"ไอติม...วันนี้ไปดูหนังเป็นเพื่อนหน่อยสิ มีหนังเข้าใหม่เจทอยากไปแต่ไม่มีเพื่อน" ชายหนุ่มหน้าตาลูกครึ่งเอ่ยชวนเพื่อนสาวคนสนิท เมื่อทั้งสองนั้นเดินออกมาจากตัวอาคารเรียนคณะบริหาร
"ดูหนังอีกแล้วเหรอ...ไอติมไปดูทีไรก็หลับอ่ะ" หญิงสาวที่สูงราวอกของชายหนุ่มเอื้อนเอ่ยพลางมองหน้าของเขา
"น๊านะ...เจทบอกให้ไปเป็นเพื่อนไง ไม่อยากดูไปแล้วหลับก็ไม่ได้ว่าสักหน่อย นะติมนะ" ชายหนุ่มหยุดเดินแล้วพูดอย่างออดอ้อน การไปดูหนังที่เจทนั้นชอบเพราะได้อยู่ใกล้ชิดกับหญิงสาว มันทำให้เขานั้นสุขใจและหลับฝันดีตลอดคืน
".......ตลอดเลยเลี้ยงบิงซูด้วย" ไอติมผู้ที่ไม่ค่อยชอบใจกับการดูหนัง แต่หากเพื่อนคนนี้เอ่ยขอเธอก็ไม่เคยขัดใจ เพราะตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ เธอก็มีเพียงเจทเท่านั้นเป็นเพื่อนที่คบหาอย่างสนิทใจ
"เลี้ยงได้สบายอยู่แล้ว ไอติมจะกินกี่แก้วกี่ถ้วย กินให้อ้วนไปเลยยังได้" เจทที่ไม่เคยด่าทอหรือเสียงดังในการพูดจากับเพื่อนสนิทอย่างไอติม แม้เขานั้นจะโมโหเพียงใดแต่ไม่เคยที่จะตวาดเสียงใส่สักครั้งไม่ว่าจะตอนเด็กหรือตอนโต
"จริงนะ...ห้ามหลอกไอติมไม่งั้นจะไม่ไปดูหนังด้วย ชวนยังไงก็จะไม่ไปเอาช้างมาลากไอติมก็จะไม่ไปเด็ดขาด" หญิงสาววัยสิบเก้าที่มีความน่ารักสดใสมาแต่เด็ก การพูดจาแม้จะเติบใหญ่มาหลายปีแต่กับเพื่อนชายคนนี้เธอยังคงกล้าที่จะแสดงความสดใสต่อหน้าเสมอด้วยไว้ใจ
"จริงครับ!!...แถมรองเท้าให้ด้วยอ่ะ โอเคไหม?" เจทที่ชอบเอาใจในยามเพื่อนสนิทเง้างอน เขามักจะเอาของที่เธอนั้นชอบและโปรดปรานมาล่อเสมอ ซึ่งมันก็ได้ผลทุกครั้งไปแม้จะรู้แก่ใจว่าอาการที่เพื่อนหญิงนั้นงอนแค่การแสดง แต่เจทที่มีหัวใจตั้งมั่นมานานหลายปีก็ยินยอมหากมันทำให้เขาได้ใกล้ชิดหญิงสาวได้นานที่สุดในระยะเวลาของวัน
"โอเค...งั้นไปเลยไอติมจะผลาญเจทให้หมดตัวเลย" หญิงสาวผู้สดใสเอ่ยขึ้นพลางส่งยิ้มสวย ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มตลอดเวลามันทำให้ชายหนุ่มอย่างเจทนั้นปริ่มใจ การใกล้ชิดที่อีกคนไม่ได้คิดไกลเกินเลย แต่สำหรับเขาที่เก็บกลั้นความรู้สึกไว้ยาวนานหลายปี รักแรกที่เขาตั้งมั่นมาตลอดยังไม่เคยเสื่อมคลาย แม้จะมีหญิงมากมายพยายามเข้าหา แต่ว่าพื้นที่หัวใจของเขามีไว้สำหรับเธอเท่านั้นที่รอคอย
"ทีอย่างนี้ไวเชียว" ชายหนุ่มผลักหัวของหญิงสาวเบา ๆ อย่างหยอกล้อในแบบที่ทำกันบ่อยครั้งจนกลายเป็นคุ้นชิน
"ก็ได้ของที่ชอบจะช้าอยู่ทำไมล่ะเจท..." หญิงสาวย้อนคืนด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขกับการที่เจทนั้นเสนอของชอบแก่เธอเป็นการตอบแทน
"ทำไมเจทมีเพื่อนงกวะ..." เจทแซวด้วยรอยยิ้มเขาไม่เคยตำหนิหรือเสียดายกับการที่ต้องจับจ่ายแก่เพื่อนหญิงคนนี้แม้แต่น้อย
"ขนหน้าแข้งเจทไม่ร่วงหรอกน๊า...บ้านก็รวย ส่งออกไวน์แต่ละทีมากมายจะตาย เดี๋ยวนี้งกกับเพื่อนเหรอ ห๊ะ" หญิงสาวแหวแซวพลางจิ้มนิ้วลงอกแน่นที่เป็นกล้ามเนื้ออย่างหยอกเย้า
"หึ!! แสบว่ะ" ชายหนุ่มยิ้มลึกมุมปากแววตาที่มองหน้าของไอติมนั้นมันสื่อความหมายอย่างลึกซึ้งภายใต้คำว่าเพื่อน ความรู้สึกที่มีมาเนิ่นนานแต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะกล้าบอกความรู้สึกที่มันล้ำเส้นนี้ เพราะไม่อยากเสียเธอไปด้วยการคิดไกลเกินกว่าสถานะที่เธอนั้นให้
....สองหนุ่มสาวแรกรุ่นเดินเคียงกันมายังรถยนต์ที่จอดไว้ ด้วยท่าทางหยอกล้อสนิทสนมคุ้นเคย วงแขนแกร่งของเจทกอดคอหญิงสาวอย่างคุ้นชิน การพูดคุยที่สนุกสนานแต่ต้องชะงักการเดินเมื่ออยู่ ๆ ก็มีคนมายืนดักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มสวยจ้องมองมาทางเจท จากที่ยิ้มและคุยอย่างร่าเริงสนุกครื้นเครงต้องหุบยิ้มลงทันใด
((สวัสดีค่ะเจท))
"ไอติมจะไปรอที่รถนะ" ทันทีที่มองเห็นหญิงที่จากมีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า ก้าวขาเดินหลบหนีทันใด ปล่อยเพียงเจททิ้งไว้ข้างหลังอย่างไม่พูดอะไรออกมามากมายนอกจากบอกกล่าวให้รับรู้ว่าเธอนั้นควรอยู่ไหน?
"ติม! เดี๋ยว! ไอติม"
"เจท...หอมว่าจะชวนเจทไปดูหนัง เห็นว่าเจทชอบเลยชวน" น้ำหอมเพื่อนห้องเดียวกันสมัยอนุบาล แยกย้ายจากกันไปเรียนต่างที่นานหลายปี แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยกลับได้มาพบเจอกันอีกครั้งอย่างบังเอิญ
"ขอโทษนะน้ำหอม พอดีเรามีนัดแล้ว" ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยความลนลาน สายตามองตามเพื่อนสนิทที่เดินไม่เหลียวหลัง ตรงไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่
"อย่างนั้นเหรอ...นัดกับไอติมเหรอ?" น้ำหอมเอ่ยถามพร้อมยิ้มอย่างเป็นมิตรหว่านเสน่ห์ มือไม้เกาะเกี่ยวลำแขนแกร่งอย่างถือวิสาสะ
"ใช่เรานัดไอติมไว้เเล้ว...ไปก่อนนะ" เจทพูดจบพร้อมแกะมือของน้ำหอมออกเร็วไวแล้วรีบวิ่งตามไอติมไปติด ๆ สีหน้าของเธอก่อนจากมา ใบหน้าที่นิ่งขรึม สายตากร้าวดุดันปนเศร้าเมื่อเห็นน้ำหอมเดินเข้ามา...ทีท่าเช่นนี้เจทไม่ค่อยชอบใจ เขาชอบไอติมผู้ร่าเริงสดใสยิ้มเก่งในแบบที่ผ่านมา
"เจท! เจท! เดี๋ยวก่อนเจท!...อีไอติม!" เสียงแหลมแผดดังตามหลัง กำมือแน่นอย่างเจ็บแค้นที่ถูกชายหนุ่มที่หมายตาปฏิเสธ แม้น้ำเสียงจะดังจนเขาได้ยินชัด แต่ก็ไม่คิดจะหันกลับไปมอง สองขารีบสับวิ่งเร็วไว อยากถึงตัวเพื่อนเกลอที่หน้าบึ้งเง้างอน
...ชายหนุ่มรับรู้อย่างลึกซึ้งว่าไอติมไม่ชอบหน้าน้ำหอม เหตุการณ์ในวัยเด็กที่เธอมักถูกน้ำหอมล้อเลียนและกลั่นแกล้งมันยังตราติดในภาพความทรงจำไม่รู้ลืม
"ไอติม...แฮ่ก แฮ่ก...ไอติมคือเจท..." ทันทีที่วิ่งมาถึงตัวเพื่อนสนิทด้วยอาการเหนื่อยหอบ...แต่ก็ยังพยายามส่งเสียงเรียกชื่อหญิงสาว ที่ยืนหลังพิงรถมือกอดอก
"รีบไปเถอะไอติมจะได้รีบกลับ" หญิงสาวพูดแทรกขึ้นโดยที่เจทยังพูดไม่ทันจบประโยค ก่อนจะหันหน้าเข้ากับตัวรถอย่างสื่อความหมายให้เจทนั้นปลดล็อกประตู เมื่อสัญญาณปลดล็อกเสียงดังเบา ๆ ด้วยฝีมือของเจท ร่างระหงของไอติมก็เคลื่อนคล้อยนั่งบนรถทันที
...ตลอดการเดินทางไปยังโรงหนัง ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่เนิ่นนาน และอาการของเพื่อนหญิงมักเป็นเช่นนี้ประจำเมื่อพบเจอหน้าน้ำหอม...เธอแค้นจนไม่อยากมองหน้าน้ำหอมด้วยซ้ำ ความร้ายกาจในวัยเด็กส่งผลมายังตอนโต หากยามใดที่เธออยู่ลำพังไร้เจทเคียงกาย หากเมื่อพบเห็นก็ไม่วายเว้นจะพูดเสียดสีไอติมอยู่ร่ำไป มักเอ่ยถึงเพื่อนชายคนสนิทที่เดาไม่ยากว่าเธอนั้นหมายปอง
"ไอติม~~" น้ำเสียงนุ่มของเจทเอื้อนเอ่ย เมื่อเพื่อนหญิงคนที่พูดมากนั้นเงียบปากผิดปกติ ... ไม่สนใจที่จะพูดคุยเฮฮาในแบบที่เธอชอบทำ
"........" เธอยังคงเงียบกริบไม่สนใจ สายตามองเพียงหน้าจอโทรศัพท์ที่เผยแอบพลิเคชันเฟซบุ๊กเท่านั้น
"ไอติมคุยกับเจทหน่อยสิ"
"ขับรถไปเถอะน๊า" หญิงสาวพูดขึ้นอย่างหน่าย ๆ สายตาจ้องมองเพียงจอโทรศัพท์ คำพูดที่ไร้ความนุ่มละมุนสื่อความหมายของการห้ามปราม ว่าเธอนั้นไม่ต้องการคุยกับเขาในตอนนี้
"ขอโทษ..." แม้ไม่รู้ว่าสิ่งใดที่ทำให้เธอโกรธ แต่เจทจะเป็นคนเอ่ยปากขอโทษก่อนเสมอ เพียงเพราะไม่อยากให้เธอเง้างอนเขา ไม่อยากให้เธอเงียบเหงา มันทำให้เขารู้สึกถึงความห่างเหิน ไม่อยากเผชิญความเดียวดายแม้เป็นเพียงเสี้ยวความคิด...เพราะเธอคือคนที่เขาแคร์
"เจทจะขอโทษทำไม?...เจทไม่ได้ทำอะไรผิด" หญิงสาวหันหน้าไปเอ่ยถามคนที่กำลังบังคับพวงมาลัยรถ
"ก็อยากขอโทษ...ถ้าพูดขอโทษแล้วไอติมหายโกรธ เจทยอม..." ชายหนุ่มลูกครึ่งเอ่ยบอกพลางมือบังคับพวงมาลัยไปด้วย
"ไอติมไม่ได้โกรธ...แค่ไม่ชอบน้ำหอม เห็นหน้าเธอแล้วไอติมอารมณ์เสีย" เธอให้เหตุผลในแบบที่คิด อารมณ์ที่เป็นแสดงออกมาทางแววตาชัดเจน...เจทที่มองหน้าหญิงสาวเริ่มใจชื้น แต่ก็ยังไม่เต็มร้อย เมื่อใบหน้าสวยนั้นยังไร้รอยยิ้ม
"เจทอยากให้ไอติมยิ้ม...เจทไม่ชอบเลยเวลาไอติมหน้าบึ้ง" ชายหนุ่มพูดอย่างใจเย็นแต่น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมาบ่งบอกว่าเขาแคร์เธอที่สุด...พื้นที่ของหัวใจของเขาจะไม่มีใครมาทับซ้อนแทนที่เธอได้
"อยากให้ไอติมยิ้มเหรอ?" หญิงสาวที่นั่งเคียงข้างเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าและน้ำเสียงเรียบนิ่ง
"อืม" เจทเอ่ยสั้น ๆ พร้อมกับจอดรถสนิท
"ชาไข่มุกแก้วหนึ่ง" หญิงสาวที่เห็นสีหน้าเพื่อนห่อเหี่ยวไม่สดใส เธออยากให้เขาเป็นเพื่อนที่ยิ้มร่า ไม่อยากให้เขาหน้าเศร้าเช่นกัน
"แค่นั้นเหรอ?" ชายหนุ่มเอ่ยถามออกมาอย่างฉงนใจ การเรียกร้องที่แสนจะเล็กน้อยเพียงนี้แลกกับรอยยิ้มสดใส ทำไมเขาจะยอมไม่ได้ ในเมื่อยอมให้เธอทุกอย่างมาตั้งแต่เด็กๆ
"อืม"
"แล้วไอติมจะยิ้มใช่ไหม? จะอารมณ์ดีใช่ไหม?" ชายหนุ่มย้อนถามอีกครั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่น
"ใช่!" หญิงสาวตอบด้วยเสียงหนักแน่น หันไปยิ้มอ่อนให้คนที่เคียงข้าง
"งั้นไปเลยอยากกินกี่แก้วก็กิน กินให้พุงแตกไปเลย" ชายหนุ่มดีใจปรี่ประชิดตัวเพื่อนหญิง วงแขนแกร่งกอดคอลากไอติมเดินเข้าห้างที่มีแอร์เย็นฉ่ำอย่างรีบร้อน
"ว้าย!! เจท ... แค่ก แค่ก หายใจไม่ออก ....แปะ แปะ แปะ" หญิงสาวที่ถูกลากอย่างไม่ทันตั้งตัว แรงชายที่มีมากกว่าวงแขนรัดคอเธอทำให้หายใจไม่สะดวก จนต้องตีแขนแกร่งที่เนื้อแน่นอย่างห้ามปราม
"ฮ่า ฮ่า .... หยอก ๆ" คนที่ถูกตีไม่มีโอดโอยต่อความเจ็บเพียงเล็กน้อยกลับหัวเราะร่าชอบใจและคลายวงแขนออกจากคอหญิงสาวเท่านั้น....เปลี่ยนตำแหน่งของมือจับข้อมือหญิงสาวให้เดินตาม
...สิ่งที่เจททำแม้จะคุ้นชิน แต่การกระทำนี้มันทำให้หญิงสาวใจเต้นแรง สายตามองต่ำไปยังมือหนานั้นด้วยใจสั่นไหว อมยิ้มในใจอย่างเอ่อล้น แต่คำว่าเพื่อนที่ไม่สามารถถลำลึกเกินกว่าที่ทำตามใจตัวเอง เธอไม่รู้ว่าหากพูดความรู้สึกที่มีออกไปเขายังจะเป็นเช่นเดิมอยู่ไหม เขาจะมีหัวใจที่ตรงกันกับเธอหรือเปล่า หรือทุกอย่างจะยังเป็นเพียงคำว่าเราในฐานะเพื่อนดังเดิม
"ไอติมเป็นอะไรอะ" ชายหนุ่มที่หันกลับมามองต้องเอ่ยถามเมื่อหญิงสาวนั้นยิ้มและก้มหน้าอย่างคนเลื่อนลอย
"............."
"ไอติม....ไอติม!!!" เมื่อเห็นว่าเอ่ยถามแล้วเธอนั้นเงียบ เขาจึงเพิ่มระดับเสียงเรียกขานให้ดังกว่าเดิม แต่เธอก็ยังไม่ตอบกลับเขาแต่อย่างใด จนต้องเพิ่มระดับเสียงให้ดังมากขึ้น
"ห๊ะ ห๊ะ...เจทว่าอะไรนะ" เสียงเข้มที่แผดดังทำให้หญิงสาวที่เหม่อลอยคิดไกลสะดุ้งตกใจ ขานรับติดขัดทำเอาตั้งหลักไม่ทัน
"ไอติมเป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า เจทเรียกตั้งหลายรอบก็ไม่ยอมตอบ" ชายหนุ่มใช้มืออังหน้าผากนูนพลางเอ่ยถามอย่างห่วงใย
"ไอติมไม่ได้เป็นอะไร...เราไปดูหนังกันดีกว่า" หญิงสาวรีบปฏิเสธเร็วไว เพราะไม่อยากให้เขานั้นจับพิรุธได้
"อืม...ปะ" เจทตอบรับพร้อมกับจับข้อมือของไอติมให้เดินตาม การกระทำนี้ทำเอาใจของหญิงสาวนั้นเต้นแรงอีกครั้ง แต่เธอนั้นพยายามที่จะสลัดความคิดของตัวเองออกไป ไม่อยากคิดไกลเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อนที่เขามอบให้
...การดูหนังที่เจทเป็นคนเลือก หนังที่หญิงสาวอย่างไอติมนั้นไม่ค่อยจะชอบใจสักเท่าไหร่ เธอเพียงนั่งดูเป็นเพื่อนเขาเท่านั้นเพราะความชอบของเพื่อนที่เธอไม่อยากปฏิเสธ และของกำนันที่เขาจะตอบแทนเธอหากหนังฉายจบ ไม่ใช่เธองกนะแต่ทุกอย่างที่เธอทำต้องไม่สูญเปล่าและเวลาก็เท่านั้น
"ฮ้าว...." เสียงหาวที่ดังออกมาเบา ๆ พร้อมกับมือเรียวที่ปิดปากไปพลาง จนคนที่นั่งเคียงข้างอย่างเจทมองแล้วมองอีกอย่างนึกขำ อาการง่วงนอนที่เหมือนจะมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เธอก็ยังถ่างตาที่จะดูหนังเป็นเพื่อนเขาจนจบเรื่อง
"ง่วงเหรอ" ชายหนุ่มขยับหน้าเข้าไปใกล้แล้วกระซิบถามแค่ได้ยินเพียงสองคน เพราะเกรงใจคนอื่น ๆ ที่อยู่ในโรงหนังเช่นกัน
"ไม่ ๆ ไอติมไม่ง่วง..." หญิงสาวรีบส่ายหน้าปฏิเสธทั้งที่เจทนั้นสังเกตเห็นอาการของเธอหลายครั้งจนตัดสินใจเอ่ยถาม
"ง่วงก็นอน"
"อ๊ะ!!!" หญิงสาวร้องอย่างตกใจเมื่อเจทนั้นดันหัวของเธอให้อิงกับไหล่แกร่ง แม้จะพยายามหลีกห่างแต่มือหนาของเจทก็ออกแรงกดหัวเธอลงดังเดิม
"นอนเถอะ...เจทดูคนเดียวได้แค่ไอติมอยู่เป็นเพื่อนข้าง ๆ ก็พอ" ใบหน้าที่อยู่ใกล้มือใหญ่ที่ยังจับหัวให้หนุนไหล่ ลมหายใจอุ่นที่กระทบกับผิวหน้า ทำให้หญิงสาวนั้นใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก การกระทำของเจทที่เหมือนกับคู่รัก แต่คำว่าเพื่อนมันย้ำชัดในสถานะ
'อยู่เป็นเพื่อนข้าง ๆ ก็พอ'
เพียงได้ยินคำนี้ความรู้สึกที่ถลำลึกจึงเริ่มเลือนลางออกไป
"อะ อืม" หญิงสาวตอบเค่นเสียงในลำคอพร้อมกับหลับตาลง ความรู้สึกของมือหนาที่ยังประคอบใบหน้าของเธอให้อยู่นิ่ง มืออุ่นที่สัมผัสมันทำให้เธอนั้นรู้สึกดีไม่น้อยจนคล้อยหลับสนิทไป
...การนอนหลับใหลในโรงหนังที่มีแสงไฟจากหน้าจอสาดส่องกระทบใบหน้าสาว ใบหน้าขาวผ่องพร้อมกับดวงตากลมโตปิดสนิทหนุนหัวไหล่แกร่ง ความใกล้ชิดของใบหน้าหญิงสาวที่เจทนั้นแอบหลงรักมานาน เขามองเธอด้วยรอยยิ้มและแววตาของความสุขล้นใจ แค่เพียงมีเธอเคียงใกล้เขาก็เปี่ยมล้นในหัวใจมากแล้ว
...สายตาคมจ้องมองใบหน้าสาวพร้อมกับค่อย ๆ เคลื่อนมืออย่างเชื่องช้าเรียวนิ้วหนาแตะลงแผ่วเบาลงกลีบปากสวยอมชมพู แม้อยู่ในแสงไฟสลัวเขาก็มองออก ก่อนจะขยับเคลื่อนย้ายไปยังสัดส่วนของใบหน้าสาวที่นอนหลับสนิท แม้จะเสียงดังของหนังที่กำลังฉายแต่หญิงสาวเพื่อนเกลอไม่วายแม้จะลืมตาตื่น
...ความในใจที่ชายหนุ่มนั้นมีอย่างลึกซึ้ง ใบหน้าสวยที่แน่นิ่งทำให้เขานั้นใจสั่นไหว ใบหน้าคมคายขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะใช้ปลายจมูกสัมผัสแผ่วเบาสูดดมกลิ่นหอมตรงหน้าผากนูนเข้าสู่ปอด หลับตาพริ้มรับสัมผัสนั้นอย่างลึกซึ้งให้ตราตรึงแกหัวใจของเขา
("เจทรักไอติมนะ") เสียงพร่ำในใจเอื้อนเอ่ยเมื่อละปลายจมูกจากเนื้อผิวสาวในระยะประชิด จ้องมองคนที่หลับสนิทด้วยแววตาซึ้งด้วยรัก หันหน้ามองดูหนังที่ฉายต่อด้วยรอยยิ้ม แค่ได้ใกล้ชิดเพียงเสี้ยวเวลานาทีก็ทำให้เขานั้นมีความสุขและหลับฝันดีได้ตลอดค่ำคืน มันเพียงพอแล้วสำหรับเขา
"เจท" น้ำเสียงงัวเงียเอื้อนเอ่ยแผ่วเบาแต่เขานั้นได้ยินเพราะอยู่ใกล้ใบหน้าสวยยังไม่ละห่างจากไหล่หนาและยังคงหลับตาสนิทเช่นเดิมทำให้เจทนั้นสะดุ้งเล็กน้อย รีบละใบหน้าออกห่างเร็วพลันกลัวเธอนั้นรู้สึกตัวและจับพิรุธต่อการกระทำของเขาได้
"หื้ม" ชายหนุ่มหันหน้ามองและตอบกลับการเรียกขาน
"ไอติมหิวน้ำ" เสียงสดใสปะปนงัวเงียเอ่ยบอกทั้งหลับตา
"แป๊บนะ....อ่ะ" ชายหนุ่มตอบรับพร้อมกับยกแก้วน้ำจับหลอดให้มั่นจ่อปากสาวเพื่อนเกลอที่ถูกปรนนิบัติเยี่ยงเจ้าหญิงและเขาก็เต็มใจจะทำให้เธออย่างไม่อิดออด
"อ่า...ขอบใจนะ" หญิงสาวละห่างจากไหล่หนาแล้วตั้งหน้าตั้งตาดูดน้ำที่เจทถือจับประคองให้
"ไม่นอนต่อเหรอ" เจทเอ่ยถามเมื่อเธอนั้นหยัดตัวนั่งตรงอิงหลังกับพนักเก้าอี้
"ไม่อ่ะ...ไอติมตื่นแล้ว" หญิงสาวหันหน้ามองชายหนุ่มพร้อมขยี้ตาส่งยิ้ม ท่าทางที่เหมือนเด็กแต่กลับดูน่ารักในสายตาของเจท
...การที่หลับใหลแต่ความรู้สึกจากการสัมผัสที่แสนอบอุ่นยามเผลอไผล แม้การที่ชายหนุ่มกระทำจะถือเป็นการฉวยโอกาสแต่มันกลับทำให้หัวใจของหญิงสาวนั้นเต้นแรงจนแทบหลุดจากอก เธอรู้สึกได้และแอบยิ้มในใจยินดีให้เขานั้นกระทำจึงไม่ยอมลืมตาตื่น ปล่อยให้เขานั้นทำตามใจต้องการจนอิ่มพอ
"สักพักหนังใกล้จบแล้ว...รอหน่อยนะ" เจทบอกกล่าวเพราะไม่อยากให้เธอนั้นเบื่อและเหงา รู้ดีว่าเธอไม่ชอบการดูหนัง แต่เขาแค่อยากมีเวลาอยู่กับเธอเพียงลำพัง การดูหนังจึงเป็นโอกาสที่เหมาะสำหรับเขา
"ไอติมรอได้ เจทดูไปเถอะ" หญิงสาวหันหน้าบอกกล่าวและส่งยิ้มสดใส จนคนที่ได้มองอย่างเจทนั้นใจเต้นแรงโครมคราม สองสายตาจ้องมองกันภายใต้แสงไฟสลัวจากหน้าจอของโรงหนังอย่างลึกซึ้ง คนหนึ่งมีเธอตราตรึงในดวงจิตไม่เสื่อมคลาย อีกคนก็ผันกลายหัวใจจากเพื่อนและอยากเลื่อนสถานะแทบสุดใจ
แต่คำว่าเพื่อนที่คั่นกลางความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นจนไม่อยากจะสูญเสียเขาไป จึงทำได้เพียงเก็บความรู้สึกดี ๆ นั้นไว้ภายในใจ ไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกที่ถลำลึกนี้....เขาก็เช่นกัน