Chapter 01/2 : รูมเมท

1068 Words
และก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเช่นเดียวกันที่ดลบันดาลให้เขารู้สึกสงสารไอ้หน้าอ่อนนี่ขึ้นมาซะงั้น “เห็นว่าเพิ่งอกหักมานะ ดูแลหน่อยก็แล้วกัน” ว่าแล้วสิก็ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ แล้วเดินออกจากห้องไป ก่อนจะกลับมาพร้อมกับโจ๊กพิเศษใส่ไข่ในมือ เขาเดินนำถุงโจ๊กไปวางบนโต๊ะเล็กๆ หน้าโซฟาที่อีกฝ่ายนอนอยู่ ก่อนจะเขียนโพสต์อิทเล็กๆ แปะไว้แล้วจึงเดินออกจากห้องไปเงียบๆ หน้ามอ… “วันนี้นายมาสาย” เสียงเอื่อยๆ ของไอ้เอ็มหรืออรรถพล เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของสิเอ่ยทักขึ้น เมื่อเอ็มเห็นรูปร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษาถูกระเบียบกับสัดส่วนสูงเกือบๆ 183 เซนติเมตร บวกกับท่าทางสุภาพเรียบร้อยของสิรภพเข้ามาในระยะสายตา ความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของสิทำให้เอ็มสามารถแยกเพื่อนของตัวเองออกจากท่ามกลางฝูงชนได้อย่างรวดเร็ว สิรภพยิ้มแหยๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่นข้างๆ เพื่อนสนิทอย่างเซ็งๆ “กินข้าวยังวะสิ” เอ็มเอ่ยถามด้วยความหวังดีหลังจากเห็นท่าทางของอีกฝ่ายดูเซ็งๆ “กินแล้ว” สิพยายามเลี่ยงไม่ตอบคำถามอีกฝ่ายว่าทำไมถึงมาสาย เขาทำเพียงวางกระเป๋าลงก่อนจะหยิบมือถือออกมาเช็คกำหนดการในวันนี้อีกครั้ง วันนี้มีคาบเรียนแค่สองคาบเองสินะ “ควิซไหมวันนี้” “คิดว่าไม่นะ” เอ็มส่ายหน้าเบาๆ แล้วเอื้อมมือมาลูบหัวคนตัวสูงอย่างล้อเล่น “ผมนายยุ่ง” ใบหน้าของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของสิรภพยกยิ้มขึ้นมาอย่างกวนโอ๊ย “แล้วลูบทำไมวะ” ร่างสูงรีบปัดมืออีกฝ่ายออกอย่างไม่พอใจ “ฮ่าๆ ล้อเล่นแค่นี้เอง จริงจังไปได้” เอ็มแอบมองท่าทีของเพื่อนสนิทด้วยอาการแปลกๆ เพราะวันนี้สิเอาแต่เลื่อนดูมือถือด้วยความกังวลใจ วันนี้มันมาแปลกแฮะ… “นี่...เอ็มทำไมคนอกหักต้องทำท่าจะเป็นจะตายด้วยวะ” จู่ๆ สิก็เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอมือถือแล้วโพล่งถามคำถามที่คาใจออกไป เมื่อนึกถึงสภาพเหมือนคนใกล้ตายของรูมเมทอีกคนเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัย มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอวะ อะไรจะขนาดนั้น แล้วตอนนี้มันกินข้าวรึยัง... “อืมม...ก็คงเจ็บละมั้ง” เอ็มเลิกคิ้วน้อยๆ ถามขึ้นอย่างสงสัย “ว่าแต่นายถามทำไมวะ?” เพราะเขาเองก็ไม่เคยอกหักก็เลยไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี “เจ็บสินะ...” สิฟังคำตอบแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ไม่เข้าใจเลยแฮะ… Ring…Ring…Ring เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทำให้คนที่ยังตกอยู่ในห้วงนิทราอย่างอิทธิพัชร์จำเป็นต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ หัวของเขาหนักอึ้ง ชายหนุ่มค่อยๆ ควานหาโทรศัพท์ที่ตกอยู่ไม่ไกลมือขึ้นมาดู ยูกิ... ชื่อที่แสดงบนหน้าจอคือชื่อของเพื่อนสาวที่อยู่ในกลุ่มของเขาเอง ชายหนุ่มจ้องมองจอโทรศัพท์นิ่งก่อนจะเลื่อนมือไปกดปุ่มรับ “ตายรึยังยะ” นั่นคือคำทักทายแรกของวันจากเพื่อนสาว อิทขมวดคิ้วมุ่น อาการปวดหัวจากการเมาค้างทำให้เขารู้สึกอยากจะกดตัดสายอีกฝ่ายในทันที “นี่....ตายรึยังยะ” เสียงปลายสายส่งเสียงเรียกอีกครั้ง เมื่อทนเสียงรบเร้าไม่ไหวอิทธิพัชร์จึงตอบกลับไปอย่างหน่ายๆ “ยัง” ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้งและพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แต่ชายหนุ่มก็ต้องกุมขมับเมื่อพอลุกขึ้นนั่งหัวของเขาก็ปวดจี๊ดขึ้นมา “โทรมามีไร” อิทถามปลายสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เพราะถูกรบการนอนหลับอันแสนหวาน “จะบอกว่าจะเข้าเรียนแล้วนะอีก 30 นาที จะโดดรึไงยะ” เสียงปลายสายถอนหายใจหนักๆ ดูท่ายูกิเริ่มจะยัวะแล้วเหมือนกัน นี่อุตส่าห์โทรมาปลุกด้วยความเป็นห่วงเพราะเห็นว่าเวลาล่วงเลยมานานมากแล้ว แต่เจ้าเพื่อนตัวดีของเธอก็ยังมาไม่ถึงห้องเรียนจนเกือบจะได้เวลาเข้าเรียนอยู่แล้ว “ก็อีกตั้ง 30 นาทีแหนะ” อิทพูดเสียงเอื่อยๆ พยายามไม่ไปสะกิดจุดระเบิดของเพื่อนสาว เพราะเขาเห็นว่าสำหรับเวลาแค่นี้การเดินทางจากห้องของตนไปที่ห้องเรียนถือว่ายังคงมีเวลามากโขอยู่ “ใจเย็นน่า” อิทพูดเซ็งๆ “ใจเย็นบ้าอะไร” แต่ทว่าปลายสายกลับไม่เย็นเสียแล้ว เสียงหวานๆ ของยูกิพูดรัวออกมาเป็นชุด “วันนี้มีพรีเซ้นต์งาน นายลืมป่ะเนี่ย! รีบมาให้ไวเลยนะ” “อืม...เดี๋ยวไป” อิทธิพัชร์นิ่งคิดเล็กน้อย แล้วชายหนุ่มก็จำได้อย่างรวดเร็วว่าวันนี้เขามีพรีเซ้นต์งานจริงๆ อิทพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงรับรู้ “งั้นฉันวางละนะ” ทว่าปลายสายรีบทักท้วงขึ้นทันที “เดี๋ยวก่อนสิยะ!” ติ๊ด! อิทกดวางสายแล้วโยนโทรศัพท์ราคาแพงของตัวเองทิ้งไว้บนโซฟา เขาติดรำคาญหน่อยๆ ที่ถูกรบกวนการนอน บวกกับอาการปวดหัวที่กำลังรุมเร้าทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดได้ง่ายๆ “ปวดหัวชะมัด” ร่างสูงพูดพลางกุมขมับตัวเองแน่นพลางบ่นกับตัวเองเบาๆ ตอนแรกเขาคิดว่าจะไปอาบน้ำสักหน่อยหัวจะได้โล่งๆ แต่สายตาของชายหนุ่มก็พลันไปสะดุดเข้ากับถุงโจ๊กและโพสต์อิทสีเหลืองอ่อนเข้าให้ ‘กินซะ...’ ข้อความเขียนสั้น ๆ ไว้แค่นั้น เมื่อคนอ่านอ่านจบก็ยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นพลางนึกขอบใจรูมเมทที่ไม่ค่อยจะได้คุยกันคนนั้นในใจ โจ๊กใส่ไข่พิเศษ ถึงแม้จะเย็นไปนานแล้วแต่ก็ยังคงความอร่อยอยู่ อิทกินโจ๊กที่รูมเมทของเขาซื้อไว้ให้จนหมดแล้วยกยิ้มอย่างพอใจ “คราวหลังคงต้องซื้ออะไรมาตอบแทนบ้างแล้วสิ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นคว้าเสื้อตัวนอกมาใส่ พลางหยิบกระเป๋าที่ใส่สมุดโน้ตกับของจุกจิกขึ้นมาสะพาย “กี่โมงแล้วเนี่ย” เขาพูดพลางยกนาฬิกาที่ใส่อยู่บนข้อมือขึ้นมามองเวลา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD