ตอนที่ 1

1797 Words
“ฟางเซียน! เจ้าตื่นขึ้นมาคุยกับข้าเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงทุ้มตวาดดังลั่นไปทั่วห้องนอน ปลุกให้คนที่กำลังหลับตาพริ้มตื่นขึ้น “โอ๊ย! เรียกอะไรกันนักกันหนาเนี่ย คนจะหลับจะนอน” เสียงหวานดังออกมาจากตั่งเตียงด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่เจ้าของร่างจะขยับกายลุกขึ้นนั่งบิดตัวไปมาด้วยท่าทีเกียจคร้าน “น่ารังเกียจนัก!” ไม่พูดเปล่าสายตาคมประดุจเหยี่ยวจ้องมองไปยังคนถูกว่าด้วยสายตารังเกียจปะปนด้วยความโกรธ ไป๋ฟางเซียน เจ้าของชื่อที่ถูกรบกวนเวลานอน ทั้งยังถูกต่อว่าและได้รับสายตาเช่นนั้นจากอีกฝ่าย ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีกลับไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด นางมองสบตาคนสูงกว่าอย่างเฉยเมย “ฮึ่ม! ไปอาบน้ำ ข้ามีเรื่องต้องพูดคุยกับเจ้าให้รู้เรื่อง” พูดจบก็เดินออกไปด้วยอารมณ์ขึ้งโกรธ ไป๋ฟางเซียนมองตามแผ่นหลังกว้างของผู้เป็นสามีพลางมุ่นคิ้วด้วยความสงสัย ‘มีเรื่องต้องคุยกับข้าเช่นนั้นหรือ จะเป็นเรื่องใดได้อีกถ้าไม่ใช่แม่ดอกบัวขาวหวานใจเจ้าผู้นั้น’ นางคิดด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะรีบพาตนเองไปอาบน้ำชำระกาย ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ไป๋ฟางเซียนก็เดินไปที่ศาลารับลมอันเป็นที่ประจำของนาง เมื่อไปถึงก็เห็นบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ข้างกันมีสตรีหน้าตางดงามในชุดจีนโบราณสีขาวนั่งอยู่ด้วย สตรีผู้นั้นเอาอกเอาใจสามีของนางดียิ่ง ครั้นเมื่อเห็นว่านางมาถึง ใบหน้ายิ้มแย้มที่มีในคราแรกก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมองราวกับสั่งได้ หยดน้ำตาเม็ดเล็ก ๆ สีใสพลันไหลอาบแก้มนวล มุมปากของไป๋ฟางเซียนฉีกยิ้มเตรียมดูบทละครตรงหน้า นับได้ว่าสตรีนางนี้มีความสามารถอย่างแท้จริง หากนี่เป็นยุคที่ตนจากมา นางก็คิดว่าอีกฝ่ายคงจะเป็นนักแสดงอันดับต้น ๆ ได้ เข้าใจไม่ผิด ไป๋ฟางเซียนไม่ใช่คนที่นี่ นางทะลุมิติมาจากอีกโลกแบบงง ๆ ไร้ซึ่งความช่วยเหลือเช่นนิยายที่เคยอ่าน คราแรกไป๋ฟางเซียนก็กลัวและกังวลอยู่มาก เนื่องจากนางไม่รู้จักใครที่นี่และยังไม่รู้ว่าตนเองกำลังอยู่ในยุคสมัยไหน ความทรงจำด้านความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีนก็ไม่มี เพราะในโลกเดิมนั้น ไป๋ฟางเซียนเป็นเพียงนักศึกษาด้านศิลปะการแสดงที่เพิ่งจะขึ้นปีสองเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องการข้ามมาอยู่ที่โลกนี้เป็นไปได้เช่นไรนั้น ไป๋ฟางเซียนไม่รู้เลยจริง ๆ ส่วนไป๋ฟางเซียนในโลกนี้ นางก็ไม่รู้เช่นกันว่าอีกฝ่ายตายได้เช่นไร ที่บอกว่าตายแล้วก็ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าเจ้าของร่างนี้ไม่ตายนางคงไม่สามารถเข้ามาอยู่ในร่างอันสวยงาม สมเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงได้หรอก ไป๋ฟางเซียนในยุคนี้เป็นบุตรสาวบุญธรรมที่บิดามารดาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอุปการะเลี้ยงดู ส่วนพ่อแม่ของนางเสียชีวิตไปนานแล้ว วันแรกที่ไป๋ฟางเซียนเข้ามาในจวนแม่ทัพ บรรยากาศในจวนก็เป็นไปได้ด้วยดี บุตรชายของบิดามารดาบุญธรรมเอ็นดูนางไม่น้อย เพราะสงสารที่นางเป็นกำพร้า ไป๋ฟางเซียนมีความสุขมาก แล้วความสุขนั้นของนางก็หายไปเมื่อวันหนึ่งบิดามารดาบุญธรรมหมั้นหมายนางกับบุตรชายของตน ในตอนแรกไป๋ฟางเซียนก็มีความสุข นานวันเข้าก็มีแต่ความทุกข์ บุรุษที่นางรักและเรียกขานเขาว่าท่านพี่ไม่สนใจไยดีกัน ทั้งยังตั้งแง่รังเกียจ ความอ่อนโยนที่เคยได้รับ กลับกลายเป็นเย็นชาแข็งกระด้างจนนางไม่กล้าเข้าใกล้ ความห่างเหินของบุรุษผู้นั้นทำให้ไป๋ฟางเซียนเปลี่ยนไป ความสดใสกลับกลายเป็นความด้านชา และมีนิสัยเอาแต่ใจตนเองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นางกลายเป็นสตรีร้ายกาจในสายตาเขา เป็นนางมารที่สมควรถูกกำจัด บุรุษผู้นั้นรังเกียจนางยิ่งชีพ ถึงกับกล้าคิดร้ายต่อนางอยู่หลายครั้งเพียงเพราะไม่อยากเห็นหน้า หนำซ้ำยังทำตัวร้ายกาจด้วยคำพูดในทุกคราที่พบหน้า ไป๋ฟางเซียนไม่มีความสุข ทว่าก็ยอมทนให้เขาต่อว่ามาโดยตลอด ไม่ปริปากบอกบิดามารดาบุญธรรมเพราะกลัวพวกท่านจะไม่สบายใจ ถึงนางจะมีนิสัยเอาแต่ใจ แต่นางก็รู้จักบุญคุณคนที่ชุบเลี้ยงตนมายิ่งกว่าสิ่งใด ดังนั้นอะไรที่จะทำให้พวกท่านไม่สบายใจ ไป๋ฟางเซียนจะไม่พูดหรือทำมันออกไปเด็ดขาด ด้วยเหตุนี้พวกท่านจึงไม่ได้ทราบถึงการกระทำที่ไร้ความเป็นสุภาพบุรุษของบุตรชาย ครั้งหนึ่งนางเคยถามเขาว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือไม่ ปฏิบัติกับนางเช่นเดิมเหมือนก่อนที่เขาและนางจะทราบถึงการหมั้นหมายได้หรือเปล่า คำตอบของอีกฝ่ายคือไม่มีทางเป็นไปได้ ไป๋ฟางเซียนเสียใจมากแต่นางไม่ยอมแพ้ พยายามปรับเปลี่ยนตนเอง ลดความเอาแต่ใจให้น้อยลง เพื่อที่จะกลับไปเป็นนางคนเดิมที่พบหน้ากันครั้งแรก แต่แล้วการปรับเปลี่ยนตนเองของนางกลับไม่เป็นผล ซ้ำร้ายยังดูห่างเหินกันยิ่งกว่าเดิม ด้วยความที่ถูกท่านพี่ บุรุษที่ตนพึงใจหมางเมินมากเข้า นางจึงคิดใช้การแต่งงานมาผูกมัดเขาไว้ คราแรกก็ตั้งใจรอเวลาผ่านไปสักสองถึงสามปีแล้วค่อยแต่ง แต่กลับต้องเปลี่ยนใจเมื่อรู้ข่าวว่าเขามีคนรัก! และสตรีผู้นั้นก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นเพื่อนของนางเอง! เพื่อนที่นางสนิทเล่าทุกอย่างให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง! ไป๋ฟางเซียนเสียใจมากและก็โกรธแค้นมากเช่นกัน นางตบตีทำร้ายสตรีคนดังกล่าว พร้อมทั้งออกปากขอบิดามารดาบุญธรรมจัดงานแต่งงานของนางและเขาทันที นั่นคือเหตุที่ทำให้งานแต่งงานสายฟ้าแลบถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ แต่งานนั้นไร้ซึ่งรอยยิ้มของเจ้าบ่าว จึงเป็นที่โจษจันไปทั่วเมืองหลวง! การกระทำของไป๋ฟางเซียนทำให้อีกฝ่ายโกรธและเกลียดนางยิ่งกว่าเดิม เกลียดจนไม่สนใจพิธีรีตอง ไม่สนแม้กระทั่งขนบธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาอย่างช้านาน คืนส่งตัวเข้าหอวันแรก เจ้าบ่าวกลับไม่อยู่ในห้องหอ เขาไปเมาสุราเคล้านารีที่หอนางโลม ทิ้งนางให้อมทุกข์ร้องไห้เสียใจที่ตั่งเตียงกับอาหารมงคลเพียงผู้เดียว แม้จะเสียใจแต่ไป๋ฟางเซียนกลับไม่คิดยอมแพ้ นางพยายามปรนนิบัติดูแลสามีของตนอย่างเต็มที่ทุกครั้งเมื่อเขากลับจวน ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ต้องการก็ตาม ด้วยความรักที่มีให้บุรุษเพียงผู้เดียว ไป๋ฟางเซียนจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อเขา นางช่วยงานในจวน เรียนรู้การปฏิบัติตัวกับบ่าวไพร่ แต่ให้ทำดีแค่ไหนพยายามมากเท่าใด รอยยิ้มของเขานางกลับไม่เคยเห็น สิ่งที่ทำให้ไป๋ฟางเซียนเสียใจและเจ็บใจมากที่สุดก็คือ ขณะที่นางพยายามทำทุกอย่างให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น บุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีกลับยิ้มระรื่นให้กับสตรีไร้ยางอาย ทั้งยังมาเย้ยหยันนางถึงในจวน นี่ทำให้ไป๋ฟางเซียนทนไม่ได้! ความรักความหึงหวงทำให้ไป๋ฟางเซียนไร้ซึ่งสติ นางเข้าไปจัดการตบตีทำร้ายอีกฝ่ายอย่างรุนแรง ท่ามกลางสายตาตกใจของบุรุษที่นางรัก ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้และแยกนางออกไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังต่อว่าต่อขานนางต่าง ๆ นานา ภาพที่คนรักโอบประคองกอดปลอบสตรีอื่นฉายชัดในความทรงจำมันติดตาของนางไม่เสื่อมคลายจนต้องล้มหมอนนอนเสื่อ เดือดร้อนบิดามารดาบุญธรรมต้องตามท่านหมอมาดูแลรักษา ครั้นเมื่อหายดีพอที่จะใช้ชีวิตอย่างปรกติสุข ก็ต้องมาจมน้ำตาย จนนางไป๋ฟางเซียนในอีกยุคเข้ามาแทนที่ ที่ไป๋ฟางเซียนรู้เรื่องราวของเจ้าของร่างได้ตั้งแต่ต้น เป็นเพราะว่าเจ้าของร่างเดิมได้ทิ้งความทรงจำเอาไว้ นางทิ้งไว้ทุกอย่างแม้กระทั่งความรู้สึก และความรักโง่ ๆ ก็ยังทิ้งไว้ ทว่ามีสิ่งเดียวที่ไม่ว่าไป๋ฟางเซียนคนใหม่ขบคิดเท่าไรก็ไม่อาจหาคำตอบได้คือ เจ้าของร่างเดิมตายได้อย่างไร? ไป๋ฟางเซียนพยายามอนุมานหลาย ๆ เหตุผลและหลายเหตุการณ์แต่ก็ยังไม่มีความคิดไหนเข้าท่า เมื่อคิดและหาคำตอบไม่ได้นางจึงไม่ใส่ใจอีก และหันมาสนใจความเป็นอยู่ของตนเองให้ดีในที่สุดแทน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไป๋ฟางเซียนพยายามทำตัวไม่มีตัวตนในจวนเพื่อที่จะได้ปรับตัวเข้ากับยุคสมัยและใช้ชีวิตให้ดีต่อไปได้ ไป๋ฟางเซียนเคยโทษชะตาฟ้าลิขิตที่ทำให้นางมาที่นี่ นางตัดพ้อต่อว่าเวรกรรมที่ทำให้นางมาอยู่ในวิถีชีวิตและบรรยากาศที่ตนเองไม่รู้จัก แต่ไม่ว่าจะตัดพ้ออย่างไรก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ไม่มีสิ่งใดมาพานางกลับไปยังที่ที่จากมาอยู่ดี เมื่อเป็นเช่นนั้น ไป๋ฟางเซียนลูกเจ้าของค่ายมวยผู้นี้จึงได้ทำใจยอมรับ และใช้ชีวิตในร่างไป๋ฟางเซียนที่จบชีวิตไปในที่สุด อันที่จริงการที่ได้มาอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้แย่นัก นางได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนในซีรีส์จีนโบราณ ได้พบปะ เผชิญ และสัมผัสด้วยตนเอง ขณะเดียวกันก็ขอบคุณที่ชื่อนี้เป็นชื่อเดียวกันกับนาง และมีหน้าตาคล้ายคลึงกันถึงสามส่วน นี่ทำให้ไป๋ฟางเซียนใช้ชีวิตอย่างไม่ติดขัดและรู้สึกผิดนัก ด้วยความรู้ความสามารถ และความทรงจำที่มีมาจากโลกเดิม ทำให้ไป๋ฟางเซียนคิดว่านางสามารถใช้ชีวิตและเอาตัวรอดได้ไม่ยาก หากข้ามมาแล้วมีชีวิตโสดหรืออยู่คนเดียวคงดี นางจะได้ออกไปเผชิญโลกภายนอกอย่างง่ายดาย ไม่ใช่มีสถานะเป็นฮูหยินแม่ทัพแบบนี้ เอาเถอะ! ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ นางจะยอมรับก็แล้วกัน ส่วนสามีผู้โง่เขลาคนนั้น นางจะจัดการเอง! ให้มันรู้กันไปสิว่า นางจะไม่สามารถสยบบุรุษผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD