เสี่ยวเจิ้งถลาเข้ายื้ออินเฉิงไว้พยายามส่งภาษามืออธิบายว่าเสี่ยวเจิ้งไม่ได้ต้องการจะมาเป็นชายาท่านอ๋อง อินเฉิแกะมือเล็กออกผลักให้ล้มลงไปกองกับพื้น
“เจ้าคงเห็นว่า ข้าสูงส่งกว่าท่านอา แต่รู้ไว้ข้าเป็นฮ่องเต้ไม่กินของเหลือเดนจากคนอื่นไม่ต้องมายั่วยวนถูกเนื้อต้องตัวข้า อีกอย่างนู่นครัวไปเตรียมเครื่องเสวยก่อนที่ข้าจะฆ่าเจ้าเพราะความหิว”
ตวาดเสียงดังลั่น ไร้เหตุผล เสี่ยวเจิ้งทรุดลงไปกองกับพื้นก้มหน้านิ่งหยิบอาภรณ์มาสวมก้าวเดินเข้าห้องครัวไปอย่างยอมจำนน แต่ในใจเล่ากำลังคิดหาทางที่จะหนีไปจากที่นี่เสีย
ก่อไฟหุงข้าวในหม้อดินด้วยไฟอ่อนๆ ก้าวเดินไปยังห้องเก็บเสบียงที่อยู่ติดกันกับครัวกว้าง
ภายใน ห้องเก็บเสบียง ที่หนาวเหน็บเสี่ยวเจิ้งยกมือกอดอก ที่มองเห็นในตอนนี้คือ นกเป็ดน้ำที่ถูกเก็บไว้ โดยการนำมาหมักเครื่องพะโล้กันเน่าเหม็นให้เครื่องพะโล้แทรกซึมเข้าไปในเนื้อ เสี่ยวเจิ้งหั่นช่วงอกออกมาจากราวแขวนเดินถือเนื้อนกเป็ดออกมา ก้มลงขุดเหง้าขิงจากใต้ต้นดอกเหมยที่ขึ้นเป็นกอ ได้ขิงอ่อนแก่อย่างละครึ่งมองสำรวจไปทั่วบริเวณ
“หิวแล้ว ข้าหิวแล้วเจ้าทำอะไรอยู่หญิงใบไร้ศักดิ์ ชักช้าเสียจริง”เสี่ยวเจิ้งสะดุ้งโหยง
เสียงโวยวายจากด้านใน เสี่ยวเจิ้งเดินเข้าไปในครัวล้างหัวขิง หันเป็นเส้นบางๆ ส่วนเนื้อนกเป็ดพะโล้หั่นเป็นชั้นบางๆ ออกไปถอนต้นกระเทียมที่งอกเองมาล้างน้ำหั่นเป็นท่อนไว้ ใส่น้ำมันในกระทะเจียวกระเทียมพอหอมใส่เนื้อนกเป็ด ขิง และปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว โรยด้วยต้นกระเทียมหั่นท่อนคนสองสามทีตักขึ้นมาใส่จาน เปิดหม้อข้าวที่ไอร้อนลอยอ้อยอิ่ง กลิ่นข้าวหอมฉุย ยกไปวางตรงหน้า อินเฉิงที่นั่งเหยียดยาวยกมือกอดอกเหมือนที่เคยทำประจำในวังหลวง
“คงจะเคยทำแบบนี้มาบ่อยๆ หน้าที่สาวใช้ เหมาะกับเจ้าเสียบจริง”
ยกตะเกียบคีบเนื้อนกใส่ปากเคี้ยวงับๆ ด้วยความหิวหรือบางทีอาจลืมคิดไปว่ายังไม่ทันทดสอบพิษ รสชาติของอาหารในปากทำเอาอินเฉิงนิ่งงันเพราะสิ่งที่กินเข้าไปรสชาติดีกว่าเครื่องเสวยในวังหลวงเสียอีก ข้าวสาลีหุงร้อนๆถูกพุ้ยเข้าใส่ตามไปติดๆ เผลอดูดตะเกียบด้วยความอร่อย
“อือ อือ”
เสี่ยวเจิ้งส่งเสียงและภาษามือเหมือนจะบอกว่ายังไม่ได้ทดสอบพิษ
“เจ้า แสร้งห่วงใยข้าหรือว่าตั้งใจ ล่อหลอกข้าว่าเจ้าเป็นคนซื่อๆ จึงเตือนให้ข้าทดสอบพิษ
“.......”ส่ายหน้าไปมาหันหลังเสีย อินเฉิงรั้งไหล่บาง ส่งเนื้อนกเป็ดพะโล้เข้าไปในปากของเสี่ยวเจิ้งทันทีเสี่ยวเจิ้งหุบปากแน่น
“อ้าปาก อ้าปากเดี๋ยวนี้ หากมันมีพิษเราสองคนจะได้ตายพร้อมกัน”
เสี่ยวเจิ้งกัดริมฝีปากแน่น
“เจ้าลองดีกับข้าหรือ”ส่ง ท่อนเนื้อนกเป็ดเข้าปากคาบไว้ก่อนจะกดริมฝีปากป้อนเนื้อนกเป็ดเข้าไปในปากของเสี่ยวเจิ้งทันทีแบบไม่ต้องรีรอหรือทันระวังตัว
“ปล่อย”
เสี่ยวเจิ้งผลักอกกว้าง ยกมือขึ้นเช็ดริมฝีปาก ยกชายเสื้อขึ้นเช็ดริมฝีปากอีกทีจนเป็นรอยแดง อินเฉิงยิ้มหยัน
"แค่นี้ก็ทดสอบพิษได้แล้ว"
เสี่ยวเจิ้งบ้วนเนื้อนกออกมายกมือเช็ดปาดซ้ำๆ
“จะบอกให้นะข้าไม่อ่อนโยนเหมือนท่านอา ไม่หล่อเหลาเท่าท่านอาและอีกอย่างข้าไม่มีความอดทนเท่าท่านอา คราวหลังอย่าขัดคำสั่งข้า”
เสี่ยวเจิ้ง ไปที่หน้าต่างรินน้ำในเหยือกล้างปากของตัวเองเหมือนกับรังเกียจเสียเต็มที
“รังเกียจข้านักหรือ ฮ่าาารังเกียจข้าเพียงใดเจ้าก็หนีข้าไม่พ้น”
เสี่ยวเจิ้งส่งภาษามือว่า จะต้องหนีให้ได้สักวัน และจะไปให้ไกลๆ
“ฮ่าาาา ข้านี่ชอบเจ้าจริงๆ ช่างมีความพยายามยิ่งนักดูรึว่าจะหนีอย่างไร ข้าปล่อยเจ้าเป็นอิสระแล้วจะหนีก็หนีไปได้เลย”
เสี่ยวเจิ้งยิ้มบางๆ ส่งภาษามือบอกว่าเสี่ยวเจิ้งเองก็ไม่มีทางยอมแพ้
“ นั่นก็แล้วแต่เจ้าแต่ที่แน่ๆ ท่านอาจะต้องขอบคุณข้าในเมื่อครั้งนี้ หญิงใบ้ที่แสร้งว่าพูดไม่ได้เมื่อมาอยู่กับข้า นางกลับเอ่ยปากออกมาได้ อย่างน้อยก็คำว่าปล่อย เช่นนั้นข้าควรจะกระตุนให้เจ้าพูดบ่อยๆ ดีไหม"
ดึงร่างบางมาแนบอกก้มลงบดริมฝีปากกับปากบาง ไม่สนใจว่าอีกคนจะยกมือขึ้นปัดป้อง ดันร่างเล็กออกห่างเสี่ยวเจิ้งยังคงเช็ดปากจนแดงรเรื่อล้างน้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก อินเฉิงหัวเราะชอบใจที่เห็นท่าทีรังเกียจที่นางมีต่อเขา
“ไปจัดแท่นนอนให้ข้า วันนี้ข้าเหนื่อยมาทั้งวันเพื่อจัดการกับเจ้า ฉะนั้นข้าจำต้องพักผ่อนเสียหน่อย เจ้าเร่งไปจัดเตรียมแท่นนอนแล้วค่อยมากิน อย่าให้ข้าโมโหอีกแล้วบอกไว้ก่อนอินเฉิงไม่นิยมนอนเพียงลำพังเจ้า จำต้องเข้าไปนอนร่วมห้อง”เสี่ยวเจิ้งยกมือขึ้นกอดตัวเองไว้แน่นด้วยความตื่นกลัว อินเฉิงยิ้ม
“ทำทีเหมือนข้าเป็นเสือเป็นหมีข้าใบหน้าหล่อเหลาเพียงนี้ แม้จะน้อยกว่าท่านอาแต่ก็ไม่เป็นรองใครบางทีเจอบทสวาทข้าเขาไปอาจติดใจจนลืมท่านอาไปเลยก็ได้”
เสี่ยวเจิ้งยกมือขึ้นอุดหูเสีย ถึงอย่างนั้นเสียงหัวเราะเย้ยหยันก็ดังให้ได้ยินชัดเจน
จัดแท่นนอนเสร็จแล้วกินข้าวเสร็จแล้วก็จำต้องเดินมาที่ห้องเดียวกับอินเฉิง เพราะต้องการเลี่ยงปัญหา แต่ในใจคิดหาทางหนีทีหลังตลอดเวลา
แสงจันทร์ส่องลอดบานหน้าต่าง ท้องฟ้าสว่างสดใสราวกับกลางวันแสงดาวระยิบระยับมองเห็นชัดเจน หากไม่ถูกจับตัวมาและต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับอินเฉิง เสี่ยวเจิ้งคงนั่งมองดวงดาวอย่างเป็นสุข
“มานอน มานอนได้แล้ว”เสี่ยวเจิ้งส่ายหน้า เดินไปนั่งข้างฝาห้องยกมือขึ้นกอดรอบหัวเข่าระวังตัวอย่างที่สุด
“ข้าจะหลับได้ต้องมีคนคอยปรนนิบัติที่นี่ไร้ซึ่งขันที เจ้าจะต้องมาบีบนวดจนกว่าข้าจะหลับ”
เสี่ยวเจิ้งส่ายหน้าไปมากระชับอ้อมแขนที่กอดเข่าให้แน่นขึ้น
ริมฝีปากราวกับอิสตรีของอินเฉิงเปิดปากหาว
“เร็วเข้าข้าง่วงแล้ว”
เสี่ยวเจิ้งหลับตากลมโตลงเสีย แสร้งทำเป็นไม่สนใจอีกคนที่นอนหงายอยู่บนแท่นนอน