หนึ่งเดือนต่อมา
“ช่วงนี้นายท่านค้างที่ห้องคุณอีบ่อยมากเลยนะ ฉันนึกว่าทั้งคู่จะไม่ลงรอยกันเสียอีก”
“นั่นสิ ช่วงนี้ถึงขั้นสั่งห้องครัวให้ทำอาหารประเภทเนื้อด้วย เพราะคุณอีชอบกินเนื้อ”
“ฤดูหนาวแบบนี้เนื้อสัตว์หาง่ายที่ไหนกัน”
“ฉันแอบเห็นว่าบางครั้งนายท่านก็ออกไปล่าสัตว์เองด้วย”
“หรือนายท่านจะชอบคุณอีเข้าจริงๆ”
“ที่จริงคุณอีก็ดีกับพวกเรามากไม่ใช่หรือ ตั้งแต่เข้ามาทำงานส่วนของนายหญิง ทั้งเงินเดือนและสวัสดิการก็เพิ่มขึ้น”
“พวกเธอคิดผิดแล้ว ผู้หญิงคนนั้นกำลังตีสองหน้า หล่อนไม่ได้ดีอย่างที่พวกเธอคิด!”
เสียงของหญิงรับใช้สนทนากันเจื้อยแจ้วระหว่างทำความสะอาดระเบียงหน้าต่าง แต่พวกหล่อนคงไม่คิดว่าเสียงเหล่านั้นจะลอยมาเข้าหูฉันที่นั่งทำงานอยู่ห้องข้างๆ ทำเอาพ่อบ้านเจียวที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานถึงกับกระอักกระอ่วนจนหน้าแดง
ส่วนคนที่ยังต่อต้านฉันอยู่ ก็เห็นจะมีอยู่บ้าง ซึ่งฉันก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ ถ้าหากฉันไล่หล่อนออก ก็คงจะถูกตราหน้าว่าเป็นนายหญิงใจแคบ อีกอย่าง ยิ่งหล่อนแสดงความเกลียดชังต่อฉันมากเท่าไหร่ หญิงรับใช้คนอื่นก็จะยิ่งเห็นใจฉันมากขึ้นเท่านั้น บางทีหล่อนอาจจะต้องการตำแหน่งของฉัน หากวันหนึ่งหล่อนนึกครึ้มอยากปีนเตียงหงเฉินขึ้นมา ฉันก็จะได้ใช้ข้ออ้างนี้ในการหย่าก่อนกำหนดเสียเลย
ไม่ว่าจะทางใดก็มีแต่ข้อดี ทำไมฉันต้องตัดช่องทางของตัวเองด้วยเล่า
และดูเหมือนว่าการที่หงเฉินมาค้าง (หารือ) ที่ห้องของฉันบ่อยๆ จะทำให้ชื่อเสียงของฉันเป็นไปในทางที่ดีขึ้นมากทีเดียว แน่นอนว่าฉันต้องการให้ข่าวลือกระจายออกไปถึงบ้านอื่นที่ทำธุรกิจร่วมกับบ้านสกุลหงด้วย ก่อนที่ฉันจะไปเยือนงานเลี้ยงน้ำชาบ้านสกุลซางเป็นที่แรก
“อะแฮ่ม...กระผมจะรีบไปตักเตือนหญิงรับใช้ครับ”
ฉันยกมือห้ามพลางอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ไม่เป็นไร อย่างน้อยพวกหล่อนก็ไม่ได้ก่นด่าฉันเหมือนเมื่อก่อน” ฉันตอบ จากนั้นก็ตั้งใจอ่านเอกสารจัดซื้อสิ่งของต่อไป โดยมีพ่อบ้านเจียวคอยให้คำปรึกษาอยู่ห่างๆ
ตอนนี้หงเฉินคงกำลังวุ่นอยู่กับการจัดการที่ดินในเขตเหลียวอันอย่างลับๆ หลังชนะการประมูลมาอย่างเฉียดฉิว
คงเพราะว่าเขาเป็นพระเอก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูง่ายไปหมด เพียงแค่สามวันหลังสืบหาความจริงแล้ว เขาก็มาหาฉันถึงห้องพร้อมเรียกฉันว่าคุณภรรยา ทำเอาฉันขนลุกเพราะตั้งตัวไม่ทัน แต่หงเฉินดูจะเชื่อใจฉันมากขึ้น หลังจากที่เขามาปรึกษากับฉันถึงเรื่องราคายื่นประมูล
‘โดยปกติแล้วคนอื่นจะยื่นราคาประมูลเกินนิดหน่อย ส่วนม่านซั่วจะยื่นราคาสูงกว่าปกติสองในสิบส่วนเท่านั้นค่ะ’
‘แล้วเธอแน่ใจขนาดไหน’
‘ฉันแน่ใจในความโลภของม่านซั่วค่ะ ตาแก่นั่นย่อมต้องทำให้ตัวเองได้กำไรสูงสุดอยู่แล้ว ไม่แน่ว่านับจากนี้ม่านซั่วอาจจะเริ่มกำจัดคู่แข่งก็เป็นได้’
ตอนนั้นฉันชี้นำหงเฉินให้รู้ตัวว่าทำไมม่านซั่วถึงชนะการประมูลด้วยราคาไม่สูงนัก แต่ฉันก็ไม่คิดว่าหงเฉินจะบังเอิญช่วยเหลือเหยื่อคนหนึ่งของม่านซั่วเข้า และผู้อาวุโสคนนั้นก็ได้ตอบแทนหงเฉินด้วยการร่วมลงทุนในการประมูลครั้งนี้
ระหว่างนั้นฉันต้องการผลลัพธ์แน่นอน จึงส่งเบาะแสลวงถึงม่านซั่วว่าจะมีนักลงทุนคนหนึ่งประมูลเขตที่ดินในราคาเท่านี้ จากนั้นก็ได้แต่หวังว่าม่านซั่วจะหลงกล
ทว่าโชคของพระเอกนั้นช่างอัศจรรย์เหลือเกิน หงเฉินประมูลที่ดินในเขตเหลียวอันมาในราคาที่มากกว่าม่านซั่วแค่ 300 หยวนเท่านั้น ทำเอาม่านซั่วถึงกับเจ็บใจจนล้มป่วยเพราะความดันขึ้น แน่นอนว่าม่านซั่วไม่มีทางรู้ว่าหงเฉินเป็นผู้ร่วมลงทุนกับผู้อาวุโสสวีเค่อหลุน
หลังจากนั้นหงเฉินก็เดินทางไปทำงานที่ม่านฉ่ายกรุปเป็นระยะเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต และเขาก็มักจะกลับมาทานมื้อค่ำกับฉันเพื่อสร้างความสามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว
และผลงานแรกที่ฉันมอบให้หงเฉิน ดูเหมือนว่าเขาจะพอใจเป็นอย่างมาก เพราะเงินเดือนแรกที่ฉันได้รับนั้น ทำเอาลูกตาแทบถลน
6,000 หยวนอย่างนั้นหรือ นี่มันค่าครองชีพของชาวบ้านธรรมดาถึงสามเดือนเชียวนะ! ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะให้เงินเดือนฉันมากขนาดนี้ ตอนแรกฉันนึกว่าเขาเขียนจำนวนตัวเลขผิดไปถึงได้สอบถามพ่อบ้านเจียวอยู่หลายครั้ง แต่พ่อบ้านเจียวก็ยืนยันว่าเป็นจำนวนเงินที่ถูกต้องแล้ว
สกุลหงถูกม่านซั่วริบทรัพย์สินไปจนหมดแล้วไม่ใช่หรือ ที่ผ่านมาค่าใช้จ่ายภายในก็แทบจะไม่เหลือเก็บ หรือว่าแท้จริงแล้วเขายังมีแหล่งเงินทุนอื่นที่ฉันไม่รู้ ไม่น่า...ฉันอ่านมาหมดแล้ว ไม่น่าจะมีส่วนไหนเล็ดลอดสายตาไปได้นี่นา ไม่สิ...บางทีคุณสามีอาจจะกำลังตบตาม่านซั่วอยู่ก็เป็นได้ ที่เขายังทำงานอยู่ในบริษัทม่านฉาย ก็เพราะต้องการสืบหาหลักฐานในการยักยอกเงินของม่านซั่ว เพื่อเอาไว้ใช้มัดตัวตาแก่นั่นแล้วส่งขึ้นศาลอย่างไร้ความปรานี
ฉันสงสัยว่าเบื้องหลังของหงเฉินนั้นมีอะไรบ้าง แต่ฉันก็ไม่ใช่พวกยุ่งเรื่องของชาวบ้านไปทั่ว ในเมื่อเขาให้เงินเดือนมา ฉันก็จะขอรับเอาไว้ด้วยความเต็มใจ แต่ระหว่างที่กำลังทำบัญชีรายรับรายจ่ายของตัวเอง พ่อบ้านเจียวก็ทำให้ฉันประหลาดใจอีกครั้งเมื่อเขาตั๋วเงินสดอีก 6,000 หยวนมาให้ แล้วบอกว่าเงินนี้เป็นค่าใช้จ่ายภายในที่ฉันต้องดูแล หากจัดสรรแล้วเหลือส่วนต่าง ก็ให้ฉันเก็บเอาไว้เป็นเงินใช้จ่ายส่วนตัว
ฉันนั่งมองตัวเลขในสมุดบัญชีด้วยความสับสน อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกเปย์ยังไงยังงั้น นี่คุณสามีกำลังหว่านเงินเพื่อซื้อความภักดีจากฉันอย่างนั้นเหรอ เจ้าเล่ห์ชะมัด เพราะเงินที่เขาให้ดันมากพอที่จะซื้อใจฉันได้นี่สิ กลิ่นเงินมันหอมหวานจนฉันอยากจะทำงานถวายหัวให้เขาเลยด้วยซ้ำ
“เฮ้อ...พ่อบ้านเจียว”
“ครับคุณอี”
ฉันเหลือบมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเบื่อหน่าย ตอบกลับด้วยน้ำเสียงยานคาง
“เจ้านายของคุณ...ช่างเป็นมิตรที่ดีจริงๆ”
มิจฉาชีพน่ะสิ
เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยเป็นสัญญาณว่าหงเฉินกลับมาถึงบ้านสกุลหงแล้ว ก็เหมือนกับเป็นเวลาเลิกงานของฉันด้วยเหมือนกัน เมื่อกลับถึงห้อง หญิงรับใช้ทั้งสามก็เข้ามาปรนนิบัติทันทีโดยไม่ต้องออกคำสั่ง ฮั่วฮั่วช่วยฉันอาบน้ำแต่งตัว ลู่เซียวดูแลเรื่องความอบอุ่นในห้อง ส่วนจางหลิงก็เตรียมสำรับอาหารมื้อค่ำ หากวันใดที่หงเฉินจะมาค้างที่ห้องของฉัน จานอาหารก็จะเพิ่มขึ้นมาอีกสองอย่างตามคำสั่งของพ่อบ้านเจียว
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ระหว่างรอหงเฉินมาทานข้าวด้วยกัน ฉันก็มานั่งอ่านหนังสือปรัชญาหน้าเตาผิง แต่รอแล้วรอเล่าเขาก็ไม่มาสักที ด้วยความที่นั่งทำงานมาทั้งวันจนเกือบจะเป็นออฟฟิศซินโดรม ฉันเลยอยากจะพักสายตาสักหน่อย เลยเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วหลับตาลง คิดว่าหากหงเฉินมาถึงก็คงจะเคาะประตูเรียกเองนั่นแหละ
เพราะคิดแบบนั้นก็เลยลืมตัว ประกอบกับความอบอุ่นจากไฟในเตาผิง เลยทำให้หนังตาหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงท้องจะร้องด้วยความหิว แต่ก็ยากจะต้านทานคลื่นความอ่อนเพลียที่จู่โจมเข้ามาได้ไหว
อ่า...ขอพักสายตาสักหน่อยก็แล้วกัน ฉันทนไม่ไหวแล้ว
[หงเฉิน]
หงเฉินที่ยืนเคาะประตูอยู่นานแต่ไม่ได้รับการตอบรับก็มองบานประตูสีเข้มด้วยความสงสัย พลางคิดว่าภรรยาอาจจะกำลังไม่พอใจหรืออย่างไรที่เขามาหาหล่อนช้า แต่วันนี้มีปัญหาเร่งด่วนที่ต้องจัดการ แต่เขาก็รีบมาให้เร็วที่สุดแล้ว
“ม่านอี...คุณภรรยา” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกครั้งแต่ก็ไร้สัญญาณตอบกลับ
แม้แต่เจียวจ้าวซานก็ยังลำบากใจเมื่อเห็นสีหน้าของเจ้านายเริ่มไม่สบอารมณ์
“บางทีคุณอีอาจจะไม่ได้ยินก็ได้ครับ กระผมจะเรียกให้นะครับ”
หงเฉินหันขวับ มองคนสนิทอย่างไม่พอใจ ไม่พอใจตั้งแต่ที่อีกฝ่ายเรียกม่านอีว่าคุณอีอย่างสนิทสนมนั่นแล้ว
“ไม่ต้อง ฉันจะเข้าไปเอง” ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปแม้จะรู้ว่าเป็นการเสียมารยาท แต่ภาพแรกที่เห็นกลับทำให้ความขุ่นมัวในใจจางหายไปทันที
ภาพของหญิงสาวตัวเล็กกำลังนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ไม้โดยที่ยังกอดหนังสือปรัชญาเอาไว้ แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นใบหน้ายามหลับของหญิงสาว หลังจากนอนร่วมเตียงกันมาเป็นเดือน แต่เขาก็ยังเอ็นดูใบหน้าที่ดูไร้พิษสงนั่นอยู่ดี
ร่างสูงกำยำเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะช้อนร่างอรชรเข้าสู่อ้อมแขนแล้วนำไปวางไว้บนเตียงเพื่อให้หล่อนสบายตัวขึ้น
เขาได้ยินจากเจียวจ้าวซานว่าหล่อนทำงานของนายหญิงอย่างหนักทุกวัน ทำให้เขาสงสัยว่าทำไมหล่อนต้องทุ่มเทเพื่อเขาขนาดนี้
หงเฉินชะงักก่อนแสยะยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นมา ความรู้สึกที่กำลังงอกเงยหลังถูกหิมะปกคลุมมานานหลายสิบปี
หล่อนไม่ได้ทำเพื่อเขา แต่เพราะมีเป้าหมายเดียวกับเขาต่างหาก หลังจากบรรลุเป้าหมายแล้ว หล่อนก็คงจะไปจากเขาตามความต้องการของตัวเอง ด้วยเหตุผลนี้เขาจึงมอบเงินเดือนที่มากพอจะทำให้หล่อนตั้งตัวได้เมื่อต้องใช้ชีวิตเพียงลำพัง
ความเกลียดชังที่เคยมีมาก่อนก็ช่างน่าฉงนนัก เขาเกลียดชังหล่อนถึงขนาดนั้น แต่ความรู้สึกกลับเปลี่ยนไปภายในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน หล่อนกลายเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างคาดไม่ถึง เป็นคู่คิดที่เทียบเคียงได้เท่ากับเจียวจ้าวซาน แต่ก็เป็นคนที่เขามิอาจรั้งเอาไว้ได้เช่นกัน เพราะเขาได้ให้สัญญากับหล่อนแล้ว ว่าถึงเวลานั้น เขากับหล่อนจะแยกย้ายไปใช้ชีวิตของตัวเอง