ตอนที่ 2

1525 Words
ภายในบ้านหลังกะทัดรัดในช่วงเย็นย่ำค่อนข้างปลอดผู้คน หล่อนก้าวเท้าไปหยุดหน้าประตูไม้ เคาะส่งสัญญาณให้พี่ชายรู้ว่าเป็นตัวเอง สักพักฟีรัสก็เดินออกมาเปิดประตู “เจ้ามาทำไมที่นี่ชมพูนุช” พี่ชายของหล่อนมองออกไปด้านนอกด้วยท่าทางกระวนกระวายใจ ก่อนจะดึงแขนของน้องสาวให้ก้าวเข้ามา และปิดประตูไม้ลงอย่างแน่นหนา ภายในบ้านหลังกะทัดรัดถูกแบ่งออกไปสองห้องนอน มีห้องรับแขกอยู่ตรงกลางบ้าน หล่อนเห็นมัสรานีนั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าค่อนข้างกระอักกระอ่วนใจที่เห็นหล่อน “ทำไมไม่ตอบพี่ล่ะ ชมพูนุช เจ้ามาที่นี่ทำไม” “พ่อกำลังตามหาพี่ฟีรัสอยู่น่ะค่ะ” “เดี๋ยวพี่ก็กลับแล้ว” “แต่ฉัน...” หล่อนหยุดพูดเล็กน้อย ขณะปรายตามองแม่นาง มัสรานีคนงามด้วยความเป็นกังวลใจ “อยากให้พี่ฟีรัสหยุด” “เราพูดเรื่องนี้กันไปแล้ว และเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับพี่ด้วย ชมพูนุช” “แต่ฉันเป็นห่วงพี่ฟีรัสนะคะ กลัวว่าถ้าเรื่องนี้รู้ถึงพระเนตรพระกรรณขององค์รัชทายาทเมื่อไหร่ พี่จะเดือดร้อน” หล่อนเห็นพี่ชายต่างมารดาขบกรามแน่น ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปทรุดนั่งข้างๆ มัสรานี “พี่รักมัสรานี เราสองคนรักกัน” หล่อนขยับเดินไปหยุดตรงหน้าของทั้งสองคน และพยายามวิงวอนให้คนทั้งคู่เปลี่ยนใจ “แต่พี่ฟีรัสก็รู้นี่คะว่าองค์รัชทายาทจามีลหมายตาคุณมัสรานีเอาไว้” “พี่รู้ แต่พี่หยุดรักมัสรานีไม่ได้” ฟีรัสตวัดแขนโอบกอดร่างอรชรของหญิงคนรักเอาไว้แน่น “และมัสรานีก็รักพี่เช่นกัน” “แต่ว่า...” “ฉันขอบใจเธอมากนะชมพูนุชที่เป็นห่วงฉันและพี่ฟีรัส แต่เราสองคนจะไม่ยอมพรากจากกันหรอก” มัสรานีที่นั่งเงียบอยู่พักใหญ่เอ่ยขึ้น “ฉันรักพี่ชายของเธอมาก” ชมพูนุชซาบซึ้งใจกับความรักของคนทั้งคู่ แต่กลับยินดีด้วยไม่ได้ เพราะรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นจริง “แล้วองค์รัชทายาทจามีลล่ะคะ คุณมัสรานี” สีหน้าของมัสรานีเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “ฉันไม่อาจจะปฏิเสธองค์รัชทายาทต่อพระพักตร์ได้” “แล้วคุณมัสรานีจะบอกความจริงเรื่องนี้กับองค์รัชทายาทเมื่อไหร่คะ ยิ่งปล่อยไว้นานยิ่งอันตรายนะคะ” ศีรษะทุยสวยของมัสรานีส่ายไปมาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสบตากับฟีรัสชายคนรัก “ฉันไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับองค์รัชทายาทหรอก” “แล้ว... คุณมัสรานีจะทำยังไงคะ ฉันมองไม่เห็นทางออกของเรื่องนี้เลย” “ฉันมีทางออกสำหรับเรื่องนี้แล้วละ แต่คงบอกให้เธอรู้ไม่ได้หรอก” ชมพูนุชเลิกคิ้วสูง ความกังวลใจยังคงเต็มเปี่ยมแน่นอก หล่อนกลัวว่าพี่ชายจะต้องโทษทัณฑ์ “แต่ฉันคิดว่าทางออกเดียวสำหรับเรื่องนี้ ก็คือพี่ฟีรัสต้องเลิกยุ่งกับคุณมัสรานีค่ะ” “นั่นเป็นทางออกสุดท้ายที่พี่จะทำ” ฟีรัสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ใช่ นั่นคือทางออกสุดท้ายที่เราสองคนจะทำ” มัสรานีกล่าวย้ำขึ้นด้วยน้ำเสียงเดียวกันกับพี่ชาย ชมพูนุชภาวนาให้พี่ชายคิดได้ และหยุดการกระทำที่มีอันตรายถึงชีวิตถึงโดยเร็วที่สุด “แต่ฉัน...” “เจ้าไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วละ ชมพูนุช” ฟีรัสลุกขึ้นยืนจากโซฟา ในขณะที่มัสรานียังคงนั่งอยู่ “เพราะพี่ตัดสินใจลงไปแล้ว” พี่ชายของหล่อนย้ำชัด ก่อนจะหันไปหามัสรานี “พี่ขอตัวกลับบ้านก่อนนะมัสรานี แล้วเจอกัน” “ค่ะ พี่ฟีรัส” แขนเล็กของหล่อนถูกฟีรัสกุมเอาไว้ และรั้งให้เดินออกมาจากบ้านหลังกะทัดรัด โดยที่ข้างในยังคงมีมัสรานีอยู่ พวกเขาต้องแยกกันกลับเพื่อไม่ให้คนสงสัย “พี่ฟีรัสคิดจะทำอะไรเหรอคะ” หล่อนเอ่ยถามทันทีเมื่อเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว “ไม่มีอะไรหรอก” น้ำเสียงของพี่ชายราบเรียบ สีหน้าของเขาก็เช่นกัน หล่อนช้อนตาขึ้นมองด้วยความเป็นกังวลใจ “พี่ฟีรัสคงไม่ทำเรื่องไม่ดีใช่ไหมคะ” “ไม่หรอก พี่จะไม่ทำอะไรไม่ดีหรอก เจ้าสบายใจได้ชมพูนุช” คำตอบของพี่ชายทำให้หล่อนคลายความกังวลลงเล็กน้อย แต่ก็เหมือนมีลางสังหรณ์แปลกๆ ร้องเตือนอยู่ลึกๆ ตลอดเวลา “เจ้าสัญญากับพี่นะว่าจะดูแลท่านพ่อของพี่เป็นอย่างดี” “ฉันต้องดูแลท่านพ่ออย่างดีที่สุดอยู่แล้วละค่ะ ว่าแต่พี่ฟีรัสพูดแบบนั้น เหมือนจะไปไหนเลยนะคะ” “เปล่าหรอก พี่ก็พูดไปอย่างนั้นเอง เรารีบเดินกันเถอะ นี่ก็ใกล้จะค่ำแล้ว” พี่ชายของหล่อนเร่งฝีเท้าเดินนำหน้าไป ในขณะที่หล่อนเฝ้ามองแผ่นหลังกว้างของพี่ชายด้วยความกังวลยิ่งนัก เช้าวันต่อมา องค์รัชทายาทจามีลเสด็จมาพบเจ้าชายเซรีมที่ตำหนักของพระชายาจัสมิน ซึ่งแน่นอนว่าหล่อนซึ่งเป็นนางกำนัลประจำตำหนักของพระชายาจัสมินก็จะต้องเผชิญหน้ากับเขาด้วยเช่นกัน เรือนร่างสูงสง่าเกินหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรช่างสง่างามเหลือเกิน ไม่ว่าจะพบเจอเขาเมื่อใด หัวใจไม่รักดีก็เอาแต่เต้นระส่ำราวกับหญิงเสียสติร่ำไป แม้ว่าจามีลจะไม่ได้ชายตาแลมาทางนางในไร้ค่าเช่นหล่อนเลยก็ตาม “เสด็จพี่ไม่เห็นต้องเสด็จมาถึงที่นี่เลย ถ้าต้องการพบหม่อมฉัน ให้องครักษ์มาตามก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” “พี่ผ่านมาทางนี้พอดีน่ะ ก็เลยแวะมาเยี่ยมเจ้ากับพระชายา พวกเจ้าสบายดีนะ” “สบายดีพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายเซรีมนั่งโอบกระชับรอบกายอวบอัดของภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์อยู่เอาไว้อย่างแสนรัก “อืม แล้วหลานของพี่ล่ะ สบายดีไหม” มะลิอมยิ้มก่อนจะตอบพี่ชายของสามี “สบายดีเพคะองค์รัชทายาท” รอยยิ้มละไมระบายบนใบหน้าหล่อจัดขององค์รัชทายาทจามีล แต่ไม่นาน รอยยิ้มก็จืดจางไปเมื่อสายตาคมกริบตวัดมองไปเห็นใบหน้าสวยงามของชมพูนุช กรามแกร่งที่มีไรหนวดประปรายขบกันแน่น ความเดือดดาลแล่นพล่านในอก เขาชังน้ำหน้าของนางในผู้นี้ ตั้งแต่บังเอิญได้ยินว่าหล่อนบังอาจรักเขาแล้วละ ยังจะมีหน้ามาทำหน้าตาน่าสงสารอีกหรือ องค์รัชทายาทสูงศักดิ์เกรี้ยวกราดเดือดดาลอยู่ภายในอก เขาเกลียดดวงตากลมโตที่หวานฉ่ำสดใสราวกับพระอาทิตย์ยามเช้าของเจ้าหล่อน และก็เกลียดริมฝีปากสีแดงระเรื่อที่ดูเหมือนจะหนาเกินไปของหล่อนเป็นที่สุด เพราะสิ่งที่เห็นมันทำให้เขารู้สึกได้ถึงการควบคุมตัวเองที่ลดน้อยถอยลง ซึ่งเขาไม่ชอบความรู้สึกบ้าบอนี้เลย จามีลกัดฟันละสายตาจากดวงหน้าหวานละมุนตาของชมพูนุช และไม่คิดจะชายตาแลเจ้าหล่อนอีกเลย เขาพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบน้องชายและน้องสะใภ้อยู่สักพักก็ขอตัวกลับ โดยที่เจ้าชายเซรีมผู้เป็นน้องชายออกคำสั่งให้นางในหน้าหวานตามติดออกมาส่งนอกตำหนัก แต่เขาปฏิเสธทันควัน “ไม่ต้องให้นางเข้าใกล้พี่” เจ้าชายเซรีมชะงักเล็กน้อย มองใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้บูดบึ้งของพี่ชายด้วยความแคลงใจ “มีอะไรเหรอพ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่” “ไม่มีอะไรหรอก พี่ไปละ” แล้วองค์รัชทายาทรูปงามก็เดินหายออกไปจากตำหนักของจัสมิน ในขณะที่ชมพูนุชก้มหน้าซีดเผือดลงมองพื้นพรมหนาด้วยความเจ็บปวด มะลิมองนางกำนัลของตัวเองด้วยความเห็นใจ เพราะหล่อนมองออกว่าชมพูนุชแอบรักองค์รัชทายาทจามีล แต่ความรักนี้มันไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะทั้งสองคนต่างกันราวกับฟ้าและเหว “เจ้าไปเก็บดอกไม้ในสวนกับเราเถอะชมพูนุช” “เพคะ พระชายา” ชมพูนุชตอบรับคำสั่งของเจ้านายเสียงสั่นเครืออย่างสุดควบคุม “เดี๋ยวหม่อมฉันมานะเพคะเจ้าพี่” มะลิหันไปบอกสามีสุดหล่อของตัวเอง เจ้าชายเซรีมระบายยิ้ม มองภรรยาอย่างเป็นห่วง “ให้เราไปเป็นเพื่อนไหม” “เจ้าพี่ไปประชุมราชกิจเถอะเพคะ หม่อมฉันมีชมพูนุชและนางกำนัลอีกตั้งหลายคน ไม่ต้องเป็นห่วงนะเพคะ” “งั้นต้องเดินให้ระมัดระวัง เข้าใจนะทูนหัว” ความห่วงใยของเจ้าชายเซรีมที่มีต่อหล่อนนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย มะลิระบายยิ้มกว้าง น้ำตาแห่งความตื่นเต้นเอ่อล้นขอบตาทั้งสองข้าง “ขอบพระทัยเพคะเจ้าพี่” เจ้าชายเซรีมอมยิ้ม ดึงภรรยาเข้ามาจูบแก้มเบาๆ ก่อนจะหันมาสั่งเหล่านางกำนัล “พวกเจ้าดูแลเมียเราให้ดีนะ อย่าให้ได้รับอันตรายอันใดเด็ดขาด” “เพคะเจ้าชายเซรีม” เหล่านางกำนัลตอบรับ “งั้นหม่อมฉันทูลลาเพคะ” มะลิถวายบังคมสามีสุดหล่อ ก่อนจะเดินออกไปจากตำหนัก โดยมีนางกำนัลซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือชมพูนุชตามติดไปอารักขาอย่างใกล้ชิด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD