เขาสอดแขนใต้เรียวขา รั้งร่างเปลือยเปล่าอันงดงามเข้าหาตน จับตัวตนกดแทรกเข้าสู่ช่องทางรัก แม้คนใต้ร่างร้องค้านดิ้นรนสักเท่าไหร่
“อย่านะ ไม่ได้นะ!” พิชญาภาพยายามกระถดกายหนี แต่เขากลับล็อกไว้แน่นหนา
อรัญกรณ์โน้มกายเข้าหา ดันตัวตนเข้าครอบครอง
“อ๊ะ! ฉันเจ็บ ปล่อยฉันนะ!”
“อยู่นิ่ง ๆ ได้ไหม” เขาคำรามในลำคอ
คนตัวเล็กน้ำตาไหลริน กัดริมฝีปากอดทนกับความเจ็บร้าว ที่เขากำลังมอบให้ เมื่อกายแกร่งสอดผสานมากขึ้น ร่างบางสะท้านไหว จนโผเข้ากอดเขาไว้แน่น
“เจ็บแล้ว ไม่ไหวแล้ว!” เธอร้องไห้น้ำตานองหน้า
เพียงเห็นน้ำตา อรัญกรณ์อยากหยุดเคลื่อนไหว ให้อีกฝ่ายได้พัก ทว่าพอคิดกลับกัน แล้วผู้หญิง ที่เป็นเหยื่อพี่ชายเธอเล่า คงร้องไห้ใจแทบขาด เช่นเดียวกัน แต่หมอนั่นคงไม่หยุดกระทำสารเลว เขาขบกรามแน่น มองใบหน้าแสนสวย เสียดายที่ไม่อาจทำความรู้จักกัน เพราะไม่แน่ เขาอาจตกหลุมรักผู้หญิงอย่างเธอก็ได้
“ผู้หญิงที่เป็นเหยื่อพี่ชายเธอ ก็คงขอร้องไม่ต่างกัน” เขาตอบกลับเสียรอดไรฟัน
“แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
“แล้วผู้หญิงพวกนั้นทำอะไรผิดงั้นเหรอ?”
เมื่อไหร่จะฟัง มันคนละคน เธอไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย ก็แค่มีพี่ชายไม่ดีเท่านั้น แล้วเลือกเกิดได้หรือไง ถ้าเลือกได้ ก็อยากมีพี่ชายแสนดีเหมือนกัน อรัญกรณ์มองมาแววตาเยือกเย็น เห็นคนตัวเล็กเงียบ เลยกดแก่นกายเข้าหาจนสุดทาง พิชญาภานิ่วหน้ากัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้
เขาเริ่มขยับกาย ทำเอาเธอสะท้านไปทั้งร่าง ความเจ็บผสานความรัญจวนเช่นนี้มันคืออะไร กัดริมฝีปากไว้แน่น ไม่อยากส่งเสียงให้เขาได้ยินเลย
“อื้อ! อ๊า!” คนสวยเผลอร้อง ความรู้สึกแปลกใหม่อันไม่เคบพบพานเช่นนี้ ทำเอาหัวใจเต้นหนัก เลือดในกายสูบฉีด ร่างกายมันร้อนไปหมด
เขาหยัดกาย กดเรียวขา เผยให้เห็นดอกไม้งามถนัดตา แทรกตัวตนอย่างถนัดถนี่ เสียงเนื้อกระทบกัน พิชญาภาแทบสำลัก มันคือความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ถูก
“อ๊ะ อ๊าย! หยุด พอได้แล้ว ฉันไม่ไหวแล้ว!” เธอส่งเสียงรัว มือควานสะเปะสะปะตรงบริเวณแผงอก
เขาคำรามในลำคอ ความคับแน่นทำเอาความต้องการพุ่งทะยาน พิชญาภาไม่อาจทานทน ส่ายหน้าจนเรือนผมนุ่มกระจายเต็มหมอน
“อ๊า อ๊าย!!” เธอกรีดร้อง โถมกายเข้ากอดเขาไว้แน่น หอบหายใจสะท้าน ก่อนที่อีกคนจะเพิ่มแรงและจังหวะเร็วขึ้น
เสียงเตียงบดเบียด เนื้อกระทบกัน จนก้องในห้อง ทว่าสองร่างกลับไม่ได้สนใจ
“อ่า...” เขาหยุดลง ซุกซบใบหน้ากับทรวงอกอวบอิ่ม แล้วพลิกกายลงนอนเคียง
พิชญาภารีบตะแคงข้าง กัดริมฝีปากน้ำตาคลอ เจ็บร้าวใจกลางจนแทบไม่อยากเดิน ทำไมเขาถึงได้รุนแรงกับเธอนัก ไม่รู้หรือไง ว่าเธอยังไม่เคยผ่านใครมาก่อน
อรัญกรณ์ยกท่อนแขนก่ายหน้าผาก ปกติมีอะไรกับผู้หญิงอยู่แล้ว แต่ไม่เคยเจอแบบพิชญาภามาก่อนเลย เธอยังคงบริสุทธิ์ อีกทั้งเดียงสากว่าที่คิด ที่สำคัญ เธอทำให้เขาแทบคลั่ง ยามแตะต้องเรือนร่างอันงดงาม ไอ้หมอนั่นมันมีน้องสาวสวยขนาดนี้เลย และสันดานยังไม่ได้ติดพี่มาแม้แต่น้อย
“ฉันต้องถูกขังอยู่ที่นี่ ไปอีกนานเท่าไหร่” เธอถามเสียงสั่นเครือ
เขาชะงัก “จนกว่า... พี่ชายเธอมันจะสำนึก”
“พี่ชายฉันทำอะไรให้คุณ คุณถึงได้ทำร้ายกันขนาดนี้”
“ก็ทำเหมือนที่ฉันทำกับเธอนี่ไง แต่คนโดนไม่ใช่ฉัน เพราะฉันมันผู้ชาย พี่ชายเธอคงไม่เอาหรอก แต่คนที่โดนคือน้องสาวของฉัน!”
พิชญาภานิ่งงัน เม้มริมฝีปากไม่กล้าเอ่ยถามต่อ ถ้าเป็นพี่ชายก็อาจทำอย่างที่ ผู้ชายคนนี้พูดก็ได้ จะโทษใคร ดันเกิดมาเป็นน้องพี่งี่เง่าเอง
“ฉันอยากกลับบ้าน ครั้งเดียวก็ถือว่าแก้แค้นแล้ว อย่าขังกันอีกเลยนะ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ อยากเดินไปไหนมาไหนบ้าง” เธอหันมาขอร้อง
เขาลุกนั่ง อีกคนผงะถอยหลัง จนชิดริมเตียง ดวงตาสบกัน เขาโน้มกายเขาหา จนเธอต้องเอนหนีจนแทบตกเตียง
“อยากออกไปเดินเล่น หรือชมความงามที่นี่ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก แต่ถ้าเธอคิดหนี ฉันขอเตือนไว้อย่าง ที่นี่มันใกล้ชายแดน พวกทำผิดกฎหมายค้าอาวุธ หรือตัดไม้เถื่อนมันเยอะ แถมยังกลัดมันเสียด้วย ถ้าเธอหนีไป พวกมันได้ข่มขืนฆ่าเธอหมกป่าแน่นอน!”
คนฟังกลืนน้ำลายลงคอ
“ยังอยากไปเดินเล่นอีกไหมล่ะ”
“ฉันอยากเดิน แต่แค่บริเวณบ้านพักคุณนี่ล่ะ” เธอตอบเสียงสั่น
อดสงสัยไม่ได้ ถ้าที่มันเถื่อนนัก แล้วเขาอยู่มาได้ยังไงกัน ก็มันไม่รู้อะไรเลย ตอนถูกพามา ก็มืดสนิทแถมขังอยู่แต่ในนี้ มองวิวเห็นแต่ภูเขากับน้ำตกเท่านั้นเอง
“พรุ่งนี้ฉันจะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อน”
“แล้ว... ระหว่างเรา แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวใช่ไหม มันจะไม่มีอีกใช่ไหม”
เขาชะงัก “พูดอะไร ตลกงั้นเหรอ ฉันลงทุนให้คนพาเธอมาที่นี่ เสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง จะให้กินทีเดียวได้ยังไงกัน!”
“แต่ฉันไม่อยากนอนกับคุณแล้ว!”
“ความอยากมันเกิดตอนที่เรา กำลังนัวเนีย เธอน่าจะรู้นี่ ว่าเวลาทำอะไรแบบนั้น มันรู้สึกดีไม่น้อย ไม่ใช่หรือไง ฉันก็เห็นเธอ ออกจะฟินขนาดนั้น!”
เธอง้างมือหมายฟาดปาก แต่เขากลับจับไว้ได้ทัน
“พูดทุเรศ ๆ ออกมาได้ ปล่อยฉันนะ!”
“อย่าทำแบบนี้อีก ฉันไม่ชอบ ถ้าไม่อยากโดนอีก ก็อยู่เฉย ๆ!”
ดึงมือกลับตามเดิม มองดูชุดคลุมอยู่กับพื้น หยิบมันขึ้นมาแต่ไม่กล้าสวม เพราะตนเองอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเขา อรัญกรณ์จ้องมอง
“อายทำไม เห็นกันจนถึงไหนต่อไหนแล้ว!”
“คุณไม่อายแต่ฉันอาย!”
“เดี๋ยวหลับตาให้”
ริมฝีปากบางเม้ม สีหน้าไม่พอใจ ตัดสินใจกระชากผ้าห่ม พันกายไว้ ทว่าดวงตากลับเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าอีกฝ่าย ผิวแก้มแดงปลั่ง เมินหน้าหนีรีบลงจากเตียง ทว่าความเจ็บร้าวทำเอาแทบทรงกายไว้ไม่อยู่
“ค่อย ๆ เดินล่ะ ล้มไปฉันขี้เกียจไปอุ้ม”
เธอตวัดสายตาไม่พอใจ ก่อนเดินหนีเข้าห้องน้ำไป อรัญกรณ์ชันกายทอดสายตามองร่องรอยบนที่ฟูกหนา กรามถูกขบแน่นแววตาไหววูบ รู้สึกขึ้นมาเสียอย่างนั้น มันไม่ควรเป็นแบบนี้เลย