บทที่7.ค้นหา...
“ปะ เปล่า” หญิงสาวกลั้นใจตอบ
“ปีนี้ฉันปาเข้าไปสามสิบห้า มีหรือจะดูไม่ออกหะ!!” ชายหนุ่มตะคอก เรียวคิ้วขมวดเป็นปม เขาคิดจนหัวจะแตกยังคิดไม่ออก ทำไมเมรีถึงไม่อยากให้ลูกชายของหล่อนเข้าใกล้เขา ดูเหมือนหล่อนจะเป็นจะตายทุกครั้งหากอันนามาอยู่กับเขา
“ดิฉันเป็นแม่ของอันอัน ทำไมจะไม่ดีใจคะถ้ามีคนรักแกเพิ่ม แต่...” เมรีเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม แววตาเธอเด็ดเดี่ยวและพร้อมกางปีกปกป้องบุตรชาย “ระหว่างคุณกับอันอัน มันห่างชั้นกันมาก... วันไหนที่คุณหมดสนุก ความรู้สึกนั่นมันจะทำให้แกเสียใจ ดิฉันในฐานะแม่... ก็เลยต้องพยายามกันแกออกไปก่อนที่จะสายจนแก้ไม่ทัน” หลังใคร่ครวญในใจ เหตุผลของเธอคงพอฟังขึ้นโดยที่อีธานไม่ระแคะระคาย เมื่อเขามันก็แค่ผู้ชายขี้เบื่อ วันไหนที่เขาหมดสนุก ในการ ‘แกล้ง’ เธอ เขาก็คงหายหน้าหายตาไปเอง แต่อันนาไม่เกี่ยว ความผูกพันนั่นจะทำให้บุตรชายของเธอเสียใจ แววตาที่เขามองอีธานนั้น แตกต่างจากคนอื่นๆ อันนามองชายหนุ่มแบบเทิดทูน จนเธอเองยังใจหาย!!
“แปลก...” อีธานยกมือเกาคาง ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่วงหน้าของหญิงสาวข้างตัว
เมรีกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เธอกระชับกอดอันนาแน่นขึ้น
“มีอะไรแปลกคะ...คุณเป็นเจ้าชายยืนอยู่บนหอคอยนู๊น!!” เมรีลากเสียงยานคาง มุมปากเธอเบ้ลงนิดๆ “แต่อันอันของดิฉันเหมือนเด็กขายพวงมาลัยบนท้องถนน มีโอกาสได้รู้จักกับคุณก็เพราะพระพรหมเล่นตลก อันอันจะจำคุณไว้ในใจ ในขณะที่อีกไม่กี่วันคุณก็จะลืมแก...” ความเป็นจริงที่อีธานเถียงไม่ออก มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่ควรเกิดขึ้น เขากับอันนาไม่ควรได้เจอกัน เมื่อความห่างชั้นเป็นตัวขัดขวางอย่างดี พรหมลิขิตชักพาให้มาเจอกัน และพรหมลิขิตอีกเช่นกัน ที่ทำให้ต้องห่างไกล ก่อนที่อีธานจะสะกิดใจ เธอควรโน้มน้าวให้เขา...ยอมรามือจากอันนา “ฉันไม่มีวันลืมเจ้าหนูนี่หรอก” อีธานหลบตา เขาผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ เปรยลอยๆ เหมือนบอกกล่าวให้เมรีรับรู้
แม่ลูกหนึ่งยังสวยพริ้งเม้มปากแน่น เธอไม่ได้ตอบโต้ แม้จะรู้สึกดีใจกับคำตอบนั่น สายใยระหว่างพ่อ-ลูกคงเหนียวแน่นพอดู ความรู้สึกนั่นจึงทำให้อีธานรู้สึกเช่นนั้น
“ฉันขอแล้วกัน...ช่วงที่ฉันอยู่ ฉันขอเจอกับไอ้หนูนี่อีก”
ชายที่ไม่เคยยอมอ่อนข้อให้ใครเอ่ยเสียงล้าๆ เพียงแค่คิดว่า เขากับเด็กชายจะไม่ได้เจอกันอีก
เมรีสะอึกอึ้ง เธอชั่งใจก่อนตอบ “ค่ะ แต่คงบ่อยไม่ได้ คุณคงรู้นะคะว่าดิฉันหมายถึงอะไร?”
“อืม...” ชายหนุ่มครางรับ หนักอึ้งไปทั้งหัวใจ เมื่อชำเลืองมองเด็กชายบนตักของหญิงสาวข้างตัว
ไม่มีใครเอ่ยปากหลังจากนั้น ภายในตอนหลัง เงียบเหมือนนั่งอยู่กลางป่าช้าในคืนเดือนมืด จวบจน...รถยนต์ที่วิ่งมาด้วยความเร็วคงที่ จอดสนิทเทียบฟุตบาท ประตูด้านข้างฝั่งของหญิงสาวถูกเปิดออกด้วยฝีมือของการ์ดคนหนึ่งของอีธาน เขาค้อมตัวลง เอ่ยเสียงแผ่ว
“ถึงบ้านคุณผู้หญิงแล้วครับ”
เมรีขมวดคิ้วนิดๆ เธอเอียงคอมองด้านนอก รู้สึกตระหนกเล็กๆ เพราะทิวทัศน์คุ้นตา แค่แปลกใจเธอไม่ได้บอกเขาสักคำ ทำไมคนของอีธานถึงรู้
“ส่งไอ้หนูนั่นมาเถอะ เธออุ้มไว้นานแขนคงชา ไม่ต้องปลุกหรอก ฉันอุ้มไปส่งเอง”
มือแข็งแรงสอดเข้ามาใต้ตัวอันนา มันเฉียดเนินอกของเธอจนเมรีผงะ เธอถลึงตาใส่เขา แต่ก็ยอมปล่อยบุตรชายให้เขาอุ้มโดยดี
“นำสิ เธอคงไม่อยากให้คนข้างในนั้นตกใจใช่มั้ย?”
ชายหนุ่มพยักพเยิดใส่ เมรีก้มหน้าลง เขารู้ไปหมด แต่ก็ยังอวดเบ่งเหมือนเคย
“ความจริงปลุกอันอันให้ตื่น คุณก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้นะคะ”
เมรีเปรยลอยๆ เธอรู้ดี หากอีธานต้องการจะทำ ก็ไม่มีใครขัดเขาได้...
“อันอันเป็นอะไรไปลูก เกิดอะไรขึ้น!!” เก่งกาจผุดลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว เมื่อเมรีเดินเข้ามาในบ้าน พร้อมกับอาคันตุกะคุ้นหน้า ในอ้อมแขนของเขามีหลานชายสุดรัก
“เปล่าคะพ่อ อันอันแค่นอนหลับ” เมรีรีบปฏิเสธ เธอชี้มือให้อีธานวางบุตรชายของเธอบนโซฟาตัวใหญ่ “นี่มิสเตอร์อีธาน จาง เจ้านายหนูเองค่ะ ท่านว่างงานเลยกรุณามาส่ง” หญิงสาวเอ่ยแนะนำ เธอจัดท่านอนให้อันนา จึงไม่เห็นว่าระหว่างสองหนุ่มต่างวัย จ้องมองกันแบบคนคุ้นเคย
ชายวัยกลางคนที่ผ่านร้อน ผ่านหนาวมานานหรี่เปลือกตาลง เขากวาดตามองชายร่างใหญ่ที่หนุ่มกว่าแบบประเมิน เขาเริ่มรู้สึกแหม่งๆ กับความใส่ใจที่อีธานมีให้กับเมรีและอันนา
“ไม่คิดว่าประธานบริษัทใหญ่ๆ จะมีเวลาใส่ใจลูกน้องขนาดนี้นะครับ” เก่งกาจเปรย
“ก็ไม่ได้ว่างนักหรอก แต่อยากมาส่งน่ะ” อีธานตอบกวนๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับการต้อนรับแบบไม่ใคร่เต็มใจ จากบ้านผู้หญิง ธรรมดา บรรดาพ่อ-แม่ฝ่ายหญิง หากเขาเผลอตัวเหยียบย่างเข้ามาในบ้าน อีธานแทบจะถูกอุ้ม แต่นี่เป็นการต่อต้านแบบไม่ไว้หน้า ไม่เกรงสักนิดว่าเขาจะไม่พอใจ
“ทานน้ำให้ชื่นใจก่อนคะ ไปไงมาไงกันคะนี่” เสียงอ่อนนุ่มของคุณไพลินดังขัดจังหวะ ก่อนที่คุณพ่อหวงลูกสาวจะแขวะอาคันตุกะเพศชายให้เกิดเรื่องเสียก่อน
“คุณน้ารู้จักเขาเหรอคะ?” เมรีเอ่ยถาม เมื่อคนในบ้านของเธอ มีทีท่าเหมือนรู้จักชายหนุ่มเป็นอย่างดี
“เอ่อ...ก็นิดหน่อยจ้ะ” ไพลินตอบ เธอยิ้มกร่อยๆ ให้ลูกเลี้ยง
“พ่อคะ?” บิดาของเธอปิดบังอะไรไว้ ทำไมเธอจึงไม่รู้เรื่องนี้ มันน่าแปลกใจตั้งแต่ครูที่โรงเรียนอนุญาตให้อีธานพาอันนาออกไปพ้นบริเวณโรงเรียนแล้ว มันหมายความว่า...นี่ไม่ใช่ครั้งแรก “มีอะไรที่หนูยังไม่รู้อีกมั้ยคะ?” เมรีเอ่ยคาดคั้น มีอะไรอีกที่เธอยังไม่รู้ หญิงสาวแทบจะร้องกรี๊ดๆ เมื่อบิดามีสีหน้าลำบากใจ
“ฉันมาที่นี่เกือบเดือนแล้ว...แค่ไม่เคยเจอเธอ” อีธานเป็นคนเฉลย เขาเข้านอก ออกในบ้านเมฆาไกรเป็นประจำ มาหาอันนา โดยไม่เคยเจอเมรี
“คะ” หญิงสาวคราง เธอถอยหลัง รีบหาที่นั่ง มือเรียวเย็นเฉียบ ขาอ่อนแรงลงดื้อๆ
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน...เธอคงเหนื่อย ฉันกลับก่อนนะ ไอ้หนูวันพรุ่งนี้อยากกินอะไรมั้ย จะได้ให้หยางหามาให้” ชายหนุ่มกล่าวกับเมรี เขาตะโกนถามอันนา โดยที่เมรีได้แต่นั่งเบิกตาโตๆ
“ไม่ค่ะ ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ ไม่ว่าวันนี้ หรือพรุ่งนี้” เมรีทะลึ่งพรวด เธอลุกขึ้นยืน ตะโกนเสียงดังแม้แต่เก่งกาจยังตกใจ
“หืม” ชายหนุ่มหยุดยืน เขายกมือกอดอก หรี่ตามองผู้หญิงตรงหน้า อะไรทำให้หล่อนรังเกียจเขา? นั่นคือคำถามที่เขาต้องรู้คำตอบ “เธอห้ามฉันไม่ได้หรอก ฉันจะมา” หากอยากเอาชนะ เขาจะทำให้หล่อนรู้จักคำว่าแพ้ เมื่อเขาไม่เคยรู้จักคำว่า...แพ้
“ใจเย็นๆ ลูก” เก่งกาจปรามเมรี ด้วยคำพูดและสายตา
ชายสูงวัยเริ่มสงสัย ระหว่างเมรีกับชายหนุ่ม มีอะไรมากกว่าที่เห็นหรือไม่?
หญิงสาวกัดริมฝีปากล่าง มือกำแน่น รู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าคนรอบตัวจะรู้ กลัวว่าอีธานจะสงสัย
เธอตัดสินใจเดินหนี มีสายตาคู่คมของอีธานมองตาม...
อีธานนั่งเงียบ ตลอดระยะเวลาที่รถยนต์คันโปรดของเขาวิ่งห่างออกมาจากบ้านเมฆาไกร...ท่าทีของเขาดูนิ่งๆ แต่ภายในใจกำลังร้อนรน เขาเริ่มสะกิดใจบางอย่าง...
มีความสงสัยค้างคาอยู่ในหัว...
เป็นไปได้หรือไม่? หากการที่เขากับเมรีมีความสัมพันธ์ทางกายกันครั้งนั้น...จะทำให้หล่อน ‘ตั้งท้อง’
ชายหนุ่มย้อนนึกถึงความหลัง มันนานจนเขาเกือบลืมรายละเอียด...แต่...