7.50 น. แล้วเหรอวะ?
“เหลืออีก 10 นาทีเหรอเนี่ย” ร่างสูงยักไหล่พลางเปิดโทรศัพท์เลื่อนดูเนื้อหาที่ตัวเองสรุปไว้สำหรับพูดพรีเซนต์งานในวันนี้แบบผ่านๆ
“เหลือเฟือ” อิทรีบเลื่อนมองเนื้อหาทั้งหมดแล้วก็โยนโทรศัพท์เข้ากระเป๋าทันที ร่างสูงรีบก้าวเดินออกจากห้องไปอย่างมั่นใจ
ณ ห้องเรียนของอิท
“สวัสดีเพื่อนอิท สภาพเหมือนหมาเลยนะครับ” ทันทีที่ก้าวเท้ามาถึงห้องเรียนที่คณะ เสียงทักทายอันสุดแสนจะสุภาพและมีคำเปรียบเปรยไม่น่าฟังก็ดังขึ้น
อิทธิพัชร์ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ แล้วโยนกระเป๋าไปที่โต๊ะข้างๆ คนทักแทบจะในทันที
“เออ...” ชายหนุ่มตอบรับคำทักทายของตินหรือตินภพสั้นๆ พลางมองไอ้คนที่ดูเป็นเด็กเรียนที่มีท่าทางสุภาพแต่ดันปากหมาซึ่งผิดกับภาพลักษณ์อย่างสิ้นเชิง
“ไง? กว่าจะมาได้นะยะ” ตามมาด้วยเสียงของยูกิที่นั่งอยู่ทางด้านขวามือของติน อีกฝ่ายพยายามโผล่หน้าเข้ามาทักทายแต่เขาก็ขี้เกียจจะสนใจ มือหนาหยิบหนังสือเล่มหนึ่งในกระเป๋าขึ้นมาอ่านด้วยท่าทางเมินเฉย
ยูกิส่งเสียงฮึดฮัดเล็กน้อยที่โดนเมินก่อนจะเบือนหน้าหนีไปแบบงอนๆ แต่อิทก็ยังคงไม่สนใจเพื่อนสาวเช่นเดิม เขาเอาแต่ก้มหน้าอ่านหนังสืออย่างขะมักเขม้น
“โอเคขึ้นไหมค่ะอิท” แล้วเสียงหวานๆ ที่คล้ายๆ กับเสียงของยูกิทักขึ้น ใบหน้าน่ารักตามแบบฉบับลูกครึ่งญี่ปุ่นของยูริซึ่งมีใบหน้าพิมพ์เดียวกันกับยูกิถามด้วยน้ำเสียงเบาๆ อย่างห่วงใย
“ก็ดีอยู่อ่ะ” อิทหันไปตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยแล้วยักไหล่แบบไม่ใส่ใจ ทั้งที่สีหน้าตอนที่โดนถามนั้นแสดงออกมาว่าไม่โอเคอย่างแรง
“สบายม๊าก!” เฮ้อ! จะถามทำไมวะ ก็น่าจะรู้อยู่ว่าไม่โอเคอย่างแรง
ผัวะ!!!!
ฝ่ามืออรหันต์ของตินภพตบมาที่หัวอิทอย่างแรง
“นี่เรียกว่าดีแล้วใช่ไหมครับ” ตินถามขึ้นอย่างห่วงใย แต่รอยยิ้มของชายหนุ่มกลับกวนเบื้องล่างมากๆ
“หนวกหูน่า” ร่างสูงสะบัดตัวออกแล้วรีบเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทน “แล้วไหนงาน?”
“นี่ค่ะ” ยูริรีบยื่นแฟลชไดร์ฟให้และชี้แจงในส่วนที่เขาต้องทำอย่างกระตือรือร้น
“อิทเป็นคนพูดนะคะ” ยูริรีบแจกแจงหน้าที่ของอิทด้วยน้ำเสียงกังวล เพราะดูท่าอีกฝ่ายแล้วเธอกลัวว่าเขาจะไม่รอด
“อืม...” ชายหนุ่มเพียงพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหย่อนแฟลชไดร์ฟลงไปในกระเป๋าเสื้อด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายเต็มที
“แต่ว่าโดนทิ้งเป็นหมาเลยนะเนี่ย” ยูกิเอ่ยแซวซ้ำแผลเดิมของเพื่อนสนิทอย่างเลือดเย็น หญิงสาวหัวเราะอย่างสะใจเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเริ่มจะไม่โอเค เพราะเรื่องที่เพื่อนชายตัวดีคนนี้ของเธอโดนสวมเขา พวกเธอก็เคยเตือนอีกฝ่ายไปแล้ว แต่มันดันไม่ฟังเอง
“เลิกพูดน่า...ยูกิ” เขายอมแพ้แล้ว อิทฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางเหนื่อยๆ
“คิก คิก” ยูกิเห็นท่าทางหงอยๆ ของอีกฝ่ายก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ “เย็นนี้ไปเมากันไหม?”
“พรุ่งนี้มีเรียนเช้า” อิทตอบอย่างเซ็งๆ “เฮ้อ! พรุ่งนี้ไม่น่ามีคาบเรียนตอน 8 โมงเช้าเลยจริงๆ น่าเบื่อ”
“เดี๋ยวเราเลี้ยงน่า” ยูกิยังมีความพยายามไม่ลดละในการชวนเพื่อนชาย ก่อนจะตบอกตัวเองอย่างใจป้ำว่า “มื้อนี้ป๋าเลี้ยงเองน้อง”
“งั้นก็ไป” อิทรีบพยักหน้าตอบรับรวดเร็ว
ของฟรีใครไม่ไปก็โง่แล้ว...
เผื่อว่าจะได้ลืมผู้หญิงคนนั้นได้บ้าง…เฮ้อ!
“โอเค ต้องอย่างนี้สิ” ยูกิยกนิ้วให้อิทอย่างพอใจ
ท่ามกลางการพยักหน้าแบบเห็นดีเห็นงามของทุกคนตินภพเหมือนจะดีใจอย่างออกหน้ากว่าทุกคนที่ได้กินของฟรี
“ดีมากเพื่อนอิท วันนี้พวกเรามีลาภปากแล้ว เฮ้!”
“เฮ้อ...พวกนี้นี่ไม่ไหวเลยจริงๆ” ยูริได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงๆ “เดี๋ยวจะคอยเก็บศพก็แล้วกันนะคะ”
เมื่อยามตะวันลาลับขอบฟ้า ความมืดก็ครอบคลุมไปทั่วทุกหนแห่ง สิรภพที่เพิ่งจะกลับมาจากการเรียนแล็ปคาบสุดท้ายก็เปิดประตูเข้าห้องอย่างไร้เรียวแรง ในมือของเขาถือถุงข้าวมันไก่ที่เป็นอาหารเย็นเข้ามาด้วย ภายในห้องมืดสนิท แต่ชายหนุ่มก็ควานหาสวิตช์ไฟที่อยู่ข้างประตูแล้วเปิดมันจนได้
แต๊ก...พรึบ
ทั่วทั้งห้องพลันสว่างขึ้น ชายหนุ่มหรี่ตาลงน้อยๆ เมื่อเจอแสงจ้า ก่อนจะรีบเดินสาวเท้าเข้าไปในห้องและหยุดยืนบริเวณโซฟา
สะอาดดีนี่ สงสัยรูมเมทของเขาจัดการทำความสะอาดก่อนจะออกจากห้องแน่ๆ แต่ก็ดีจะได้ไม่ต้องเก็บกวาดให้เปลืองแรง
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ ร่างสูงของสิก็เดินเข้าห้องนอนไปทำโปรเจคใหญ่เอาไว้ใช้พรีเซ้นต์ตอนปลายเทอม จนเวลาเลื่อนไปจนเกือบจะตีสอง
“นี่ตีสองแล้วเหรอ? เร็วจัง” ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงที่นอนช้าๆ
กริ๊ง....กริ๊ง....
แต่ทว่าทันทีที่เขาล้มตัวลงนอนไม่ทันไร เสียงโทรศัพท์บ้านที่อยู่ในห้องนั่งเล่นก็ดังขึ้น ร่างสูงนอนนิ่งอยู่พักนึงก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปยกหูโทรศัพท์บ้านขึ้นมารับสาย
ทันทีที่เขายกหูโทรศัพท์ขึ้น เสียงหวานๆ ที่ฟังดูร้อนรนก็ดังขึ้นมาทันที
“เอ่อ...สวัสดีค่ะ นั่นใช่คุณสิรึเปล่าคะ” เล่นเอาสิขมวดคิ้วมุ่นในทันที
“อ่า...ใช่ครับ” ชายหนุ่มตอบรับออกไปแบบมึนๆ เมื่ออีกฝ่ายนั้นรู้จักชื่อของเขา
“…”
“มีอะไรรึเปล่าครับ” สิรถพถามปลายสายกลับไปอย่างสงสัย เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะมีใครโทรเข้ามาที่นี่
“คือว่าพวกเราเป็นเพื่อนของอิทค่ะ ตอนนี้อิทเมาหนักมากก็เลยกลับหอเองไม่ได้” หญิงสาวปลายสายรีบอธิบายออกมาแทบจะในทันที
“รบกวนช่วยมารับอิทหน่อยได้ไหมคะ เพราะตอนนี้มีแต่พวกเราที่เป็นผู้หญิง ก็เลยไม่รู้จะทำยังไงดี…”
“เอ่อ...อิทนี่ใครเหรอครับ” สิเกาแก้มของตัวเองด้วยความมึนงง
นี่เรามีเพื่อนชื่ออิทด้วยเหรอวะ เท่าทีจำได้มีแต่ไอ้เอ็มแค่คนเดียวนี่นา
“อ๊ะ! นี่คุณไม่ใช่คุณสิรภพหรอกเหรอคะ” น้ำเสียงของปลายสายมีความตื่นตระหนกทันที หญิงสาวรีบเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะแน่ใจเท่าใดนัก
“ก็ใช่ครับ” ใครวะ แต่ว่าชื่อนี้ก็ดูคุ้นๆ อยู่นะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“ช่วยอธิบายลักษณะของคนที่ชื่ออิทให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ” แล้วปลายสายก็เริ่มอธิบายอีกครั้งอย่างใจเย็น
“อิทที่เรียนคณะวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ปีเดียวกับคุณสิไงคะ และก็เป็นรูมเมทของคุณด้วย”
ใครว่ะ? แต่ชื่อนี้โคตรคุ้นเลย อ๊ะ! ใช่แล้วเรามีรูมเมทที่พักกับเราอยู่คนหนึ่งนี่นา
หลังจากที่ประมวลผลในสิ่งที่ปลายสายพูดได้แล้ว สิจึงเริ่มเข้าใจว่าอิทที่อีกฝ่ายพูดถึงก็คือชื่อของรูมเมทของเขาที่ยังไม่กลับห้องมานี่เอง
แย่ชะมัด พอง่วงก็เป็นแบบนี้ทุกที สมองเบลอไปหมด เนื่องจากคณะที่เขาเรียนมักจะมีโปรเจ็คหรืองานมาให้เขาทำดึกอยู่บ่อยๆ ทำให้บางครั้งความง่วงที่สะสมมานานทำให้สมองเขาเบลอได้เหมือนกัน
“เอ่อ...ยังอยู่ไหมคะ” ปลายสายถามขึ้นหลังจากชายหนุ่มเงียบไปนาน
“อ่า...ครับยังอยู่ครับ แล้วจะให้ผมไปรับอิทที่ไหนครับ” ก็นะ จะปล่อยให้ผู้หญิงต้องมาลำบากก็ไม่ได้ด้วยสิ เฮ้อ!
“คุณสิจำได้แล้วใช่ไหมคะ” ปลายสายอดไม่ได้ที่จะถามย้ำอีกครั้ง
“ครับ จำได้แล้ว โทษทีนะครับที่ผมเบลอไปหน่อย แล้วจะให้ผมไปรับที่ไหนดีครับ”
“ช่วยมารับที่ผับ XX ด้วยนะคะ”
“ครับ” สิรภพพูดเพียงเท่านั้นก็รีบวางหูโทรศัพท์และแต่งตัวออกไปข้างนอกทันที