ตอนที่ 1 หลั่งน้ำตา

1366 Words
วันเลี้ยงวันเกิดของเพื่อน ทำเอาพีชญาภา หญิงสาวหน้าตางดงาม ผิวขาวอมชมพู ผมยาวเคลียแผ่นหลัง ดวงตากลมโต ขนตางอนยาว คิ้วเรียวสวย ริมฝีปากอวบอิ่ม แทบยืนไม่ไหวเพราะความมึนเมา เธออายุยี่สิบสองโสดสนิท แม้มีคนมาจีบแต่ไม่คิดสนใจ เพราะเข็ดขยาด เนื่องจากเห็นพี่ชายตัวดีเป็นแบบ เมื่อดื่มได้หลายชั่วโมง คนสวยวางแก้วลง เธอคงอยู่นานกว่านี้ไม่ได้ เพราะพรุ่งนี้เช้า มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ไม่เช่นนั้นอาจถูกตำหนิเอาได้ “วรรณ ฉันกลับก่อนนะ พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้าเลย” รวีวรรณมองหน้าเพื่อน แล้วยิ้มให้ “ได้จ้ะ ให้เราไปส่งไหม” “ไม่ต้องเลย อยู่ในงานไปเถอะ เจ้าของวันเกิดนี่” “แล้วขับรถกลับไหวเหรอ ให้ใครไปส่งไหม” รวีวรรณเอ่ยปากด้วยความเป็นห่วง กลุ่มผู้ชายจ้องมองอย่างสนใจ “ไม่ล่ะจ้ะ ยุคนี้ผู้หญิงแข็งแกร่ง พีชขับเองได้ วรรณไม่ต้องห่วง” “โอเคจ้ะ ไว้โทรหานะ” ก้าวออกมาด้านนอกร้าน สาวเท้าไปยังลานจอดรถ ล้วงกุญแจในกระเป๋า ทว่าไม่ทันได้กด รถยนต์สีขาวมาจอดเทียบ ชายฉกรรจ์ลงมา พิชญาภาตระหนกหันมอง จังหวะนั้นผ้าสีขาวโปะลงบนจมูก สติเลือนหาย ไม่รับรู้อะไรอีกเลย เปลือกตาเปิดออก ความสั่นสะเทือน ทำเอาตกใจ อ้าปากตั้งใจร้อง ทว่ามันกลับถูกปิดไว้ มือและเท้าถูกมัด สายตาชายในรถมองมา มันยิ้มเหี้ยม สีหน้าหื่นกระหาย ยื่นมือมาหมายจับ “หยุดนะไอ้ชาติ มึงอยากตายหรือไง!” เสียงคนนั่งเบาะหน้าดังขึ้น “อะไรครับพี่พจน์ ผมแค่จะตรวจดูเท่านั้นเอง” พจน์จ้องมองลูกน้อง แววตาแข็งกร้าว “นิสัยมึงเป็นไงทำไมกูจะไม่รู้ อย่าทะลึ่งนะมึง นี่ของนาย ถ้ามึงไม่อยากตายไร้ญาติ!” “ครับ ๆ ผมรู้แล้ว” มันรีบรับคำ อยากร้อง แต่ร้องไม่ออก สับสนไปหมด พวกมันจับเธอไปทำไม เรียกค่าไถ่งั้นเหรอ จะถูกฆ่าไหม ทำไมมันถึงได้ซวยขนาดนี้ จะมีใครรู้บ้างไหม ว่าเธอกำลังประสบชะตากรรมอันเลวร้ายเช่นนี้ ชั่วโมงต่อมา รถเคลื่อนมาจอด หน้าบ้านหลังใหญ่ โอบล้อมด้วยขุนเขา ลำธาร และต้นไม้ ร่างบางถูกรั้งลงมาจากรถ อุ้มพาดบ่า พยายามดิ้นรน แต่มันทำอะไรไม่ได้เลย พจน์พาคนตัวเล็กเข้ามาในห้อง แล้วว่างร่างไว้บนเตียง แก้มัดออกจนหมด “พวกแกเป็นใคร จับฉันมาทำไม!” ทันทีที่ไม่มีอะไรปิดปาก เธอก็พ่นคำถามออกมา “อยู่ในห้องนี่เงียบ ๆ แล้วรอ พวกผมไม่มีอะไรจะตอบคุณทั้งนั้น!” พจน์ตัดบท ทว่าคนถูกจับ กลับกระโจนติดตาม ตั้งใจหนี แต่กลับถูกคว้าไว้ แล้วเหวี่ยงกลับที่เดิม มัจจุราชกระบอกสีดำถูกดึงออกมา จอตรงไปยังพิชญาภา เธอนิ่งงันทันที “ถ้าไม่อยากเจ็บตัว อยู่เฉย ๆ อย่าคิดหนีไปไหน” ประตูปิดลง ร่างบางกระโจนทุบมัน ปัง! ปัง! ปัง! “ปล่อยฉันไปนะ จับฉันมาทำไม!” หญิงสาวกรีดร้องน้ำตานองหน้า ความหวาดกลัวแล่นพล่าน ทำยังไงดี ไม่เข้าใจอะไรเลย ทรุดกายกับพื้นปล่อยโฮออกมา อย่างสุดกลั้น หาหนทางออกไม่เจอเลย ผ่านชั่วระยะ ยกมือปาดน้ำตา นั่งกับพื้นเอนกายพิงขอบเตียง ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูเปิดออก เห็นหญิงวัยกลางคน ถือถาดอาการมา วางตรงหน้า เธอรีบตรงไปยังประตู ทว่ากลับต้องถอยหลัง เมื่อมีคนเฝ้าอยู่ด้านนอก แถมยังจอปืนมาทางเธอด้วย ประตูปิดตามเดิม พิชญาภามองอาหารในถาด พร้อมด้วยเสื้อผ้า มันอะไรกันเนี่ย! กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ปล่อยให้หิว คงไม่มีแรงไว้หนี หรือสู้กับพวกมัน ตักอาหารเข้าปาก รสชาติอร่อยมากเลย ฝีมือแม่ครัวที่นี่ใช้ได้ พออาหารหมด พิชญาภาจ้องมองเสื้อผ้า หยิบมันมาดู มีเสื้อชั้นในกับซับในให้พร้อม ดูหมือนเตรียมตัวมาดีเลยทีเดียว รีบเข้าห้องน้ำ จัดการธุระส่วนตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย กวาดตามองรอบห้อง อย่างระแวดระวัง ที่นี่ไม่มีอะไรที่พอเป็นอาวุธได้เลยงั้นเหรอ เห็นลิ้นชักหัวเตียง ดึงมันออกมา เปิดผ้าห่มสอดกายเข้า แล้วหลับตาพร้อมกอดลิ้นชักไว้แน่น ถ้ามีใครมา จะเอามันฟาดหัวให้แตกตายไปเลย แอด... ประตูเปิดออก แสงไฟสลัวผ่านเข้ามา คนระวังตัวค่อย ๆ เปิดเปลือกตา แต่แสร้งนิ่งไม่ไหวติ่ง ประตูปิดตามเดิม มันถูกล็อคไว้ด้วยระบบรหัสผ่านอีกชั้น พิชญาภาได้ยินเสียงฝีเท้า ติดตามด้วยเสียงน้ำ อะไรกัน ทำไมไอ้หมอนี่มันชิวเหลือเกิน ทั้งที่มีเธออยู่ในห้องด้วยแท้ ๆ รีบลุกจากเตียง ตรงไปยังประตู จับลูกบิดเพื่อเปิด แต่มันกลับทำไม่ได้อย่างใจ ทำยังไงดี ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เข้ามาในห้องนี้ทำไม มองนาฬิกาฝาผนังบอกเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ยังคงใช้เรี่ยวแรงดึงประตูอยู่ เธอไม่มีทางไหน ที่สามารถทำได้มากไปกว่านี้ “ตื่นแล้วงั้นเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยทัก คนถูกทักเย็นไปทั่วร่าง เธอสั่นเทา ก่อนหันกายเผชิญหน้า เห็นร่างสูงใหญ่ มีเพียงผ้าขนหนูพันกายเท่านั้น ยกนิ้วชี้ดวงตาเบิกกว้าง “คุณเป็นใคร! ปล่อยฉันออกไป คุณจะเข้ามาในห้องนี้ ในสภาพเกือบเปลือยไม่ได้นะ ฉันเป็นผู้หญิง หัดมียางอายซะบ้าง!” เธอพ่นคำพูดออกมา แล้วหอบหายใจ เขาหัวเราะในลำคอ “เธอนี่ตลกดีนะ แต่เผอิญฉันไม่ตลกด้วย” คนฟังหน้าซีดเผือด เธออยากตลกหรือไง สถานการณ์แบบนี้ มันทำให้ตนเองมีความสุขเหรอ “ฉันไม่ได้ตลก แค่บอกให้คุณปล่อยฉันไป เราสองคนไม่รู้จักกันสักหน่อย จับฉันมาทำไม!” “จะจับใครต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?” เขาแสร้งย้อนถาม “ก็ใช่ไง เราสองคนไม่เคยเจอหน้า ไม่รู้จักกัน จะมาจับฉันทำไม แถมยังพาตัวฉันมาที่ห่างไกลขนาดนี้อีก มันต้องมีเหตุผลที่จับมาสิ” เขายักไหล่ “หาเอาสิเหตุผล ที่ฉันจับตัวเธอมา” “จะให้ไปหาจากไหนได้ ในเมื่อถูกขังอยู่แบบนี้!” พิชญาภาย้อนเสียงแข็ง “ก็ยังไม่ต้องไปหาหรอก เอาไว้ว่างค่อยไปหาเหตุผลที่ถูกจับมาก็ได้” คนฟังตาโต พูดบ้าอะไรออกมา ว่างงั้นเหรอ นี่มันอะไรกันเนี่ย เมื่อเห็นหญิงสาวเงียบ เขาเลยก้าวยาวมาหา พิชญาภาถอยหลังกรูด สีหน้าตื่นตระหนก “อย่าเข้ามานะ ฉันตีด้วยลิ้นชักจริงด้วย!” คนสวยส่งเสียงข่มขู่ “ตีสิ” “ฮะ!” “อยากตีก็ตีสิ ถ้าทำได้นะ” ไอ้หมอนี่มันเป็นใครกันแน่ กวนบาทาจนอยากเอาลิ้นชักเขวี้ยงให้หน้าแหกเลย เห็นหน้าไม่ชัด เลยไม่รู้ว่าเป็นศัตรูกันแต่ชาติปางไหน ถึงได้ลักพาตัวเธอมากักขังกัน “ฉันตีแน่ ถ้าคุณเข้ามาใกล้ ฉันไม่ยอมให้ทำอะไรง่าย ๆ หรอกนะ” พูดไม่ทันขาดคำ ร่างสูงใหญ่ประชิดตัวอย่างรวดเร็ว คว้าลิ้นชักเหวี่ยงลงพื้น แล้วกอดรัดร่างบางไว้ในอ้อมแขน “กรี๊ด! ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน ใครก็ได้ช่วย!” หญิงสาวกรีดร้องดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง “แหกปากร้องให้ดังไปเลย ความทรมานที่เธอได้รับวันนี้ ช่วยจำมันไว้ด้วย ออกไปจากที่นี่ อย่าลืมเอาไปเล่าให้พี่ชายเธอฟังล่ะ!” อะไรนะ? พี่ชายงั้นเหรอ ไอ้พี่เลว เคยคิดไว้แล้วว่าสักวัน พี่มันต้องโดนผู้หญิงเอาปืนยิงตายแน่ แต่ทำไมนรกถึงมาตกที่คนเป็นน้องได้เล่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD