“ในห้องมีแค่เตียงเดียวและเราต้องนอนด้วยกันใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นพรีมขอพื้นที่ครึ่งนึง แล้วห้ามข้ามเขตกันเด็ดขาด” พรีมเริ่มพูดถึงข้อตกลงที่เธอคิดมาจากบ้านให้ธีร์ฟัง
“แล้วตู้เสื้อผ้าพี่จะแบ่งพื้นที่ให้พรีมยังไงคะ เราจะแยกกันคนละตู้ หรือจะให้ใส่ไว้ด้วยกัน”
“เธอไปดูเอาเองก็แล้วกัน แต่ขอจัดแยกให้เป็นระเบียบด้วยนะ”
“งั้นถ้าจะใช้ห้องน้ำ ใครตื่นก่อนหรือจะอาบน้ำก่อนก็แล้วแต่สะดวกก็แล้วกันนะคะ พรีมคงจะกำหนดเวลาตายตัวไม่ได้”
“อืม”
ข้อตกลงคร่าวๆ ที่เธอคิดออกก็คงจะมีประมาณนี้ เพราะชั้นล่างของบ้านก็จะเป็นห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น ในส่วนนี้คงไม่จำเป็นต้องขออนุญาต หรือทำข้อตกลงในการใช้พื้นที่ร่วมกัน
“แล้วเรื่องการอยู่ด้วยกันล่ะคะ พรีมอยากรู้ว่านานแค่ไหน หรือจะต้องแต่งงานกันอีก” พรีมยังคงอยากรู้ข้อนี้มาก เธออยากรู้กรอบระยะเวลาที่เราต้องอยู่ร่วมกันแบบนี้ แบบคนที่ไม่ได้รักกัน
“ตามใจเธอเลย อยากอยู่นานแค่ไหนก็อยู่ แม่ฉันอยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้อยู่แล้วนี่” ธีร์ตอบราวกับคนตัดพ้อปนกระทบกระทั่งหญิงสาวเหมือนคนไม่มีทางเลือก และถูกมัดมือชกให้ต้องมาหมั้นหมายกัน
“ขอโทษนะคะที่ทำให้ลำบากใจ เอาเป็นว่าพรีมขอเวลาแค่สองปี เรียนจบเมื่อไหร่จะรีบกลับไปช่วยงานที่บริษัทและนำเงินค่าหุ้นมาคืนให้นะคะ ถือว่าพรีมขอซื้อหุ้นคืนก็แล้วกัน แค่พี่เสียสละตัวเองขนาดนี้พรีมก็รู้สึกแย่มากแล้วค่ะที่ทำให้ต้องมาเดือดร้อนไปด้วย”
“ไม่ต้องคืนหรอก ถือซะว่าเป็นค่าเสียเวลาที่ต้องมาทนอยู่กับฉันก็แล้วกัน” ธีร์เอ่ยจบก็ลุกออกจากโซฟา พลางถอดเสื้อสูตและดึงเนกไทออกจากคอ และเดินตรงไปที่ห้องแต่งตัว
พรีมเดินไปย่อตัวลงนั่งที่ปลายเตียง ฉุกคิดขึ้นว่าเธอจะต้องมาอยู่กับคนเย็นชาไร้หัวใจแบบนี้อีกตั้งสองปีเลยหรือ ถ้าไม่ติดว่าผู้ใหญ่ได้คุยกันเอาไว้แล้ว เธอจะหนีไปนอนคอนโดของนิวเยียร์ตั้งแต่คืนนี้เลย คนอะไรจิกกัดได้ทุกประโยคยิ่งกว่าไก่เสียอีก
พอต่อว่าชายหนุ่มเสร็จก็ไปลืมว่าตัวเองยังไม่ได้เก็บเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า จึงเดินไปลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปยังห้องแต่งตัว พอเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกถึงกับต้องถอนหายใจ ไม่คิดว่าหนุ่มคู่หมั้นจะเป็นคนระเบียบจัดขนาดนี้ เพราะตู้เสื้อผ้าของธีร์จะแบ่งออกเป็นสี่หลัง ตู้แรกจะเป็นชุดสำหรับใส่นอน ตู้ที่สองจะเป็นชุดลำลองแบบใส่สบายๆ สำหรับอยู่ที่บ้าน ส่วนตู้ที่สามจะเป็นเสื้อผ้าที่ดูเป็นทางการขึ้นมาอีกนิดสำหรับใส่ออกไปทำธุระนอกบ้าน และตู้ที่สี่ก็จะเป็นชุดสูตสำหรับใส่ไปทำงาน และออกงานต่างๆ แล้วเธอก็ต้องจัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบเหมือนเขาด้วย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะมาบ่นให้อีก ขี้เกียจจะฟัง
ธีร์อาบน้ำเสร็จก็นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนสีขาวพันท่อนล่างเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ และไม่คิดว่าจะมีใครอีกคนอยู่ในห้องแต่งตัว
“นี่เธอเข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง” ธีร์เอ่ยถามอย่างคนลืมตัวว่าตอนนี้เขาไม่ได้เป็นเจ้าของห้องนี้เพียงคนเดียวอีกต่อไปแล้ว
“พรีมกำลังเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้อยู่ค่ะ พี่ธีร์ตามสบายเลยนะคะ พรีมไม่ถือ”
พรีมทำทีไม่สนใจ แม้จะหายใจหายคอไม่ค่อยถนัด ก็ผิวของเขานั้นขาวราวกับน้ำนม แถมยังมีซิกแพกซ์เป็นลอนน่าสัมผัส และสองเม็ดเล็กๆ บริเวณหน้าอกก็ยังมีสีอมชมพูสะดุดตาอีกต่างหาก เธอจึงเลือกที่จะไม่สนใจแล้วหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาแขวนต่อ เพราะถ้ามองนานกว่านี้หน้าของเธอคงจะแดงเป็นลูกตำลึงแน่ ๆ
ธีร์ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไร เพราะเธอไม่ถือ แต่เขาถือ ทำได้แค่รีบหยิบเสื้อผ้าแล้วเข้าไปใส่ในห้องน้ำแทน
ธีร์แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย พรีมก็เข้าไปอาบน้ำต่อ พอออกจากห้องน้ำมาก็เห็นเจ้าของห้องนั่งทำงานอยู่ที่โซฟากับโน้ตบุ๊กคู่ใจ เธอจึงขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงที่ถูกคั้นกลางด้วยหมอนข้างสองใบที่วางติดกัน เพื่อไม่ให้อีกคนลุกล้ำพื้นที่ที่ตกลงกันไว้
“ปกติพี่ธีร์เข้านอนกี่โมงเหรอคะ”
“ถามทำไม”
“ก็ไม่ทำไมค่ะ พรีมแค่อยากรู้ว่าคนที่จะนอนด้วยเข้านอนกี่โมง นอนดึกกว่าหรือนอนเร็วกว่าก็แค่นั้น”
“ห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนไม่เกินนี้”
“อ่อ โอเคค่ะ คงพอๆ กัน” เข้านอนในเวลาใกล้เคียงกันก็โอเคหน่อย เธอก็แค่ถามเผื่อว่าเธอจะนอนดึกกว่าแล้วเผลอทำให้อีกคนรำคาญใจ
ระหว่างที่พรีมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูอะไรเรื่อยเปื่อยในโลกโซเชียล เพื่อนรักอย่างนิวเยียร์ก็ส่งข้อความเข้ามา
……….
Newyear : (คลิปวิดีโอ)
Newyear : ห้ามเปิดเสียงดังนะ เดี๋ยวคู่หมั้นของแกจะตกใจ 5555
………..
“คลิปบ้าอะไรของแก ถึงได้ห้ามเปิดเสียงดัง” พรีมกระตุกยิ้มส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ แต่ก็ไม่ได้ทำตามที่เพื่อนบอก พอเปิดคลิปขึ้นมาเท่านั้นเสียงครวญครางแบบรีมิกซ์ก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“อ๊ะ อ๊ะ อา…. อะ อา… อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ”
คนที่กำลังดูคลิปด้วยใบหน้าระรื่นราวกับไม่ได้รู้สึกอะไรกับเสียงที่ดังกังวานไปทั่วห้อง แต่คนที่ไม่ได้อยากรับฟังแต่มันได้ยินเข้าหูนี่สิถึงก็หายใจไม่ทั่วท้อง จนต้องหันไปหาต้นตอของเสียง
“เธอช่วยเบาเสียงหน่อยได้ไหม” ประโยคแรกเขาพูดเสียงแข็งราวกับออกคำสั่ง “ยัยเด็กแก่แดด” ประโยคถัดมาเขาแค่ทำปากมุบมิบเสียงเบา แต่อีกคนที่กดลดเสียงลงก็ได้ยินเข้าพอดี
“แก่แดดที่ไหนกันคะ อายุยี่สิบแล้วค่ะ” พรีมตอบอย่างไม่รู้สึกรู้สา
“ถ้าชอบคลิปแบบนั้นก็หัดเก็บไว้ดูคนเดียว ไม่ต้องเผื่อแผ่ให้คนอื่นได้ยิน”
“ก็สนุกดีนะคะ ดูแล้วตื่นเต้นและเร้าใจดีออก” พรีมตอบพลางขยับตัวล้มลงนอนคว่ำหน้า แล้วใช้สองมือวางเท้าคางเอียงหน้ามองคนหล่อที่ดูไม่เป็นตัวของตัวเอง
คนที่อยู่บนเตียงคงไม่ทันได้คิดว่าชุดนอนแบบสายเดี่ยวที่เธอใส่อยู่นั้น มันทำให้เห็นก้อนกลมตรงหน้าอกที่ถูกดันกับเตียงนอนจนนูนล้นเสื้อชั้นในออกมาแทบจะเห็นทั้งลูก
“เธอช่วยนอนให้มันดีๆ หน่อยได้ไหม” ธีร์เอ่ยพลางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ลมหายใจติดขัดและเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั่วใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ ที่ผุดพลายขึ้นมา
“ก็นอนดีแล้วนะคะ” ขณะที่ตอบกลับพรีมก็ก้มหน้าลงมองที่สองเต้าอวบที่ล้นบราออกมาถึงกับหลุดขำแล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย
“อะไรที่ไม่ควรมองพี่ธีร์ก็อย่ามองสิคะ แต่ถ้าอยากมองพรีมก็ไม่ว่านะคะ คริคริ” พรีมเอ่ยกับคนที่หลบสายตา แล้วหัวเราะตบท้ายเบาๆ ให้กับคนเสียอาการ
“หึ เธอนี่ดูเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองดีนะ คิดว่าเนื้อตัวของเธอมันน่ามองนักรึไง” ธีร์แค่นหัวเราะหันมามองหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงโดยไม่กระพริบตา
“พรีมไม่ได้อยากให้พี่มองสักหน่อย อ้อ แล้วจำคำของพี่ไว้ด้วยนะคะว่าพรีมมันไม่น่ามอง อย่าเผลอมามองแล้วคิดมิดีมิร้ายกับพรีมก่อนก็แล้วกัน”
พรีมรู้สึกเสียความมั่นใจ รีบดันตัวลุกขึ้นแล้วเอนตัวลงนอนที่หมอนของเธอ แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาปกคลุมจนถึงหน้าอก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูอะไรที่มันจรรโลงใจมากกว่าการเห็นหน้าคู่หมั้นที่เอาแต่ปากเก่งและเย็นชาใส่เธอ
คนอะไรนอกจากจะมีดีแค่หน้าตาแล้วอย่างอื่นไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แล้วตัวเธอมันไม่น่ามองตรงไหน ทั้งสูง ทั้งขาว หุ่นก็ดี ก้อนกลมสองเต้าก็อวบใหญ่ จับตรงไหนก็นุ่มมือขนาดนี้ ตาต่ำจริงๆ ที่มองไม่เห็นความสวยความงามในตัวของเธอ
แล้วคลิปที่นิวเยียร์ส่งมาให้ดู มันก็เป็นแค่คลิปตลกที่คนในคลิปพากันไปเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวในสวนสนุก ขนาดเธอดูก็ยังยิ้มและหลุดขำออกมาเบาๆ เลย เขายังไม่ทันได้ดูมันเลยด้วยซ้ำ ก็หาว่าเธอดูคลิปอะไรก็ไม่รู้ แล้วยังจะมาว่าเธอแก่แดดและไม่น่ามองอีก ไอ้ผู้ชายปากเสีย
“ไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอน” ธีร์รีบตอบกลับอย่างไม่ต้องคิดด้วยความมั่นอกมั่นใจ
“ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกันค่ะ”