บทที่3 โอกาส

2793 Words
วันต่อมา ณ บ้านไกรณรงค์เนตรนภากำลังนั่งพูดคุยกับบัวตองอยู่ตรงห้องรับแขกบนโซฟาหลังจากที่เธอพึ่งจะมาถึงที่บ้าน โดยมีวินนั่งอยู่ด้วยห่างๆ เขาไม่รู้ว่าคิดผิดหรือคิดถูกที่พาเด็กสาวเข้ามาในบ้าน แต่ในเมื่อมันเป็นความต้องการของมารดาเขาก็ยินดีจะทำให้เพราะทั้งบ้านเหลือกันแค่สองคนแม่ลูกเท่านั้น ส่วนบิดานั้นเสียไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว "มาอยู่กับฉันที่นี่นะ" "ค่ะ หนูต้องขอบคุณมากนะคะ ที่เมตตาหนู แต่ว่า" บัวตองอึกอักไม่กล้าถาม "มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ" "คือหนูอยากจะรู้เหตุผลที่คุณ เมตตาเอ็นดูหนูคะ ทั้งๆ ที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คุณไม่กลัวหนูเป็นคนไม่ดีเหรอคะ" "งั้นฉันจะถามตรงๆ เลยก็แล้วกันนะ หนูเป็นคนดีหรือเปล่าล่ะจ๊ะ" "ค่ะ" "นั้นไงหนูเป็นคนดีฉันไม่เห็นจะต้องกลัวอะไรเลย อีกอย่างที่ฉันรับอุปการะหนูก็เพราะฉันอยากจะมีลูกสาว มาเป็นลูกสาวของฉันนะ" "ค่ะ หนูขอบพระคุณมากเลยนะคะ" บัวตองพนมมือไหว้ลงบนตักเนตรนภาอย่างนอบน้อม "จ้ะ ตั้งใจเรียนล่ะ หลังเรียนจบจะได้มีงานดีๆ ทำเลี้ยงตากับยาย" "ค่ะ" บัวตองยิ้มรับ "ส่วนเรื่องที่พัก ก็พักในบ้านนี้เลยก็แล้วกันนะ" "ผมว่าอย่าดีกว่าครับ" วินแย้งมารดาขึ้นทันควัน "ไม่เอาน่าวิน ห้องว่างก็มีตั้งหลายห้อง ให้หนูบัวเขาอยู่สักห้องจะเป็นไรไป อีกอย่างบ้านก็หลังใหญ่โตถือซะว่าหนูบัวเขาเป็นน้องสาวของลูกก็แล้วกันนะ บ้านเราจะได้ไม่เหงา" "เราก็อยู่กันแค่สองคนแม่ลูกมาตั้งนาน จะอยู่แบบเดิมมันคงจะไม่เป็นอะไรหรอกมั้งครับ" "หนูพักอยู่กับป้าแม่บ้านจะเหมาะกว่าค่ะ" บัวพูดพลางหันไปทางหญิงสูงวัยที่ยกของว่างเข้ามาพอดี "อยู่ที่นี่แหละ ไม่ต้องไปฟังใครทั้งนั้น" เนตรนภาเอ่ยเสียงแข็งหันไปทางลูกชาย "แต่ว่าหนู" บัวตองหันไปมองหน้าวินด้วยความลำบากใจ "ตามใจครับ คุณแม่อยากจะทำอะไรก็ตามสบายเลย " พูดจบวินก็ลุกเดินออกไปทันที แค่ส่งเสียให้เรียนกับให้ที่ซุกหัวนอนมันก็มากพอแล้ว ไม่รู้ว่ามารดาจะยกเด็กไร้หัวนอนปลายเท้าขึ้นมาเสมอตัวเองทำไม ไม่ใช่เขารังเกียจอะไรเธอหรอกออกจะเอ็นดูสงสารด้วยซ้ำ แต่ต้องดูความเหมาะสมด้วยว่าควรหรือไม่ควร "อย่าไปสนใจพี่เขาเลยนะ พี่เขาก็เป็นแบบนี้แหละ" "ค่ะ" เนตรนภาพาบัวตองไปยังห้องนอนชั้นบนที่อยู่ข้างๆ กับห้องของวิน ทันทีที่เด็กสาวเดินตามหลังเจ้าของบ้านเข้าไปเธอก็กวาดสายตามองไปทั่วห้องเพื่อจะสำรวจห้องนอนใหม่ที่เธอไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าตนเองจะได้มีโอกาสได้นอนในห้องที่กว้างขวางที่มีครบทุกอย่างแบบนี้ในชีวิตมาก่อน "เป็นไงจ๊ะ ชอบไหม" "ค่ะ หนูชอบมากเลย" "ถ้าหนูชอบฉันก็ดีใจ จะได้อยู่กับฉันอย่างมีความสุข" "ขอบคุณค่ะ" บัวตองพนมมือไหว้ "ว่าแต่พ่อกับแม่ของหนูล่ะ พวกเขาไปไหน ถึงได้ทิ้งหนูไว้กับตายาย" "เอ่อ คือพ่อกับแม่ของหนูเสียไปตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะ" "โธ่ น่าเวทนาจริงๆ เลย" เนตรนภาสวมกอดปลอบบัวตองไว้ด้วยความสงสาร "อุ่นจังเลยค่ะ" บัวตองกอดตอบ "ให้ฉันเป็นแม่ของหนูนะ" "อะไรนะคะ! " บัวตองตกใจ "ไม่ต้องตกใจหรอกจ๊ะ ฉันมีลูกชายแค่คนเดียว ก็เลยอยากมีลูกสาวบ้าง ให้ฉันเป็นแม่ของหนูเถอะนะ" "ได้ค่ะคุณแม่ ขอบคุณนะคะ ที่เอ็นดูหนู" บัวตองยิ้มทั้งน้ำตา "ตั้งใจเรียนล่ะ จบแล้วจะได้ทำงานกับพี่วินเขา" เนตรนภาลูบศีรษะบัวตองไปมาด้วยความเอ็นดู "ค่ะ หนูจะไม่ทำให้คุณแม่ผิดหวัง" คล้อยหลังเนตรนภาออกไปบัวตองก็เดินสำรวจไปจนทั่วห้อง แล้วไปหยุดทรุดตัวนั่งลงที่เตียงนุ่มกว้าง ในเวลานี้เหมือนโลกหยุดหมุนเหวี่ยงเธอลงมายังที่ ที่เธอไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะมีโอกาสอยู่ในบ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้ ในเมื่อมีคนเมตตาและหยิบยื่นโอกาสให้เธอก็จะทำให้ดีที่สุดยิ้มให้กับตัวเองทั้งน้ำตา ภายในห้องรับประทานอาหารระหว่างที่รอวินมาร่วมโต๊ะด้วย เนตรนภาก็ไม่ลืมแนะนำสมาชิกในบ้านอีกสามคนให้บัวตองรู้จัก ซึ่งเป็นแม่บ้านกับคนขับรถของบ้าน ทันทีที่เนตรนภาแนะนำป้าณีกับป้าศรีและลุงสมหมายบัวตองก็ไม่ลืมยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมพร้อมกับส่งยิ้มให้ พอทั้งสามคนได้รับการเคารพจากเด็กสาวก็เกิดความเอ็นดูขึ้นมา นั่งรอสักพักวินก็เดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะพร้อมกับหันไปมองเด็กสาวที่เพิ่งจะรับมาร่วมชายคาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย เขายอมรับว่าเด็กสาวเป็นเด็กที่มีเสน่ห์มากคนหนึ่งเขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมารดาของตนถึงได้เมตตาเอ็นดูเสียเหลือเกิน "เอาล่ะ ลงมือทานกันได้เลยจ๊ะ" เนตรนภาหันไปบอกบัวตองที่นั่งข้างๆ "ค่ะ" พยักหน้ารับ "ว่าแต่วันนี้งานที่บริษัทเรียบร้อยดีใช่ไหมลูก" "ครับ ผมให้ไอ้นพดูแทนแล้วครับ" วินกับนพเป็นเพื่อนสนิทกันมากตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว หลังจากเรียนจบวินจึงชวนนพมาทำงานกับบริษัทแปรรูปชาจากไร่ของเขา ทั้งคู่จึงได้มีโอกาสทำงานร่วมกันจนมาถึงทุกวันนี้ "จ้ะ งั้นเรื่องสมัครเรียนของหนูบัว วินจัดการให้แม่หน่อยนะลูก" "ครับ"รับคำด้วยใบหน้าเรียบเฉย "ขอบใจจ๊ะ ถือซะว่าหนูบัวเป็นน้องสาวของลูกก็แล้วกันนะ" "_____" วินเลือกที่จะเงียบตักอาหารเข้าปากแทน "ส่วนหนูบัวก็คิดซะว่าพี่วิน เขาเป็นพี่ชายของหนูก็แล้วกันนะ" "ค่ะ คุณแม่" บัวตองรับคำ วินได้ยินบัวตองเรียกมารดาตนเองว่าแม่ก็ชะงักนิ่งไปชั่วครู่ เขาไม่คิดเลยว่ามารดาจะใจดีให้เธอเรียกแม่ทั้งๆ ที่เธอเพิ่งจะเข้ามาอยู่ในบ้านยังไม่ถึงวัน ชายหนุ่มหันไปมองหน้าเด็กสาวด้วยความไม่พอใจ บัวตองจึงรีบก้มหน้าลงทันควันด้วยความเกรงกลัว "วินไม่ต้องแปลกใจหรอกลูก แม่ให้หนูบัวเขาเรียกเอง วินเข้าใจแม่นะ" "ครับ" วินรับคำอย่างว่าง่าย "แล้วบัวอยากจะเรียนคณะอะไร สาขาไหนล่ะลูก" เนตรนภาหันไปถามเด็กสาว "เอ่อ คือหนูยังไม่รู้เลยค่ะ" "ถ้าไม่รู้ว่าจะเรียนอะไร จะเปลี่ยนใจไม่เรียนก็ได้นะ" วินหันไปส่งสายตาดุใส่บัวตอง "ขอโทษค่ะ บัวแค่ยังคิดไม่ออกจริงๆ ค่ะ" บัวตองหน้าเจื่อนลง "วินอย่าพึ่งดุน้องสิ เห็นไหมน้องกลัวหมดแล้ว" "ก็มันจริงไหมล่ะครับ ปากบอกว่าอยากจะเรียน แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะเรียนอะไร" "มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ" บัวตองรีบปฏิเสธทันควัน "งั้นเอาเป็นว่าแม่ให้เวลาหนูไปคิดดูก่อน ว่าอยากเรียนอะไร คิดออกแล้วค่อยมาบอกพี่เขานะ" "ค่ะ" วินได้ยินอย่างนั้นก็ได้แต่ยกยิ้มมุมปากที่มารดาให้ความสำคัญกับเด็กสาวจนออกหน้าออกตาเหมือนกับลูกแท้ๆ ในไส้อยู่แล้วได้แต่ขบขันกับตนเองที่ดูท่าแล้วจะกลายเป็นหมาหัวเน่าในไม่ช้า หลังจากที่ทานมื้อเที่ยงเสร็จวินก็ตรงเข้าไปยังห้องทำงานของตนเองเพื่อเคลียร์งาน ส่วนเนตรนภาก็ไปเอนหลังอยู่ในห้องนั่งเล่น บัวตองจึงถือโอกาสเข้าไปช่วยงานในครัวระหว่างที่กำลังล้างจานไปในหัวก็คิดอยู่ตลอดเวลาว่าตนเองจะเรียนอะไรดีจนเธอล้างจานเสร็จก็ยังคิดไม่ออกเลย "มีอะไรให้บัวช่วยอีกไหมคะ"เสียงหวานเอ่ยขึ้น "ไม่มีแล้วจ๊ะ หนูไปพักเถอะ เดี๋ยวคุณนายจะดุเอา" ป้าณีเอ่ยขึ้น "มีก็บอกได้นะคะ ไม่ต้องเกรงใจ หนูเป็นแค่ผู้อาศัย หนูอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระบ้างค่ะ" "จ้ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ป้าสองคนทำเองจะดีกว่าจ้ะ" ป้าศรีหันไปมองหน้าป้าณี "ก็ได้ค่ะ งั้นบัวขอตัวก่อนนะคะ" "จ้ะ ไปเถอะ" ป้าศรีส่งยิ้มให้เด็กสาว บัวตองเดินออกไปจากห้องครัวตรงไปหาเนตรนภาในห้องนั่งเล่น เนตรนภาจึงถือโอกาสพาเธอเดินสำรวจรอบบ้านและในบ้านเพื่อให้เธอรู้ทุกซอกทุกมุมของบ้านจนครบถ้วน จนไปถึงในห้องทำงานของวินเนตรนภาจึงเปิดประตูพาบัวตองเดินเข้าไป วินที่กำลังก้มหน้าทำงานอยู่ก็หันไปมองคนทั้งคู่ "โทษทีนะวิน แม่แค่อยากจะพาหนูบัวมาดูห้องทำงานของลูกสักหน่อย" "ครับ" หันไปมองหน้าบัวตองแวบหนึ่ง "ถ้าบัวอยากจะอ่านหนังสืออะไร ก็หยิบไปอ่านได้เลยนะลูก" เนตรนภาหันไปทางเด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง "ค่ะ" รับคำพร้อมกับกวาดสายตามองชั้นวางหนังสือไปรอบห้อง "เข้าไปเลือกเลยสิลูก จะเอาไปอ่านที่ห้องกี่เล่มก็ได้ตามใจหนูเลย ไปสิจ๊ะ" "ค่ะ" บัวตองเดินตรงไปยังชั้นวางหนังสือพร้อมกับหยิบหนังสือเล่มหนาติดมือมาสองเล่ม "ไหนหนูเลือกหนังสืออะไรมาอ่านจ้ะ"เนตรนภาถามเด็กสาว "เกี่ยวกับการเงินและการบริหารธุรกิจค่ะ"บัวตองเอ่ยยิ้มๆ  "หึ" วินยกยิ้มมุมปาก "ดีเลยจ๊ะ อ่านไว้ก็ดีเหมือนกัน เราไปกันเถอะ" "ค่ะ" บัวตองรีบเดินออกไปจากห้อง "แม่ไปก่อนนะลูก" เนตรนภาหันไปทางลูกชาย "ครับ" ช่วงกลางดึกของวันบัวตองนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงด้วยอาการนอนไม่หลับ เพราะในหัวสมองเอาแต่คิดเรื่องเรียนต่อ จนเธอตัดใจได้แล้วว่าจะเรียนคณะไหนสาขาใด จากนั้นก็หลับตาลงพรุ่งนี้เช้าเธอจะบอกเนตรนภาเองว่าเธอเลือกได้แล้วว่าอยากจะเรียนอะไร วันต่อมา เช้าวันใหม่ภายในห้องรับประทานอาหารเนตรนภากับบัวตองกำลังนั่งทานมื้อเช้าอยู่ด้วยกันเพียงสองคนเพราะวินยังไม่ตื่นนอน ระหว่างที่ทานไปเนตรนภาก็ตักอาหารให้บัวตองอยู่ตลอด จนทำให้เธออดที่จะยิ้มตื้นตันขึ้นมาไม่ได้ "ขอบคุณค่ะ" เงยหน้าขึ้นมองเนตรนภา "ทานเยอะๆ นะลูก" เนตรนภาลูบศีรษะบัวตองไปมา "ค่ะ คุณแม่" "ว่าแต่หนูตัดสินใจหรือยังว่าจะเรียนคณะอะไรสาขาไหน" "ค่ะ บัวอยากจะเรียนคณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการค่ะ" "ดีเลยจ๊ะ พอจบก็ทำงานกับพี่วินเขาเลยหรือถ้าอยากจะทำอะไรเป็นของตนเองถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกทีก็กันนะ" เนตรนภาส่งยิ้มให้บัวตองด้วยความเอ็นดู เธอหวังว่าเด็กสาวจะมีอนาคตที่ดีและชีวิตที่ดีขึ้นแค่นี้เธอก็พอใจแล้วอย่างน้อยเธอก็ได้ช่วยคนที่ขาดได้เติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายไป และไม่หวังจะได้รับสิ่งตอบแทนกลับคืนมาใดๆ เลย เท่านั้นเธอก็สุขใจแล้ว "ค่ะ บัวจะตั้งใจเรียนให้จบจะไม่ทำให้คุณแม่ผิดหวังเลยค่ะ" "จ้ะ ได้ยินอย่างนี้แม่ก็ชื่นใจแล้วล่ะ" "ขอบคุณนะคะ ที่เมตตาเอ็นดูเด็กกำพร้าอย่างหนู" เอ่ยเสียงสั่นเครือน้ำตาคลอเบ้า "ไม่เอาน่า หนูเป็นสาวแล้ว จะขี้แยร้องไห้แบบเด็กๆ ไม่ได้แล้วนะ เข้มแข็งเอาไว้ลูก" โอบกอดปลอยบัวตองเอาไว้ "ค่ะ หนูจะเข้มแข็งเพื่อตากับยาย" "เก่งมากลูกสาวแม่" ลูบศีรษะบัวตองไปมา หลังทานมื้อเช้าเสร็จบัวตองก็เดินไปส่งเนตรนภาที่รถเพื่อไปทำธุระข้างนอก แต่ก่อนที่หญิงสูงวัยจะขึ้นไปนั่งบนรถก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยเตือนให้บัวตองไปบอกเรื่องคณะที่เลือกจะเรียนให้วินทราบเรื่องด้วยตนเอง ซึ่งเธอก็รับคำเป็นอย่างดี คล้อยหลังรถลับตาไปบัวตองก็เดินเข้าบ้านตรงไปยังห้องครัว เพื่อช่วยงานในครัวซึ่งเป็นงานที่เธอถนัดมากที่สุด ถึงป้าชุ่มกับป้าศรีจะห้าม แต่เธอก็ไม่ยอมด้วยความที่เธอเกรงใจและอยากจะทำตัวให้มีประโยชน์กับเจ้าของบ้านให้ได้มากที่สุด เพราะเธอไม่ได้วิเศษวิโสมาจากไหน  จนเวลาล่วงเลยไปถึงช่วงสายของวันภายในห้องนั่งเล่นในระหว่างที่บัวตองกำลังนั่งดูทีวีไปเพลินๆ ป้าณีที่ขึ้นไปชั้นบนพึ่งจะลงมาก็เดินตรงเข้ามาหาเธอพร้อมกับบอกว่าวินตื่นนอนแล้ว เธอได้ยินอย่างนั้นก็รีบเดินตรงไปยังห้องของชายหนุ่มพร้อมกับเคาะประตู รอไม่นานประตูห้องก็เปิดออก "มีอะไร" ชายหนุ่มเอ่ยถามเด็กสาวพลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมไปด้วย "คือบัวจะมาบอกคุณว่าบัวเลือกคณะที่อยากจะเรียนได้แล้วนะคะ" พูดพลางก้มหน้าไม่ยอมสบตากับชายหนุ่ม "ไปคุยกันในห้องทำงานดีกว่า เอากาแฟไปให้ฉันด้วย" "ค่ะ" รับคำเดินลงไปข้างล่างทันที บัวตองกลับขึ้นมาข้างบนพร้อมกับถ้วยกาแฟที่เธอชงด้วยฝีมือตนเองตามที่ป้าแม่บ้านบอก พอเคาะประตูห้องสองสามครั้งเธอก็เปิดเข้าไปโดนที่มืออีกข้างถือถาดใส่ถ้วยกาแฟไว้ ส่วนวินกำลังคุยโทรศัพท์อยู่เธอจึงยกถ้วยกาแฟวางลงบนโต๊ะอย่างเบามือที่สุดแล้วถอยหลังไปยืนอยู่ห่างๆ ชายหนุ่มที่ยืนหันหลังให้เธออยู่ "แค่นี้ก่อนนะ ที่รัก" วินกรอกเสียงใส่ปลายสายแล้วกดวางสายทันที หลังจากวางสายไปวินก็หันไปสนใจถ้วยกาแฟร้อนๆ ที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นตรงหน้า พร้อมกับยกขึ้นมาจิบแล้ววางลงหันไปมองบัวตองที่ยืนนิ่งมองชายหนุ่มด้วยแววตาใสชื่ออยู่พอดี วินเห็นอย่างนั้นก็ยกยิ้มมุมปากด้วยความขบขันกับท่าทางอ่อนต่อโลกของเธอ ซึ่งความไร้เดียงสานั้นมันทำให้เขาอดที่จะหวั่นใจไม่ได้ "มีอะไรจะบอกฉัน ก็พูดมาสิ" "คือบัวตัดสินใจได้แล้วค่ะ ว่าจะเรียนคณะอะไรสาขาไหน" "แล้วเธออยากจะเรียนอะไรล่ะ" "บัวอยากเรียนบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการค่ะ" "ก็ไม่เลวนี่ ฉันจะไปจัดการเอกสารการสมัครเรียนให้ก็แล้วกันนะ" พูดพลางนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย "ขอบคุณนะคะ"  บัวตองส่งยิ้มกว้างให้ชายหนุ่ม "คิดซะว่าฉันเป็นพี่ชายของเธอก็แล้วกันนะ ไหนๆ คุณแม่ก็ต้องการให้เป็นแบบนั้นแล้ว" "ค่ะ พี่วิน" บัวตองยิ้มรับ "แล้วคุณแม่ล่ะ" "คุณแม่ออกไปทำธุระข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ" "อืม ออกไปเถอะ ฉันจะทำงานต่อ" "ค่ะ" บัวตองเดินออกมาจากห้องทำงานของชายหนุ่มด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม เธอดีใจที่ทุกคนในบ้านเมตตาเอ็นดูเธอเกินกว่าที่เธอจะคาดคิดไว้มาก โดยเฉพาะวินที่ไม่เห็นด้วยกับเนตรนภาที่จะอุปถัมภ์เธอตั้งแต่แรกอีกทั้งชายหนุ่มยังมีท่าทีไม่ค่อยจะชอบเธอสักเท่าไหร่ แต่วันนี้กลับยอมรับเธอเป็นน้องสาวเสียอย่างนั้น ร่างบางเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตนเองพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าขึ้นมากดโทรหายายกับตาเพื่อบอกข่าวคราวของตนเองให้ท่านทราบเรื่อง ซึ่งทั้งสองคนก็ดีใจกับหลานด้วยและไม่ลืมย้ำเตือนให้เด็กสาวให้รู้จักบุญคุณคนและตอบแทนในเมื่อมีโอกาส ซึ่งเธอก็รับปากอย่างหนักแน่น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD