ร่างบางถูกโยนลงบนเตียง พิชญาภาตะเกียกตะกายหนี แต่ข้อเท้ากลับถูกจับลากกลับมา แล้วพลิกกาย ข้อมือถูกรวบไว้เหนือศีรษะ เธอจ้องมองใบหน้าของชายแปลกหน้า แสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่าง จนเห็นเด่นชัด ดวงตาเรียวสวยเบิกกว้าง สีหน้าตื่นตระหนก
ดวงตาสีอำพัน แววตาหม่นเศร้า ผู้ชายคนนี้หล่อเหลาจนแทบลืมหายใจ แต่เหตุใดถึงได้แสดงสีหน้าราวกับคนได้รับทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอกลืนน้ำลายลงคอ
“คุณ... อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัว” พิชญาภาบอกคนด้านบนเสียงสั่นเครือ
“คงมีผู้หญิงหลายคนที่ขอร้องพี่ชายเธอแบบนี้”
ริมฝีปากบางเม้มสนิท “ฉันไม่เคยทำร้ายใคร ไม่เคยทำให้ใครเจ็บปวด ฉันไม่เคยทำผิดต่อใครด้วย” น้ำเสียงเธอสั่นมากขึ้น น้ำตาเริ่มเอ่อ
“หรือเธอจะยอมนอนกับฉันง่าย ๆ โดยไม่ดิ้นรน ให้ต้องเจ็บตัว แบบนี้ดีไหม”
ทำไมต้องนอนกับเขาด้วยล่ะ แฟนก็ไม่ใช่ คนแปลกหน้าชัด ๆ ตลกหรือไง ไอ้บ้านี่ กระนั้นก็คิดได้แค่เพียงในใจ ด่าไปเกิดเขาโมโหจับเธอโยนลงจากชั้นบน คงตายแน่
“ไม่! เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ก็จะเป็นแล้วนี่ไง”
“นี่คุณลักพาตัวฉันมาปล้ำงั้นเหรอ!” เธอย้อนถามสีหน้าตื่นตระหนก
“ใช่! ถ้าขัดขืนล่ะนะ”
“อะไรนะ?”
“ถ้าไม่ดิ้น ก็คงเหมือนมีอะไรกัน แบบคนธรรมดาสามัญ”
“ฮะ!” อะไรกันนี่ รู้สึกเหมือนอยากจะบ้าตาย เธอกำลังทำอะไรอยู่ที่นี่เนี่ย “นี่คุณนอนกับผู้หญิงคนอื่นหน้าตาเฉยแบบนี้เหรอ”
“ฉันเป็นผู้ชายไม่คิดมากหรอกนะ เพราะไม่ว่ากับผู้หญิงคนไหน ก็มีอารมณ์ทั้งนั้น”
“แต่ฉันไม่ใช่ไง ปล่อยเลยนะ!”
“ปล่อยไปไม่ได้หรอก ลงทุนจับตัวมาขนาดนี้แล้ว”
ริมฝีปากบางสั่นระริก “แต่ฉันไม่อยากนอนกับคุณ ต่อให้คุณหล่อมากแค่ไหนก็เถอะ”
คนฟังตาโต อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหน นิสัยแบบนี้มาก่อนเลย มันทำเอาอารมณ์โกรธที่เคยคิดจะลงกับเธอ ค่อย ๆ หายไปเลยทีเดียว เห็นสีหน้า แววตา มองมาแบบนี้ทำเอาหมดอารมณ์เลยทีเดียว เขาผละห่างออกมา พิชญาภารีบกระถดหนี
“วันนี้ปล่อยไปก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้เราค่อยว่ากัน อีกอย่างฉันค่อนข้างเหนื่อย นอนกับเธอก็คงได้แค่รอบเดียว” พูดจบ เขาหยิบเสื้อผ้าในตู้ออกมา
ปลดผ้าขนหนูลง ดวงตาเรียวสวยเบิกกว้าง เมื่อบั้นท้ายอยู่ในสายตา มือยกปิดปากแน่น เขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้วหันกลับมา
“เธอปิดปากแต่ตาไม่ปิด แสดงว่าอยากเห็นของฉันสินะ”
“ไม่ใช่นะ! ฉันตกใจเลยทำอะไรไม่ถูกต่างหาก!” หญิงสาวแก้ตัวเสียงสั่น
“งั้นเหรอ?” เขาเดินตรงไปยังเตียง คนตัวเล็กถอยหนี จนแทบตก ทว่าอีกฝ่ายกลับรั้งผ้าห่มเอนกายลงนอน “นอนซะ ถ้าไม่นอน ฉันจะนอนกับเธอแทน”
คนสวยรีบเอนกายลงทันที พยายามข่มตาหลับ ใครมันจะนอนได้ ไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน แล้วเขาเป็นใครด้วยซ้ำ ถ้าหากเอาลิ้นชักตีหัว ก็คงหนีไม่ได้อยู่ดี ดีไม่ดีอาจฆ่าตายหมกป่าก็ได้ จะบ้าตาย ทำไงดีวะเนี่ย หาทางออกไม่เจอเลย
แสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้อง พิชญาภาขยับกาย ก่อนผุดลุกนั่งอย่างรวดเร็ว กวาดมองรอบห้อง สีหน้าตื่นตระหนก ทว่าในห้องกลับไม่มีผู้ใด ระบายลมหายใจออกมา ยกมือทาบอกที่หัวใจกำลังเต้นหนัก
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตู ทุกครั้ง มันทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่น กระทั่งอ้าออก เธอชะงักมองดู ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาพร้อมถาดอาหารในมือ ดวงตาหญิงสาวเบิกกว้างขึ้น ลุกยืนสีหน้าตื่นตระหนก ขยับถอยหลัง เมื่อคืนยังเห็นไม่ชัด ทว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาชัดเจน จนทำเอาเธอแทบตะลึงกับความหล่อเหลา อย่างไม่น่าเป็นไปได้ เพราะที่นี่เหมือนอยู่บนป่าบนเขา
“ฉันเอาอาหารมาให้ กินซะจะได้มีแรง สำหรับคืนนี้” อรัญกรณ์ทอดสายตามอง ทำเอาคนถูกมองขนลุกเกรียว
“คุณ.. เป็นใคร” เธอถามเสียงสั่น
เขาเอียงคอ จ้องมอง
“อยากรู้ไปทำไม เอาไว้แจ้งความเวลาออกไปจากที่นี่งั้นเหรอ”
“ไม่ใช่นะ! ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณแค้นอะไรพี่ชายฉัน บางทีถ้าได้ออกไป ฉันคงถามพี่ให้รู้”
อรัญกรณ์หัวเราะในลำคอ
“คิดว่าถาม แล้วพี่เธอจะบอกงั้นเหรอ ไอ้หมอนั่น มันขี้ขลาดจะตายไป!”
คันปาก อยากด่า แต่ทำไม่ได้ เพราะตนเองไม่ได้อยู่ในสถานะนั้น ต่อให้หล่อแค่ไหน ก็ไม่ได้หมายความว่า จะตำหนิคนอื่น โดยไร้ซึ่งหลักฐานได้
“แล้วคุณจะเอายังไง ทำแบบนี้มันผิดกฎหมาย คุณไม่รู้หรือไง!”
“รู้สิ” เขาย้อน
“แล้วทำไมถึงทำ ไม่กลัวถูกจับเหรอ”
คนฟังหัวเราะในลำคอ “คนตายพูดไม่ได้”
พอได้ยินคำนี้ พิชญาภานิ่งไป เหมือนร่างกายมันสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ตกลง เขาจะฆ่าเธองั้นเหรอ
“นี่คุณ คิดว่าจะข่มขืนแล้วฆ่าฉันเหรอ!”
“เธอคิดว่าฉันควรทำแบบนั้นหรือเปล่า เพราะถ้าปล่อยเธอไป ยังไงเธอก็แจ้งตำรวจอยู่ดี”
คนฟังรีบส่ายหน้า “ไม่ ๆ ฉันไม่แจ้งความหรอก”
อรัญกรณ์หัวเราะลั่นออกมา
“ใครเชื่อก็บ้าแล้ว”
“เชื่อฉันเถอะนะ ฉันไม่แจ้ง!”
เขาระบายลมหายใจ มองอาหารในถาด อีกหน่อยคงเย็นชืด
“กินข้าว ไม่ต้องพูดมากแล้ว เดี๋ยวจะให้คนเอาเสื้อผ้ามาให้!”
พออ้าปากอยากพูดต่อ เห็นสายตาจ้องมองมาแล้วหยุดไว้ หยิบถาดอาหาร ไปวางตรงโต๊ะตักเข้าปาก เห็นเขายืนกอดอกทอดสายตามองมา อย่างไม่วางตา ทำเอาขนในกายลุกชัน หวังว่าชายคนนี้ คงไม่ทำอย่างที่พูดหรอกนะ
“ฉันจะออกไปข้างนอก ถ้าวันไหนเลิกคิดหนี จะให้เปิดหูเปิดตาบ้าง”
เธอชะงัก “จริงเหรอ!” ย้อนถามสีหน้ายินดี
“ทำตัวให้มันดี ๆ ฉันถึงตัดสินใจ” พูดจบ ประตูเปิดแล้วปิดลงตามเดิม
คนสวยหน้าบูด ตักอาหารเข้าปาก ต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่มีทางหนีจากที่นี่ไปได้
เวลาล่วงเลยเกือบหกโมงเย็น ร่างบางก้าวมายืนตรงหน้าต่าง มองวิวเบื้องหน้า ซึ่งเป็นภูเขาสูงตระหง่าน หมอกเริ่มหนาขึ้น อากาศเย็นสบายเลยทีเดียว ถ้าหากได้มาเที่ยวเล่นกับเพื่อนคงมีความสุข สถานที่แห่งนี้ สวยสดงดงาม ทว่าเธอกลับไม่อาจชื่นชมมันได้เต็มที่ เพราะต้องคอยระแวดระวัง