หลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่เกือบสามชั่วโมง ตอนนี้ชมพูนุชก็สามารถตอบตัวเองได้แล้วละว่า จะเลือกทางไหน ยอมให้พ่อกับแม่ถูกตัดหัว หรือว่าจะยอมถูกย่ำยีศักดิ์ศรีจากผู้ชายทั้งตำหนักขององค์รัชทายาทใจร้ายอย่างจามีล
หยาดน้ำตาไหลรินออกมาอาบแก้มเป็นทาง กลีบปากอิ่มสีแดงระเรื่อสั่นระริกด้วยความปวดร้าวหวาดกลัว ความสาวที่รักษามานานเกือบยี่สิบปีกำลังจะถูกพร่าผลาญในไม่ช้า แต่หล่อนไม่มีทางเลือกอื่นเลย เมื่อคนใจร้ายอย่างจามีลไม่เมตตา
เท้าบอบบางมุ่งหน้าพาร่างอรชรเดินโซซัดโซเซตรงไปยังตำหนักขององค์รัชทายาทแห่งซาเรีย ทุกครั้งที่หล่อนจะได้เห็นพระพักตร์ของจามีล หล่อนจะดีใจมาก แต่ครั้งนี้... หล่อนกลับไม่อยากเห็นเขาเลย ไม่อยากแม้แต่จะเข้าใกล้ด้วยซ้ำ หล่อนกลัว... หวาดกลัวเหลือเกิน
มือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง เมื่อเดินมาหยุดที่หน้าตำหนักขององค์รัชทายาท หล่อนชูป้ายให้กับทหารยาม ก่อนจะเดินผ่านขึ้นไป ทุกย่างก้าวช่างเจ็บปวดราวกับกำลังเดินเหยียบย่ำอยู่บนบันไดมีดไม่มีผิด
หล่อนเดินมาหยุดที่หน้าประตูห้องของจามีล ตั้งสติอยู่นาน ก่อนจะเดินตัวสั่นเทิ้มผ่านเข้าไปภายใน องค์รัชทายาทรูปงามนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา ดวงตาคมกริบตวัดจ้องมองมาด้วยความเหยียดหยามดูแคลน มองหล่อนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“ในที่สุดเจ้าก็มา”
หล่อนหยุดยืน น้ำตาไหลรินท่วมท้นใบหน้า
“หม่อมฉัน... ไม่มีทางเลือกเพคะ”
“ทำไมเจ้าจะไม่มีทางเลือก”
เขายิ้มเยาะ ลุกขึ้นและเดินมาหยุดตรงหน้า เรือนกายของจามีลใหญ่โต ซ่อนอยู่ในชุดสูทสีเทาพอดีตัว ไหล่ของเขากว้างมากบอกให้รู้ว่าแข็งแรงและมีพละกำลังล้นเหลือ ใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมสีแทนที่ยามนี้อยู่ใกล้ชิดกว่าทุกครั้ง ดวงตาคมกริบที่เคยเป็นสีทองยามนี้กลายเป็นสีดำมืดมิด ริมฝีปากบางเฉียบที่หล่อนเคยอิจฉาในความสมบูรณ์แบบบิดเบ้แสดงออกถึงความเหยียดหยาม เขาหล่อราวกับเทพบุตรชั้นฟ้า เป็นตัวแทนของบุรุษในโลกหล้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความงดงาม หากเป็นในยามปกติ หล่อนคงมึนเมาไปกับความหล่อเหลาของเขาไปแล้ว แต่ยามนี้ความหวาดกลัวมันมีอำนาจมากกว่า ดังนั้นหล่อนจึงขยับเท้าถอยหลังหนีลนลาน
“ก็แค่ยอมให้พ่อกับแม่ของเจ้าถูกตัดหัวยังไงล่ะ”
“องค์รัชทายาทก็ทรงทราบว่าหม่อมฉันไม่มีทางทำแบบนั้นได้”
“เราจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะ เราอ่านใจผู้หญิงแพศยาที่มักใหญ่ใฝ่สูงอย่างเจ้าไม่ออกหรอก”
คำก็ด่าสองคำก็กล่าวหาของจามีล ทำให้หล่อนแสนจะปวดร้าวเป็นที่สุด
“หม่อมฉัน... พร้อมแล้วเพคะ...”
หล่อนเม้มปากอิ่มที่สั่นเทาเพราะแรงสะอื้นตลอดเวลาจนเป็นเส้นตรง
“สำหรับโทษทัณฑ์ที่องค์รัชทายาทจะประทานให้กับหม่อมฉัน”
“แน่ละว่าเจ้าต้องพร้อมอยู่แล้ว ในเมื่อเจ้าต้องการจะอยู่ใต้ร่างของเรามาตลอด”
หล่อนส่ายหน้าไปมาปฏิเสธ “หม่อมฉัน... ไม่...”
“เจ้าจะปฏิเสธหรือว่าไม่ใช่”
ใช่ หล่อนต้องการปฏิเสธ แต่กลับไม่อาจจะพูดคำใดออกไปได้ ให้เขามองหล่อนว่าเลว ให้เขามองหล่อนว่าแพศยา ยังดีเสียกว่าที่จะปล่อยให้พ่อกับแม่ต้องเดือดร้อน
“เพคะ... หม่อมฉันฝันถึงเวลานี้มาตลอด”
คำตอบของชมพูนุชกระตุกโทสะของจามีลอย่างแรง เขาที่พยายามจะควบคุมอารมณ์เกรี้ยวกราดของตัวเองเอาไว้ให้ลึกที่สุด เพราะไม่ต้องการได้ชื่อว่ารังแกสตรี แม้เจ้าหล่อนจะแพศยาสักเท่าไหร่ก็ตาม แต่ก็ทำได้ยากเย็นยิ่งนัก
“ดี... พูดตรงๆ แบบนี้แหละดี เราจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดกับสิ่งที่กำลังจะทำลงไป”
“เพ... เพคะ...”
“งั้นเรามาเริ่มกันเลย”
น้ำเสียงของจามีลที่เค้นออกมาจากไรฟันแผ่วเบาราวกับเสียงของสายลม แต่ทำไมนะ ทำไมมันถึงเขย่าโสตประสาทของหล่อนรุนแรงแบบนี้
ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว และสัญชาตญาณก็บ่งการให้หล่อนเลือกที่จะถอยหลังหนี แต่ไม่พ้น เมื่อฝ่ามือใหญ่อบอุ่นของจามีลตวัดรวบเอาไว้ ก่อนจะกระชากร่างอรชรเข้าไปปะทะแผงอกกว้างเต็มแรง
“อ๊ะ...”
“หน้าที่ของเจ้าคือทำให้เราพอใจกับเซ็กซ์เน่าๆ ของเจ้าให้มากที่สุด” เขายิ้มเยาะเหยียดหยามอย่างไม่ปรานี “แต่เท่าที่ดูแล้ว เราไม่น่าจะนอนกับเจ้าเกินหนึ่งครั้ง”
คำพูดของเขาช่างร้ายกาจเหลือเกิน
“ได้โปรด... ทรงเมตตาหม่อมฉันด้วยเพคะ”
“เมตตา? เรื่องอะไรหรือ”
หล่อนช้อนตาที่ฉ่ำไปด้วยคราบน้ำตาขึ้นมองเขา วิงวอนให้เขาเบามือกับตนเอง
“หม่อมฉัน... กลัวเพคะ”
“กลัวอะไร”
คนถามกลับแสนจะหงุดหงิด และนั่นก็ยิ่งบีบให้ชมพูนุชหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
“อย่าทรง... รุนแรงกับหม่อมฉันมาก... นะเพคะ”
แทนที่เขาจะเห็นใจกลับหัวเราะเยาะหล่อน มองหล่อนอย่างเหยียดหยามไม่ให้เกียรติ
“เลิกทำตัวน่าสงสารแล้วถอดเสื้อผ้าได้แล้ว”
“อ๊ะ” ร่างอรชรถูกผลักออกห่างอย่างป่าเถื่อน หล่อนเซถลาไปชนกับขอบโซฟาจนเจ็บ น้ำตาร่วงกราวไม่หยุด แต่คนกระทำไม่หยิบยื่นความเมตตาให้เลย สายตาของเขาที่มองมาอัดแน่นไปด้วยความเกลียดชังมากมายเหลือเกิน
“ตามเราเข้ามาในห้องนอน อ้อ... แก้ผ้าเสียด้วยล่ะ เราไม่ต้องการเสียเวลาถอดให้เจ้า”
แล้วคนใจร้ายก็เดินนำหน้าหายเข้าไปในในห้องนอนหรู ในขณะที่หล่อนยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นปิ่มจะขาดใจ
“ยังไม่เข้ามาอีกหรือ!”
“เพ... เพคะ...” หล่อนไม่มีทางเลือกจำต้องวิ่งเข้าไปในห้องนอนของจามีลทั้งน้ำตา ก่อนจะชะงักกึก หน้าตาแดงก่ำ เมื่อสายตาปะทะกับเรือนกายเปลือยเปล่าสีแทนสวยเข้าเต็มสองตา
จามีลสมกับเป็นบุรุษเพศที่งดงามที่สุดในใต้หล้าจริงๆ สมองของหล่อนหยุดทำงาน ความหวาดกลัวโศกาถูกแทนที่ด้วยความตื่นเร้าทางเพศจนแทบมิด
เทพบุตรกรีกยังไม่มีเรือนกายงดงามสมบูรณ์แบบเท่ากับเรือนร่างขององค์รัชทายาทแห่งซาเรียพระองค์นี้เลย หญิงสาวห่อปาก ดวงตาเบิกกว้าง และจับจ้องมองสำรวจตรวจตาไปตามเรือนกายเปลือยเปล่าของ จามีลอย่างลืมตัวตน
บ่าทั้งสองข้างกว้างขวางบึกบึน หน้าอกกว้างอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อลอนงามและเส้นขนสีเข้มหยิกคอด หน้าท้องสีแทนแบนเรียบเต็มไปด้วยซิกซ์แพ็ก และต่ำลงไปกว่านั้น... ไล่ตามแนวเส้นขนสีเข้มลงไปเรื่อยๆ อะไรบางอย่างที่น่าหวาดกลัวทำให้หล่อนต้องรีบยกสองมือขึ้นมาปิดหน้าอย่างรวดเร็ว
ทำไมจามีล... ถึงน่ากลัวแบบนี้ ทำไมเขาใหญ่... ไม่ใช่ใหญ่อย่างเดียวแต่มันยาวด้วย
หญิงสาวส่ายหน้าไปมาและตัดสินใจจะหนีออกไปทางประตู แต่เสียงกระด้างที่ดังขึ้นด้านหลัง ทำให้เท้าเล็กชะงักกึก
“ถ้าเจ้าก้าวพ้นประตูออกไป เราจะถือว่าทางเลือกนี้เป็นโมฆะ แล้วพ่อกับแม่ของเจ้าก็จะต้องถูกตัดหัว”
“หม่อมฉัน...”
“หันกลับมา และถอดเสื้อผ้า”
หล่อนจะทำยังไงดี ชมพูนุชตัวสั่นเทา หวาดกลัวเหลือเกิน แต่หล่อนก็อับจนหนทางแล้ว
“หรือไม่ก็ออกไปจากตำหนักของเราซะ”
“หม่อมฉัน... จะอยู่เพคะ”
หล่อนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น ก่อนจะค่อยๆ หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเขา แต่ดวงตากลมโตปิดสนิทไม่ยอมลืม
จามีลมองชมพูนุชอย่างเหยียดหยาม เขามั่นใจว่าหล่อนกำลังแสดงละครเรียกความสงสาร แต่เชื่อเถอะว่าเขาไม่มีทางหลงกลผู้หญิงแพศยาคนนี้แน่
“ลืมตาขึ้น และถอดเสื้อผ้า เสร็จแล้วก็ขึ้นมาบนเตียงของเรา”
“หม่อมฉัน...”
“เราบอกให้ลืมตายังไงล่ะ!”
น้ำเสียงดุดันไม่พอใจของจามีล ทำให้คนถูกสั่งตัวสั่นเทิ้ม และรีบลืมตาขึ้นทันที หล่อนหน้าแดงราวกับลูกตำลึงสุก พยายามที่จะจ้องไปที่หน้าอกกว้างแทนการมองต่ำลงไปที่หน้าท้อง
“ถอดเสื้อผ้า เร็วเข้า”
“เพ... คะ...”
ความอดสู ความรวดร้าวแล่นเข้าใส่ร่างอย่างอำมหิต มือเล็กสั่นเทาค่อยๆ ปลดเสื้อผ้าจนในที่สุดอาภรณ์ทุกชิ้นก็หลุดร่วงลงไปกองที่พื้น หรือไว้แค่เพียงบราเซียร์และกางเกงชั้นในเท่านั้น
เสียงลมหายใจแรงๆ ของจามีลดังมาเข้าหู หล่อนพอจะเดาได้ว่าเขาคงกำลังรู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่ได้เห็น ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าหล่อนไม่มีทางสวยงามอย่างที่เขาคาดหวัง
หล่อนยืนตัวสั่นอยู่หลายอึดใจ น้ำเสียงที่แปร่งไปของจามีลก็ดังขึ้น พร้อมๆ กับมือใหญ่ที่ตบลงบนที่นอนข้างๆ
“ขึ้นมาบนนี้ เร็วเข้า”
“เพ... เพคะ...”
หล่อนก้มหน้าก้มตาแบกความอดสูอับอายเดินไปหยุดที่ขอบเตียงกว้างขององค์รัชทายาทจามีล เตียงที่หล่อนไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะได้สัมผัส
“ขึ้นมาสิ เร็วๆ”
ชายหนุ่มสั่งอย่างใจร้อน ก่อนจะกระชากแขนหล่อนและดึงขึ้นไปเสียเอง
“อ๊ะ...”
เพราะไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อนทำให้ชมพูนุชตกใจจนต้องผลักไส แต่เขาก็รวบมือเล็กไปไว้เหนือศีรษะ และพลิกขึ้นมาทาบทับเอาไว้ทั้งตัว ปิดทางหนีของหล่อนจนมืดมิด
“ยิ้มสิ... เจ้ากำลังจะได้ ในสิ่งที่ฝันเอาไว้มานานแล้วนะ ชมพูนุช”
เขาเหยียดหยามหล่อนจนแม้แต่ในวินาทีสุดท้าย หล่อนหลบสายตาดูแคลนของเขาด้วยการหลับตาลง จนไม่ทันได้เห็นสายตาคมกริบที่กวาดมองไปทั่วทั้งกายสาวอย่างพึงพอใจ