EP.05 ชายหนุ่มปริศนา

1269 Words
EP.05 เสียงเรียกตอบโต้กันเป็นภาษาพื้นเมืองที่ใช้กัน ดวงตาคู่สวยเบิกโตเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่บนหลังของบิดาเป็นคน คนหนึ่งที่ทั่วร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยเลือด ขณะที่ผู้เป็นบิดาค่อยๆ วางร่างของเขาคนนั้นลงบนแคร่ไม้หน้าบ้าน ก่อนจะขยับไปนั่งหอบอยู่ข้างๆ “ไม่รู้” เสียงตอบปนหอบ หญิงสาวจึงยื่นขันน้ำให้กับผู้เป็นบิดาดื่ม หลังดื่มน้ำและหายเหนื่อยถึงได้ยินเสียงเอ่ยบอกจากบิดาอีกครั้ง “ถึงจะเป็นใคร มาจากไหน เราก็ต้องช่วย รอยจันทร์ เอ็งไปเอายามา เดี๋ยวข้าจะดูอาการของไอ้หนุ่มคนนี้ก่อน” รอยจันทร์มองไปยังร่างที่ได้รับบาดเจ็บตรงหน้านิดหนึ่ง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าบ้านและกลับมาอีกครั้งพร้อมกับห่อยาของบิดา “พ่อ เดี๋ยวฉันไปเอาผ้ามาเช็ดเลือดให้นะจ๊ะ” ร่างของกรวิชญ์นอนนิ่งอยู่บนแคร่หน้าบ้านของลุงลาน บัดนี้สภาพร่างกายของชายหนุ่มบอบช้ำมากพอดู แต่ก็ยังดีที่เขาได้รับการรักษาทัน ไม่อย่างนั้นก็คงจะตายไปแล้ว นับว่ายังโชคดีที่อาการของเขาไม่ถึงกับสาหัสมาก จะมีบาดแผลใหญ่ที่ศีรษะจากการถูกกระแทกตอนตกลงมาจากที่สูง และแขนข้างซ้ายที่ซ้นจนกระดูกน่าจะร้าว ต้องดามกันอีกนาน นอกนั้นก็เป็นแค่บาดแผลที่ถลอกอันเกิดจากการเกี่ยวรั้งของกิ่งไม้ตอนตกลงมา ส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาไม่เป็นอะไรมากเห็นจะเป็นชุดเสื้อคลุมกันหนาวผืนหนา ที่ชายหนุ่มคิดยังไงไม่รู้ใส่ซ้อนกันตั้งสองผืน ในเวลานี้ ชุดหนาผู้ช่วยชีวิตของเขานั้นถูกถอดออกจนหมด จะเหลือเพียงชุดที่สวมซ้อนอยู่ข้างในเท่านั้น โดยข้างๆ มีรอยจันทร์ หญิงสาวชาวบ้านป่ากำลังเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตามแขนขา ดูแลอย่างใกล้ชิด “เป็นยังไงบ้าง รอยจันทร์” นายลานเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ กับบุตรสาวที่กำลังวางแขนของเขา ลงอย่างแผ่วเบา “ก็สาหัสอยู่จ๊ะพ่อ” เด็กสาววิจารณ์ตามสภาพที่เห็น “แล้วพ่อจะทำยังไงต่อไปล่ะจ๊ะ” ประโยคท้าย อดที่จะถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้ ขณะผู้เป็นบิดาได้แต่นิ่งเงียบอยู่กับความคิด ก่อนจะเอ่ยออกมาในที่สุด “ก็คงจะต้องรอให้มันฟื้นก่อนล่ะ แล้วค่อยสืบถามว่ามันเป็นคนที่ไหน แต่...” ชายกลางคนหยุดคำพูดนั้นลงด้วยความหนักใจ “แต่อะไรจ๊ะพ่อ” “ข้ากลัวว่ามันจะความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้นะสิ เมื่อถึงเวลานั้นเราก็คงจะต้องลำบากกันล่ะ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยออกมาในที่สุด ดวงตาคู่สวยถูกเลื่อนไปมองที่ใบหน้าเกลี้ยงมนตรงหน้า พลันหัวใจสาวก็เต้นรัว รอยจันทร์กระพริบแพรขนตาด้วยความไม่เข้าใจก่อนจะหันมาทางบิดาอีกครั้ง “จันทร์ว่า เราน่าจะแจ้งตำรวจหรือว่าป่าไม้นะจ๊ะพ่อ” “ยังหรอก” นายลานพูดด้วยน้ำเสียงที่เลื่อนลอย “คงจะต้องรอให้มันฟื้นก่อนนะล่ะ แล้วค่อยถามถึงการตัดสินใจของมันว่าควรจะทำยังไง” หญิงสาวมองบิดาด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมพ่อถึงคิดเช่นนั้น ทำไมพ่อถึงได้รอให้เขาฟื้นขึ้นมาก่อน น่าจะแจ้งตำรวจให้มาช่วยเหลือเขาเสียให้สิ้นเรื่อง “คนมันป่วยเอ็งก็เห็นนี่นังรอยจันทร์ รักษาให้มันหายหรือว่าฟื้นขึ้นมาก่อนเถอะ แล้วค่อยมาพูดถึงเรื่องนี้กันทีหลัง” เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวหันมามองเขา น่าแปลก ทุกครั้งที่ได้มองหน้าของชายหนุ่มอย่างชัดเจน ทำไมเธอถึงได้รู้สึกแปลกๆ อย่างนี้ไปได้ เธอลุกขึ้นก่อนจะรีบเดินเลี่ยงออกไปจากที่นั่น กลัวว่าตนจะแสดงพิรุธเหล่านั้นให้กับบิดาได้เห็น กรอบหน้าขาวเนียนแดงระเรื่อ เช่นเดียวกับดวงตาคู่สวยที่ทอดมองสายน้ำที่ไหลเอื่อย เธอเฝ้าแต่ถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจ ไยตนถึงได้รู้สึกแปลกทุกครั้งที่มองหน้าของเขา อาการแบบนี้เธอก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่ที่เธอสามารถบอกกับหัวใจของตัวเองได้ ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา เธอมักจะรู้สึกอ่อนไหว และหัวใจเต้นแรงทุกครั้ง รอยยิ้มปรากฏขึ้นในหน้า เด็กสาวหัวเราะกับความคิดของตนที่ดันคิดแบบวิกลจริตไปได้ บ้าน่า รอยจันทร์ เพียงผู้ชายคนเดียวที่เธอไม่รู้จักแม้กระทั่งที่มาที่ไปของเขา จะทำให้เธอคิดไปเรื่อยเปื่อยแบบนี้ได้เชียวหรือ รถขับเคลื่อนสี่ล้อค่อยๆ ถูกรถเครนยกขึ้นมาจากยอดไม้ใต้หุบผาลึกอย่างเชื่องช้า เรื่องนี้กว่าจะทราบไปถึงตำรวจก็เกือบเที่ยง เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงและทางตำรวจจึงเร่งประสานงานกันทำงานเป็นทีมมาตรวจสถานที่เกิดเหตุ ก่อนจะสืบหาข้อมูลจากทะเบียนรถและติดตามหาเจ้าของที่แท้จริง บอกข่าวให้ทราบถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และกว่าที่ทุกอย่างจะเรียบร้อย ก็เลยเวลามาเกือบห้าโมงเย็นแล้ว มะลิและเบลสองสาวต่างเพศเมื่อทราบข่าว เธอทั้งสองจึงรีบรุดขึ้นเครื่องบินมาด้วยหัวใจที่ร้อนรนเป็นห่วงกรวิชญ์ ลำพังแค่รถเธอยังไม่ห่วงเท่ากับน้องชายที่ตนชักจูงเข้าสู่วงการบันเทิงเลย ทั้งสองสาวต่างเพศมาถึงสถานที่เกิดเหตุตอนที่ทุกอย่างเรียบร้อยจนหมดแล้ว เหลือแต่ซากรถที่กำลังจะถูกลำเลียงไปที่สถานีตำรวจ เห็นแต่รถ ทางตำรวจว่าคนขับน่าจะตกลงไปใต้หุบผา พวกเธอก็ยิ่งใจหาย “คุณตำรวจคะ คุณตำรวจจะต้องช่วยตามหาน้องชายของพวกเราให้พบนะคะ” มะลิโผเข้าไปหานายตำรวจคนหนึ่งที่กำลังยืนสั่งการกับลูกน้องอย่างใกล้ชิด “ครับ” ร้อยตำรวจโทภัทรเดชหันมาทางหญิงสาวด้วยรอยยิ้มของความเอื้ออาทรแกมเห็นใจ ก่อนจะเอ่ยปลอบและให้กำลังใจ “คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ยังไงทางเราจะช่วยเร่งรีบสืบเสาะหาตัวเขาให้พบโดยเร็ว ตอนนี้ผมได้สั่งการให้ลูกน้องบางส่วนออกเดินเท้าตามหาเขาจากหุบผาด้านล่างแล้ว เชื่อว่าไม่เกินวันพรุ่งนี้เราก็คงจะทราบข่าวเรื่องน้องชายของคุณแล้วล่ะครับ” มะลิพยักหน้าเห็นพ้อง ถึงความหวังนั้นจะเลือนราง แต่เธอก็ยังหวัง จนกว่าจะพบเขา เธอค่อยตัดสินใจว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป ส่วนกระเทยสาวเบลได้แต่ยืนเป็นหลักชัยให้กับเพื่อนสาว ถึงจะรู้สึกอ่อนแอและเสียใจเพียงใด แต่เธอก็ยังหวังอยู่ลึกๆ ว่ากรวิชญ์จะต้องกลับมา...อย่างแน่นอน “เดี๋ยวผมขอเชิญคุณทั้งสองคนไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจด้วยนะครับ ผมร้อยตำรวจโท ภัทรเดช ดูแลคดีนี้อยู่ คุณสองคนวางใจได้เถอะครับ ยังไงผมจะติดตามดูแลคดีนี้ให้อย่างใกล้ชิดแน่นอน” นายตำรวจหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงใจและจริงจังก่อนจะเดินนำทั้งสองสาวไปที่รถเพื่อจะพาพวกเธอไปที่สถานีตำรวจของอำเภอภูซาง ซึ่งพื้นที่เกิดเหตุเป็นอาณาเขตของอำเภอนี้พอดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD