ปานฤทัยเงยหน้ามองคนที่เอาดาบชี้หน้าตนด้วยความหวาดกลัว สายตาของเขาดุดันแข็งกร้าว หญิงสาวคำนวณอายุของเขาไม่ถูกแต่คิดว่าน่าจะราวยี่สิบกว่า ๆ หน้าตาจัดว่าดูดีใช้ได้ เสียดายไม่น่าสติไม่ดี
ทำไมเธอดวงซวยขนาดนี้ อยู่ดีไม่ว่าดีก็ถูกคนบ้าวิ่งไล่ หนำซ้ำยังสะดุดรากไม้หกล้มหน้าทิ่มพื้นจนเท้าแพลงอีก!
"เอ็งเป็นผู้ใด มาจากที่ใด" เสียงห้าวถามขึ้นทำเอาหญิงสาวสะดุ้งโหยง
"ฉันชื่อมาย มาจากเชียงใหม่ ว่าแต่...ที่นี่ที่ไหนหรือ"
เธอพยายามยิ้มหวานเพื่อผูกมิตรกับคนตรงหน้า เพราะเคยได้ยินมาว่าหากเจอคนสติไม่สมประกอบต้องชวนคุย และพยายามทำตัวเป็นพวกเดียวกับเขา อย่าไปขัดใจเด็ดขาด
"ที่นี่คือเชียงสานคร" เขาพูดจบก็มองหน้าเธอแปลก ๆ แต่สุดท้ายก็ยอมเก็บดาบเข้าฝักไป จนเธอได้แต่ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะพยักหน้าเออออไปกับเขา
"ลุกขึ้น!" เขาสั่งเสียงเข้ม เธอจึงต้องพยายามลุกขึ้นยืนด้วยตนเองอย่างทุลักทุเลเพราะเท้าซ้ายแพลง หญิงสาวก้มตัวลงไปกดเบา ๆ ที่เท้าของตนก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เมื่อเงยหน้ามองเขา เห็นชายหนุ่มกำลังมองเธออย่างสำรวจไปทั้งร่าง เขาไม่ได้มองอย่างคนหื่นกาม แต่เหมือนมองด้วยความสงสัยใคร่รู้มากกว่า
"ตามข้ามา อย่าคิดหนีเป็นอันขาด มิเช่นนั้นเอ็งได้ตายเพราะคมดาบของข้าแน่" ชายหนุ่มลดความดุดันลง หากแต่น้ำเสียงก็ยังฟังดูห้วนจนปานฤทัยลอบเบ้หน้า
"ดุจังเลย" หญิงสาวพึมพำเบา ๆ ขณะค่อย ๆ กระย่องกระแย่งเดินตามหลังเขาไป แต่เขาคงได้ยินกระมังจึงหันมาสั่งเธอเสียงดุอีก
"ตามมาไว ๆ"
"จะให้ไวแค่ไหนกันเล่า ก็เท้าฉันแพลงนี่นา" เธอพูดจบเขาก็หยุดเดินแล้วหันมามองด้วยสีหน้างุนงง เธอจึงชี้ที่เท้าของตัวเองแล้วพูดว่า
"เนี่ย เท้ามันเจ็บ เท้าแพลงน่ะ ยูโนว์" หญิงสาวเห็นเขาทำหน้าฉงนยิ่งกว่าเดิมก็อดยิ้มไม่ได้
"ตีนเจ็บรึ" เขาถาม แต่พอปานฤทัยได้ยินก็หัวเราะคิกคักทันที
"อืมมม ตีนเจ็บ ก็เมื่อกี้ฉันหกล้มนี่นา ว้าย!"
เธอร้องออกมาเบา ๆ เมื่อจู่ ๆ ผู้ชายตรงหน้าก็ชักดาบออกจากฝักอีกครั้ง กำลังจะอ้าปากกรีดร้องเสียงดัง แต่เห็นว่าเขาใช้ดาบฟันที่ต้นไม้ด้านข้างแล้วลิดกิ่งเล็กกิ่งน้อยออกจนเหลือแต่กิ่งใหญ่ เสร็จแล้วจึงยื่นมาให้เธอ
"อุ๊ย ทำไม้เท้าให้ฉันหรือ ขอบคุณนะ" เธอยิ้มกว้างให้เขาอีกครั้ง ถึงแม้เขาจะสติไม่ดีและดูโหดไปบ้าง แต่ก็ยังมีน้ำใจทำไม้เท้าให้เธอช่วยพยุงเดิน
ปานฤทัยเดินตามเขาไปเพราะคิดว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนเดินเป็นเพื่อน ดีไม่ดีเขาอาจจะพาเธอออกจากป่าแห่งนี้สำเร็จก็เป็นได้
ความคิดของหญิงสาวซุกซนไปไกลถึงขนาดที่ว่าผู้ชายที่เดินนำอยู่ข้างหน้าอาจจะเป็นเจ้าป่าเจ้าเขาที่มาช่วยตนผู้กำลังหลงป่า และพอเขาส่งเธอถึงถนนใหญ่เสร็จแล้วก็อาจจะหายตัววับไปเหมือนในละครที่เคยดู
ทว่าความคิดนั้นมีอันต้องแตกกระเจิง เมื่อจู่ ๆ เขาพาเธอมาหยุดอยู่ที่ด้านหลังของบ้านหลังใหญ่ซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นบ้านที่ตนเคยมาขโมยปลาไปกิน
อย่าบอกนะว่าเขาพาเธอมาให้เจ้าของบ้านลงโทษ ข้อหาขโมยจานกับข้าว!
"คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม" ปานฤทัยเบียดตัวเข้าหาต้นไม้ใหญ่ราวกับยึดมันเป็นที่พึ่ง
"นี่คือเรือนของข้า" เขาตอบมาชัดถ้อยชัดคำ ทำเอาเธอได้แต่เบิกตากว้าง อดไม่ได้ที่จะต้องมองเขาตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า ในใจนั้นไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนักเพราะเขาอาจจะเห็นว่าบ้านหลังนี้ใหญ่ดีก็เลยทึกทักเอาเป็นของตนเองเสียเลย
"อ้อ...งั้นหรือ โห บ้านหลังใหญ่จังเลยเนอะ"
เธอต้องเออออไปกับเขาอีกครั้ง เพราะกลัวว่าหากขัดใจเขาขึ้นมา เจ้าดาบคมกริบนั่นคงจะฟันคอเธอขาดในพริบตาแน่
"ตามข้ามา" เขาเดินนำเธอไปทางด้านหน้าของตัวบ้าน ปานฤทัยอดลังเลไม่ได้เพราะการที่จู่ ๆ โผล่ไปอยู่หน้าบ้านคนอื่นแบบนี้จะไม่ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกหรอกหรือ
เขายังมีดาบป้องกันตัว แต่เธอไม่มี จะมีก็แต่พลังจิตเท่านั้น และที่สำคัญ หากเธอใช้พลังจิตที่นี่ คนในหมู่บ้านและละแวกใกล้เคียงแถวนี้เขาจะคิดว่าเธอเป็นแม่มด ผีสางนางไม้หรือเปล่า จะพากันมาจับตัวเธอไปบูชายัญหรือไม่ เพราะถ้าจะให้วิ่งหนีตอนนี้คงไม่สะดวกแน่ ลำพังแค่เดินยังลำบาก
"คุณพระขอรับ!"
เสียงหนึ่งโพล่งขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก ปานฤทัยหันไปมอง เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งดูแล้วน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ แต่การแต่งกายของเขาแปลกประหลาดอีกแล้ว เพราะกางเกงที่เขาใส่เป็นโจงกระเบนแต่สั้นจนเกือบถึงโคนขา เสื้อที่ใส่ก็เป็นเสื้อคอกลมผ้าสีน้ำตาลอ่อนหม่น ๆ ธรรมดา แต่ท่อนขาทั้งสองข้างตั้งแต่หัวเข่าขึ้นไปมีรอยสักพอสมควร
ทันใดนั้นปานฤทัยนึกถึงผู้ชายที่ตนฝันถึง ผู้ชายคนนั้นรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน รอยสักตามขาที่เธอเห็นก็เยอะเสียจนมองทีแรกนึกว่าเป็นกางเกงแนบเนื้อเสียด้วยซ้ำ
"มึงจะแหกปากเสียงดังทำไมวะไอ้ก๋อง" คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเธอหันไปพูดกับผู้ชายคนนั้น
"เอ่อ...คือ..." คนชื่อก๋องอะไรนั่นหันมองเธอราวกับมองตัวประหลาด ก่อนโพล่งออกมาว่า
"คุณพระจับโจรได้หรือครับ"
ปานฤทัยเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหู หญิงสาวชี้หน้าของตนเองแล้วถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง
"โจร? นายหมายถึงฉันหรือ บ้าแล้ว! ขอปลาไปกินแค่จานเดียวเรียกฉันโจรเลยหรือ เดี๋ยวเอาจานมาคืนให้ก็ได้"
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณพระหันมามองหน้าเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดกับผู้ชายที่เรียกเธอว่าโจร
"มึงยืนเฝ้าหน้าเรือนนี่ อย่าให้ผู้ใดขึ้นเรือนไปเด็ดขาด"
เขาพูดจบก็เดินขึ้นบันไดไป ปานฤทัยจึงต้องตามเขาขึ้นไปอย่างเสียไม่ได้ เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเขาพาเธอมาที่นี่ทำไม หากเขาพาเธอมาทำมิดีมิร้าย เธอจะได้ซัดให้บ้านถล่มทั้งหลังเลย คอยดู!
เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบน มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังปัดกวาดเช็ดถูอยู่ คนเหล่านั้นหันมาค้อมศีรษะแล้วเรียกเขาว่าคุณพระอย่างเคารพนบนอบ ชายหนุ่มเอ่ยปากไล่คนเหล่านั้นให้ลงจากบ้านไป ปานฤทัยมองการแต่งกายของทุกคนแล้วก็ได้แต่ตกใจอยู่เงียบ ๆ คนเดียว ความคิดบ้าบอที่ไม่น่าจะเป็นจริงได้ผุดขึ้นมาในหัวทันที
การย้อนข้ามเวลา หรือการทะลุมิติ!
ไม่จริงมั้ง เธอคงคิดไปเอง เรื่องแบบนั้นมีแต่ในนิยายหรือละครเท่านั้น จะเป็นเรื่องจริงได้อย่างไร คนพวกนี้ก็แค่แต่งตัวเลียนแบบคนโบราณเท่านั้น หรือบางทีอาจจะมีการซ่อนกล้องถ่ายทำอยู่ที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้