บทที่ 2 ดินแดนแปลกประหลาด - 2

1446 Words
ปานฤทัยเพ่งมองการแต่งกายของผู้หญิงกลุ่มนั้นด้วยความแปลกใจ ท่อนล่างของทุกคนล้วนสวมผ้าถุง แต่ท่อนบนนั้นบ้างก็เป็นผ้าพันช่วงอกไว้ บ้างก็เป็นเหมือนผ้าพันคอปล่อยชายลงมาปิดหน้าอกแค่นั้นโดยไม่สวมเสื้อหรือ พันผ้า ซึ่งคนที่แต่งแบบนี้จะเป็นหญิงที่มีอายุมากหน่อย แต่เท่าที่สังเกตได้คือทุกคนล้วนทำผมเป็นมวยทรงสูงแล้วพันด้วยผ้า "เสร็จแล้วยกขึ้นไป" เสียงของหญิงอายุมากที่สุดดังขึ้น จึงทำให้ปานฤทัยมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อยเพราะภาษาพูดนั้นแม้จะคล้ายภาษาคำเมืองที่พวกตนพูดกัน แต่สำเนียงกลับไม่ใช่เสียทีเดียว ปานฤทัยเห็นผู้หญิงอายุน้อยกลุ่มนั้นทยอยยกขันโตกเดินไปด้านหน้าโดยมีหญิงวัยกลางคนเดินนำ ทำให้บริเวณนั้นไม่มีคนอยู่ หญิงสาวเดาว่าตรงนี้น่าจะเป็นห้องครัวของบ้านหลังนี้ และแน่นอนว่าถ้าเป็นครัวก็ต้องมีอาหาร! หญิงสาวยิ้มเมื่อมองเห็นจานอาหารวางอยู่ในขันโตก เธอไม่รู้ว่าอาหารในจานเป็นอาหารประเภทไหนเพราะมองไม่ชัด ครั้นจะขโมยมาทั้งหมดก็ดูจะอลังการงานสร้างไปหน่อย ดังนั้นจึงคิดจะขโมยมาแค่หนึ่งจานหรือสองจานเท่านั้นเพื่อให้กินพออิ่ม...แล้วมื้อต่อไปค่อยมาขโมยใหม่ ปานฤทัยเพ่งมองอาหารจานนั้นแล้วใช้พลังจิตของตนยกมันลอยมาหาตน แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องแปลกใจเมื่อรู้สึกว่าการใช้พลังจิตครั้งนี้ดูจะง่ายดายราวกับสั่งได้ เพราะแค่เธอคิดเท่านั้น อาหารก็ลอยหวือมาอยู่ตรงหน้าตนด้วยความรวดเร็ว ผักต้ม! โอ๊ยไม่เอา! เอาจานใหม่ หญิงสาวบ่นอุบอยู่ในใจ ชั่วโมงนี้เธอต้องการอาหารที่ให้พลังงานสูง ไม่ใช่อาหารสำหรับการไดเอต ดังนั้นเธอจึงเพ่งมองไปที่อาหารอีกจาน ไม่นานมันก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าตน และคราวนี้ก็ทำให้เธอยิ้มออกมาได้ ปลานึ่ง ค่อยยังชั่วหน่อย ข้าวล่ะ มีข้าวไหม ขณะที่เธอคิดจะขโมยข้าวอีกจาน หางตาเห็นว่ากำลังมีคนกลุ่มหนึ่งเดินมาที่ครัว หญิงสาวคิดว่าพวกเขาคงมาเอาสำรับที่เหลือ และถ้าเห็นว่ามีจานอาหารหายไปจะต้องพากันสงสัยแน่ ดังนั้นเธอจึงถือจานปลานึ่งแล้วเดินหายเข้าไปในป่า ตั้งใจว่าจะหาที่นั่งเงียบ ๆ กิน และต้องห่างจากบ้านหลังนี้เพื่อป้องกันคนในบ้านเดินมาเจอ ทว่าปานฤทัยเดินห่างจากบ้านหลังนั้นมาได้ไม่เท่าไร เบื้องหน้าของเธอก็ปรากฏเป็นบ้านร้างหลังนั้น ทั้งที่หญิงสาวมั่นใจมาก ว่าตนเดินห่างจากบ้านร้างมาไกลพอสมควรแล้ว "โอเค! สรุปแล้วจะให้ฉันอยู่ที่นี่ให้ได้สินะ" "ไม่อิ่มเลย!" ปานฤทัยทำหน้ามุ่ยเมื่อมองจานปลานึ่งที่เหลือแต่ก้างกับหัวปลาตรงหน้า เพราะไม่มีข้าวมาเติมให้หนักท้อง กินแค่ปลาช่อนตัวขนาดกลาง ๆ สำหรับเธอแล้วก็ได้แค่ครึ่งกระเพาะเท่านั้น หญิงสาวเงยหน้ามองท้องฟ้า ดูจากนาฬิกาเวลาตอนนี้คือบ่ายโมงกว่าแล้วแต่อากาศกลับไม่ร้อนอย่างที่คิด ตรงกันข้าม เธอรู้สึกได้ถึงไอเย็นที่พัดมาเป็นระลอกจากผืนป่าตรงหน้าด้วยซ้ำ ปานฤทัยหยิบขวดน้ำขึ้นมาจะดื่ม แต่มันเหลือแค่ก้นขวดเท่านั้นจึงคิดว่าควรจะเดินหาแหล่งน้ำสักหน่อย จะได้รองน้ำใส่ขวดตุนเอาไว้เวลากระหายขึ้นมา เธอมองไปรอบกาย ตอนนี้ตนนั่งอยู่กับพื้นตรงชานกว้างหน้าบ้านซึ่งเป็นเรือนยกสูงขึ้นมาจากพื้น ไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้ร้างมากี่ปีแล้ว แต่สภาพของตัวบ้าน และไม้ที่ใช้ทำยังดูแข็งแรงอยู่ อดเสียดายแทนเจ้าของไม่ได้ที่ไม่ใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่ เธอเชื่อว่าหากเจ้าของประกาศขายบ้านหลังนี้น่าจะได้ไม่ต่ำกว่าสิบล้านแน่นอน "ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วลองเดินดูในบ้านหน่อยดีกว่า" ปานฤทัยลุกขึ้นยืนแล้วปัดฝุ่นที่ติดตามกางเกงอย่างลวก ๆ ก่อนหน้านี้ที่เธอโผล่มาที่นี่ แม้จะรู้ว่าเป็นในตัวบ้าน แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่หลับตาเธอก็กลับไปที่เดิมแล้วจึงไม่มีโอกาสได้เดินสำรวจ มาครั้งนี้เธอได้อยู่ที่นี่นานผิดปกติ หากปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์คงเสียดายแย่ "กลางวันแดดเปรี้ยง ๆ อย่างนี้คง..." ไม่มีผีหรอกมั้ง ประโยคหลังหญิงสาวพูดอยู่ในใจไม่กล้าพูดออกมาเพราะกลัวผีสางเทวดาแถวนี้จะได้ยินแล้วพากันตบเท้าออกมาต้อนรับเธอโดยมิได้นัดหมาย เมื่อยืนจากกลางชานบ้านแล้วมองเข้าไปจะเห็นว่าตัวบ้านแยกเป็นสองฝั่งซ้ายขวา ปานฤทัยเลือกไปทางซ้ายก่อนเพราะเห็นเรือนทางขวาเล็กกว่าจึงคิดว่าน่าจะเป็นครัวเหมือนกับบ้านที่ตนไปขโมยปลานึ่งมา จะว่าไปแล้วดูเหมือนบ้านร้างหลังนี้จะใหญ่กว่าบ้านหลังนั้นเสียอีก "ต้องเป็นบ้านของคนใหญ่คนโตแน่ ๆ เลย หลังเบ้อเริ่มขนาดนี้" ตอนเธอเดินอยู่ข้างล่าง เห็นเรือนยกพื้นหลังเล็กปลูกเรียงกันหลายหลังในอาณาบริเวณของบ้านหลังนี้ แม้สภาพจะผุกร่อน บางหลังเหลือแต่โครง แต่เธอยังมองรู้ว่านั่นคือเรือนสำหรับให้คนอยู่ และคนที่อยู่ในเรือนเล็ก ๆ เหล่านั้นน่าจะเป็นเรือนสำหรับคนรับใช้แน่นอน หลังจากเดินผ่านทางเชื่อมเข้ามาในเขตเรือนพักอาศัยแล้ว เบื้องหน้าของหญิงสาวคือชานบ้านคล้ายกับด้านหน้า หากแต่ตรงนี้อยู่ในที่ร่ม ปานฤทัยเห็นแล้วได้แต่พยักหน้าช้า ๆ "ตรงนี้ห้องรับแขกสินะ" หญิงสาวเดินเข้าไปยืนตรงกลาง ตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าตรงเสาต้นหนึ่งมีผ้าสีน้ำตาลเข้มพับเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ "เฮ้ย! ผ้าใครเนี่ยยังใหม่อยู่เลย" หรือว่าจะมีคนแอบมานอนที่นี่! คิดได้ดังนั้นปานฤทัยจึงหันมองซ้ายขวาทันทีด้วยความหวาดระแวงว่าจะมีคนอื่นอยู่ด้วย แต่พอมั่นใจว่าไม่มีใครแน่จึงลอบผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถัดไปจากชานกลางบ้าน เป็นประตูห้องเรียงกันไปประมาณหกห้อง หญิงสาวเดินไปเปิดประตูดูทีละห้อง เห็นว่าเครื่องเรือนด้านในแทบไม่มีอะไรเหลือแล้วเพราะแทบจะเป็นห้องโล่ง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยเพราะไม่มีห้องไหนเลยที่จะอยู่ในความทรงจำของตนตอนที่ได้โผล่มาที่นี่ "เอ๊ะ ไม่ใช่ที่นี่หรือ แล้วเป็นที่ไหนล่ะ" เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงห้องสุดท้ายแล้วผลักประตูเปิดเข้าไป ถึงได้เห็นว่าห้องนี้ยังคงมีตั่งเก่า ๆ หลังหนึ่งวางตั้งไว้จนฝุ่นเขรอะ ครั้นพอเธอเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ เห็นว่าบนตั่งนั้นมีร่องรอยของการมีคนมานั่งอยู่บนนั้นด้วย ซึ่งคนที่ว่าก็คือเธอนั่นเอง "ห้องนี้นี่เอง" แล้วอะไรดลใจให้เธอต้องมาโผล่ที่นี่ด้วยเล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ปานฤทัยจึงเลิกคิดหาคำตอบแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นโดยไม่สนใจจะปิดห้องหับแต่ละห้องเอาไว้ตามเดิม เมื่อลงมาเดินอยู่ด้านล่าง หญิงสาวจึงเดินหาแหล่งน้ำสะอาดเพราะเวลานี้รู้สึกกระหายน้ำจนคอแห้งผากไปหมด เธออยากล้างมือที่มีแต่กลิ่นคาวปลานี่ด้วย ตอนกินปลานึ่งเมื่อครู่ก็ใช้มือล้วน ๆ เพราะไม่รู้จะเอาช้อนส้อมจากที่ไหน คล้อยหลังปานฤทัยไปสักพัก มีร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อสีจันทร์กับ โจงกระเบนสีน้ำตาลมีผ้าขาวม้าเคียนเอวปรากฏตัวขึ้นตรงแนวชายป่า เขามองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวังก่อนจะปีนขึ้นต้นไม้ไปนั่งอยู่บนห้างที่ตนทำเอาไว้เพื่อดักจับคนแปลกหน้า ครั้นพอนั่งได้ที่แล้วมองลงไปด้านล่าง สายตาก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างที่ชานเรือนร้างด้านล่าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD