่นวายไปทั่วทั้งวังหรอกหรือเจ้าค่ะ”นางแย้มถามกลับไป
“แล้วผู้ใดบอกเล่าว่าข้าจะคลอดเด็กคนนี้ออกมา”คุณหญิงบัวสวนกลับไปทันควัน
“คุณหญิง!”นางแย้มส่งเสียงอุทาน สองมือยกขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ
“แต่เด็กเกือบหกเดือนแล้วนะเจ้าค่ะ หากทำอะไรลงไปไม่ปลอดภัยแก่ชีวิตของคุณหญิงแม้แต่น้อย”
“แล้วจะให้เก็บเอาไว้ประจานข้าหรือไงนางแย้ม! หากแม้นท่านชายยังไม่สิ้นพระชนม์จากไปเสียก่อน มีหรือที่จะทำเช่นนี้ ไม่ต้องกังวลว่าจะท้องไม่มีพ่อถึงแม้ว่าพระบิดาของข้าจะยังไม่ล่วงรู้เรื่องนี้ก็ตาม แต่ท่านชายสัญญาเอาไว้แล้วว่าจะอภิเษกเสกสมรสข้าเป็นชายาเคียงข้างพระองค์ แต่ดูรึ!ทรงทำกับข้าได้! ทำกับข้าได้ลงคอ! ทำไมจะต้องทรงตรอมพระทัยตายตามนางมณีมันไปด้วย! แล้วข้าเล่า! ข้าเป็นอะไร!ไม่ใช่เมียอย่างนั้นหรอกรึ!!!”คุณหญิงบัวระเบิดอารมณ์ที่อัดอั้นเอาไว้ พลางร่ำไห้คร่ำครวญออกมาในคราเดียวกัน
“โอ้ย! ตายแน่กูอีแย้ม ปากมึงไม่น่าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลยจะทำเยี่ยงไรต่อไปดีวะ”นางแย้มบ่าวรับใช้ได้แต่นั่งรำพึงรำพันไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดีต่อไป ก่อนจะได้ยินเสียงดังแทรกขึ้น
“ทูนหัวของบ่าวร้องไห้ทำไมเจ้าค่ะ”เสียงเต็มไปด้วยความตกใจพร้อมร่างอวบอิ่มรีบเดินเข้าไปหาคุณหญิงคนงามที่กำลังร่ำไห้จนใจแทบขาดรอนอยู่ในขณะนี้
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะจ๊ะนม”นางแย้มรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
“เอ็งกล่าวสิ่งใดให้คุณหญิงขุ่นเคืองอย่างนั้นรึอีแย้ม มีหรือที่คุณหญิงจะร่ำไห้เช่นนี้ออกมา ปากช่างน่าตบนักเชียว พูดอะไรหัดคิดเสียบ้าง”กล่าวพร้อมตรงเข้าไปกอดประโลมผู้เป็นนายของนางทันที
“ทูนหัวของบ่าวไม่เป็นไรนะเจ้าค่ะ อย่าโศกเศร้าจนทำร้ายตัวเองเช่นนี้ คุณหญิงจำต้องอยู่ต่อไปให้ได้นะเจ้าค่ะ ถึงเวลาจะได้กลับคืนสู่พระนครไปพำนักวังเทพรัตน์ตามเดิม”
สิ้นเสียงปลอบโยนร่างงามที่กำลังร่ำไห้อยู่ในขณะนั้น ใช้มือผลักร่างอวบอิ่มของแม่นมออกไปจนสุดแรง
“จะให้กลับคืนพระนครได้เยี่ยงไร กลับไปให้เป็นขี้ปากของผู้คนอย่างนั้นหรอกรึ ท้องข้าโตขึ้นทุกวันมันกำลังฟ้องตัวข้าว่าท้องไม่มีพ่อ! เช่นนี้แล้วจะเก็บมันไว้ทำไมอีก ในเมื่อคนเป็นพ่อก็ตายไปแล้ว! มันก็จะต้องถูกกำจัดไปด้วยเช่นกัน! เก็บเอาไว้ให้มาประจานหรืออย่างไร”คุณหญิงบัวแผดเสียงก้อง
และนั่นทำให้แม่นมหรือนมตลับถึงกับเอามือขึ้นทาบอกของตัวเองเอาไว้ด้วยความตกใจกับสิ่งที่กำลังได้ยิน
“คุณหญิง! แต่มันอันตรายมากนะเจ้าค่ะ! ไม่ควรอย่างยิ่ง..ไม่ควรทำเช่นนั้นเพราะมันจะทำให้ถึงแก่ชีวิตเอาได้นะเจ้าค่ะ”นมตลับพยายามคัดค้าน
“กูไม่กลัว!!!”คุณหญิงบัวแผดเสียงดังก้องเปลี่ยนคำเรียกขานแทนตัวตนด้วยความโกรธอย่างยิ่งยวดขึ้นมาทันใด พลางจ้องเขม็งบ่าวทั้งสองที่นั่งพับเพียบอยู่กับพื้นตรงหน้า
“มึงแล้วก็มึง!”พูดพลางยกนิ้วชี้หน้าบ่าวคนสนิททั้งสอง
“ไปบอกอีนวลให้จัดการปรุงยาขับเลือดอย่างแรงที่สุดมาให้กูกินเอาเด็กที่อยู่ในท้องของกูออกไป! เดือนหน้าเสด็จในกรมพระบิดาของท่านชายจะมาเยือนวังจันทรา ท้องกูก็โตเข้าเดือนที่เจ็ดแล้ว อีกทั้งยังมาพำนักอยู่ที่วังนี้ไม่มีกำหนดกลับเสียด้วย เช่นนี้แล้วพวกมึงคิดว่าจะให้กูหลบหน้าเสด็จในกรมตลอดไปได้เยี่ยงไรหากแม้นไม่กำจัดออกไปจากท้องของกูเสียตั้งแต่ตอนนี้!!”คุณหญิงบัวกล่าวลอดไรฟัน
นมตลับและนางแย้มถึงกับนั่งอึ้งไปทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น
“เสด็จในกรมของวังอิศราจะมาที่นี่เดือนหน้าหรือเจ้าค่ะ!”นมตลับเป็นฝ่ายถามกลับไป
“ก็เออสิ!”คุณหญิงบัวส่งเสียงคำรามลั่น
และนั่นทำให้นมตลับและนางแย้มหันกลับมามองหน้ากัน ต่างคนมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“หากแม้นเสด็จในกรมมาเยือนวังจันทราแล้วไซร้พบคุณหญิงตั้งครรภ์อยู่ เห็นทีเอ็งและข้าจะต้องโดนโทษทัณฑ์สถานหนักเป็นแน่แท้นางแย้ม”นมตลับกระซิบบอก
“ต้องโทษทัณฑ์ข้อหาอะไรรึนม เหตุใดบ่าวเช่นพวกเราจะต้องถูกลงโทษด้วย”นางแย้มถามกลับไปด้วยความสงสัยระคนแปลกใจ
“โธ่! อีโง่..จะข้อหาอะไรเสียอีกละวะ ถ้าไม่ใช้รู้เห็นเป็นใจและสนับสนุนให้คุณหญิงท่านทรงทำผิดจารีตเช่นนี้ ราชนิกุลทุกพระองค์มีกฎระเบียบจากทางราชสำนักวางเอาไว้ทั้งสิ้นและมีบทลงโทษสถานหนักเลยทีเดียว”นมตลับอธิบาย
“พวกเอ็งสองคนจะพากันซุบซิบต่อหน้ากูอีกนานไหม! สิ่งที่สั่งให้จัดหาเตรียมการเอาไว้เหตุใดจึงไม่รีบไสหัวไป จะต้องให้ย้ำอีกสักกี่ครา!”คุณหญิงบัวตวาดกลับเสียงเกรี้ยวกราดยิ่งนัก
นมตลับและนางแย้มต่างพากันสะดุ้งโหยงกันอย่างถ้วนหน้า
“บ่าวเกรงว่ายาขับเลือดที่คุณหญิงต้องการจะเป็นผลร้ายต่อสุขภาพมิลองหาวิธีอื่นดีกว่านะเจ้าคะ”นมตลับพยายามเกลี่ยนกล่อม
ปัง! ฝ่ามือของคุณหญิงบัวตบลงโต๊ะที่สำหรับใช้วางเชียนหมากเสียงดังสนั่น
“แล้วมึงคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ให้กูได้อย่างนั้นเหรอ! หรือจะคิดให้หลีกเร้นซ่อนกายหลบหนีเสด็จในกรมฯ เช่นนี้แล้วมิต้องหลบหนีไปอีกนานสักเพียงใด มึงจะคาดการณ์ถูกหรือไม่ ถึงอย่างไรเสียเมื่อกูได้เข้ามาพำนักอยู่ในวังจันทรานี้แล้วไซร้ ไม่มีวันที่กูจะออกจากวังนี้! วังจันทรานี้เป็นของกู!!!”คุณหญิงบัวแผดเสียงดังก้องประหนึ่งเสียสติ
“ตะ..แต่ว่าวังนี้เป็นเรือนหอของท่านชายบดินทร์ธรและท่านหญิงมณีไม่ใช่เหรอนม เหตุใดเล่าคุณหญิงจึงกล่าวว่าวังจันทราเป็นของท่านด้วยเล่า”นางแย้มบ่าวปากไวอดไม่ได้ที่จะถามนมตลับกลับไปด้วยความสงสัยครั้นได้ยินเช่นนั้น
ทว่าเสียงกระซิบก็ดังเข้าหูคุณหญิงบัว ใบหน้าคมสวยหันกลับมาจ้องเขม็งบ่าวรับใช้ข้างกาย
“อีปากจัญไร!”คุณหญิงบัวตวาดใส่หน้าพร้อมยกเท้าขึ้นถีบตรงปากนางแย้มทันที
วะ...ว้ายยย!!! นางแย้มร้องเสียงหลงด้วยถูกถีบปากจนหงายหลังม้วนลงไปกับพื้นกระดานเรือน ติดตามด้วยร่างของคุณหญิงบัวลุกขึ้นจากตั่งอย่างรวดเร็วยกมือชี้หน้านางแย้มด้วยความโกรธอย่างยิ่งยวด
“ขืนมึงพูดอีกคำเดียวว่ากูไม่ใช่เจ้าของวังนี้! กูจะสั่งลงหวายตีให้มึงตายอีแย้ม! เหตุใดกูจะไม่ใช่เจ้าของวังจันทรา! เหตุใดกูจึงจะไม่ใช่ในเมื่อกูเป็นเมียของท่านชาย!!!!”คุณหญิงบัวตวาดเกรี้ยวกราด
ในขณะที่นางแย้มรีบลุกขึ้นมานั่งพับเพียบยกมือขึ้นไหว้กราบแล้วกราบอีก ก่อนจะรีบคลานเข่าเข้าไปหาพร้อมเอื้อมมือจับข้อเท้าก่อนจะก้มลงกราบแทบเท้าของผู้เป็นนาย
“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ! คุณหญิงท่านยกโทษให้ด้วยเถิด เป็นเพราะบ่าวมันโง่! จึงมิรู้เรื่องอะไรเลย บ่าวสัญญาว่าต่อไปจะไม่มีเล็ดรอดออกจากปากสักเพียงคำก็หามีไม่เจ้าค่ะ”
พรืดดด!!! เท้าเรียวเล็กสะบัดออกจากมือหยาบของนางแย้ม
“ไสหัวของมึงออกไป! กูไม่อยากเห็นหน้า! ต่อไปหากไม่เรียกขึ้นมารับใช้บนเรือนอย่าเสนอหน้ามาให้กูเห็นเป็นอันขาด..ออกไป!!!”
“เจ้าค่ะ..เจ้าค่ะ! บ่าวจะเอาหน้าหนีไปให้ไกลห่างจากคุณหญิงท่านบัดเดี๋ยวนี้”นางแย้มพูดพร้อมก้มลงกราบ ก่อนจะรีบคลานเข่าถอยหลังออกไปจากเรือนนอนอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของคุณหญิงบัวที่มองตามอย่างขุ่นเคือง
ทันทีที่นางแย้มพ้นไปจากเรือนนอน เสียงของคุณหญิงบัวดังแทรกขึ้นมาทันใด
“ไปบอกให้อีนวลปรุงยาขับเลือดตามที่สั่ง กูต้องการที่จะกินวันนี้! แล้วให้มันขึ้นมาบนเรือนคอยรับใช้แทนอีแย้ม..อีกอย่างมึงไม่ต้องมาสาระแนออกความคิดเห็นเป็นห่วงเป็นใยกูอีกเพราะพวกมึง! ไม่มีผู้ใดช่วยกูได้ นอกจากตัวกูเองเท่านั้น”คุณหญิงบัวปรามบ่าวที่อยู่ในฐานะแม่นมให้ล่วงรู้ว่าไม่ควรมายุ่งเรื่องของเจ้านาย
“เจ้าค่ะ! บ่าวมิกล้าแล้วจะรีบไปสั่งนางนวลปรุงยาขับเลือดตามที่คุณหญิงท่านต้องการให้เร็วที่สุด”นมตลับพูดพร้อมรีบคลานเข่าถอยหลังออกไปจากเรือนนอนดังกล่าวอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่อยู่เพียงลำพัง คุณหญิงบัวทรุดกายลงนั่งบนตั่งตามเดิม พลางเอื้อมมือหยิบจดหมายที่ส่งมาจากพระนครที่ทำร่วงหล่นลงไปบนตั่งเมื่อครู่ที่ผ่านมา ใจความของจดหมายบางส่วนยิ่งทำให้ หัวใจเจ็บร้าวระทมลึกมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม
ด้วยเพราะเสด็จในกรมฯ มาเพื่อทำตามรับสั่งสุดท้ายของท่านชายบดินทร์ธร นำอัฐิของพระองค์และท่านหญิงมณีพระคู่หมั้นนำมาไว้ที่วังจันทราเพื่อเคียงคู่อยู่ด้วยกันภายในเรือนหอแห่งนี้ตลอดไป
แกรบบบบ!!!! จดหมายถูกขยำขยี้อยู่ภายในมือด้วยความเจ็บแค้นอย่างที่สุด
“อีมณี! มึงตายไปยังเอาท่านชายของกูไปอีก ลงแรงฆ่ามึงจนกลายเป็นผีเฝ้าก้นแม่น้ำเจ้าพระยาไปเพื่ออะไร! แทนที่ท่านชายจะอภิเษกกูกลับตรอมใจตายตามมึงไปด้วย ทิ้งให้กูกับลูกเผชิญชะตากรรมกับผู้คนทั่วทั้งพระนคร!”เสียงเกรี้ยวกราดเต็มไปด้วยความแค้น
แควก! แควก! แควก! จดหมายในกำมือถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยพร้อมเสียงก่นด่าดังเอ็ดอึง
“กูเกลียดมึงอีมณี! กูเกลียดมึง! ถึงมึงตายเป็นผีเถ้ากระดูกของมึงอย่าหวังว่าจะได้เข้ามาอยู่ในวังจันทรา ตราบใดที่กูยังอยู่ที่นี่ไม่มีวันที่กูจะยอมให้อีมณีได้เข้ามาแม้ว่ามันจะเหลือเพียงเถ้าธุลี!!!”คุณหญิงบัวก่นด่าสหายรักที่ลงมือฆ่าด้วยตัวเองอย่างเลือดเย็น ดวงตาเต็มไปด้วยไฟแค้นมิเลือนหายไปจากสายตา
ยามหนึ่ง
ถ้วยเคลือบสีขาวส่งกลิ่นยาพวยพุ่งออกมาพร้อมไอร้อนเป็นควันขาวจางๆ อยู่บนถาดทองเหลือง โดยมีนางนวลบ่าวรับใช้ที่ติดตามมาจากวังเทพรัตน์ ซึ่งคุณหญิงบัวนำติดสอยห้อยตามมาด้วย
นางนวลเชี่ยวชาญในการปรุงยาสมุนไพรเพราะได้รับความรู้จากคนเป็นพ่อซึ่งเป็นหมอยาในหมู่บ้าน จนมีชื่อเสียงโจษขานกันไปทั่ว ก่อนจะถูกขายเพราะคนเป็นพ่อตีไก่จนหมดตัว ต้องขายนางนวลไปใช้หนี้พนัน
นางนวลจึงต้องกลายมาเป็นทาสอยู่ในวังเทพรัตน์ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โชคดีที่มีความรู้ทางหมอยาจึงอยู่ในระดับพิเศษเหนือกว่าทาสคนอี่นๆ แต่ถึงอย่างไรก็ดีก็ยังเป็นทาสอยู่ร่ำไป
“ยาที่คุณหญิงท่านต้องการบ่าวปรุงมาให้แล้วเจ้าค่ะ”นางนวลกล่าวพร้อมวางถ้วยยาลงบนโต๊ะ
ดวงตาสีดำสนิทเหลือบมองถ้วยยาดังกล่าวเพียงครู่พร้อมเอ่ยขึ้น
“กินยาถ้วยนี้เข้าไปแล้วใช้เวลาเท่าไรเด็กที่อยู่ในท้องจึงจะถูกขับออกมา”คุณหญิงบัวถามกลับไป
“ตอนนี้อายุครรภ์เข้าเดือนที่ 6 แล้ว คุณหญิงท่านต้องดื่มยาติดต่อกัน 3 ถ้วยเจ้าค่ะ วันนี้เริ่มถ้วยแรก พรุ่งนี้รุ่งสางก่อนพระอาทิตย์ขึ้นดื่มถ้วยที่สอง และถ้วยที่สามหลังจากพระอาทิตย์ตก ครบสามถ้วยแล้วไม่เกินย่ำรุ่งของวันถัดไปยาก็จะขับเด็กในท้องออกมาเจ้าค่ะ”นางนวลอธิบายกลับไปอย่างละเอียด
“ดี! ให้มันออกไปให้พ้นจากท้องของข้าได้เร็วเท่าไรยิ่งดี เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บเอาไว้อีกต่อไป”คุณหญิงบัวกล่าวพร้อมหันกลับไปคว้าถ้วยยาขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดเพียงชั่วอึดใจเท่านั้น
ตุบ! ถ้วยยาถูกวางลงบนโต๊ะดั่งเดิมพลางดึงผ้าเช็ดน้ำหมากขึ้นซับมุมปากที่ไหลเอ่อออกมา ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าหมอยาตรงหน้า
“เอ็งต้องกำจัดเด็กในท้องของข้าออกไปให้ได้โดยเร็ววันเข้าใจหรือไม่นางนวล หลังจากนั้นปรุงยาทำให้ข้าฟื้นตัวจากการทำแท้งในครั้งนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนที่เสด็จในกรมฯ จะมาถึงที่นี่เข้าใจหรือไม่”คุณหญิงบัวกล่าวกำชับ
“บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”นางนวลก้มหน้ารับคำเสียงเบา ภายในใจนั้นกำลังกังวลกับผลที่จะตามมา
ด้วยเพราะอายุครรภ์ที่มากถึง 6 เดือน การทำแท้งในช่วงนี้อันตรายยิ่งนัก ไม่เพียงแต่ชีวิตของเด็กที่จะต้องตายตั้งแต่อยู่ในท้องเพราะฤทธิ์ยาแต่ชีวิตของคนเป็นแม่อาจจะไม่รอดเช่นเดียวกัน
หากแม้นดวงแข็งคนเป็นแม่ก็สามารถรอดชีวิตแต่ในขณะเดียวกัน ยังไม่เคยมีใครรอดจากการทำแท้งในขณะที่มีอายุครรภ์เฉกเช่นนี้เลยสักเพียงคน! หามีผู้ใดล่วงรู้ชะตาของราชนิกุลจากวังเทพรัตน์ผู้นี้นับต่อไปเบื้องหน้าว่าจะคงอยู่หรือดับดิ้นชีวาวายลง ณ.วังจันทราแห่งนี้!!!”