“ร้านผ้าของคุณหนูไม่ใหญ่มากเจ้าค่ะ เป็นร้านขนาดกลาง ส่วนกิจการก็ เอ่อ... ไม่ค่อยได้กำไรนักเจ้าค่ะ”
“ว่าไงนะ! เหตุใดถึงไม่ได้กำไรเล่า” ไป๋ฟางเซียนถามตาโต เปิดร้านขายผ้าเหตุใดถึงจะไม่ได้กำไร จื่อถิงคิดหลอกนางใช่หรือไม่
“โธ่คุณหนู... คุณหนูจะให้กิจการของร้านได้กำไรอย่างไรเล่าเจ้าคะ ในเมื่อคุณหนูไม่เคยไปดูที่ร้านเลย นายท่านทั้งสองก็ไม่มีเวลาไปดูให้คุณหนูเช่นกัน หลงจู๊ของร้านถึงจะมีแต่ก็ใช่ว่าจะตัดสินใจได้นะเจ้าคะ... เอ่อ ขอโทษเจ้าค่ะคุณหนู” จื่อถิงร่ายยาวก่อนเอ่ยขอโทษ
ไป๋ฟางเซียนไม่ได้ว่าอะไร เมื่อคิดตามคำพูดของสาวรับใช้แล้วก็เห็นจริงดังที่นางว่า กิจการเมื่อไม่ดูแลและปรับปรุงจะเจริญเติบโตสร้างผลกำไรให้นางได้อย่างไร
“เอาเถอะ ที่เจ้าพูดมามันก็ถูก ดังนั้นพรุ่งนี้เราไปที่ร้านดีหรือไม่ ข้าอยากเดินตลาดด้วย ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาข้าก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย จะว่าไปตั้งแต่มาอยู่กับท่านพ่อท่านแม่บุญธรรม ข้าก็ไม่เคยออกนอกจวนเลยนี่นะ งั้นพรุ่งนี้เราไปดูร้านและเดินเที่ยวตลาดกันเถอะ”
“เจ้าค่ะคุณหนู” จื่อถิงรับคำด้วยความดีใจ
“ว่าแต่นี่ยามใดแล้วจื่อถิง” ด้วยความที่ยังไม่คุ้นชินกับวันเวลาของโลกนี้ ไป๋ฟางเซียนจึงเลือกถามสาวใช้คนสนิทเอา
“ต้นยามเซิน[1] เจ้าค่ะคุณหนู”
‘ต้นยามเซิน... ถ้าโลกเก่าของเราก็บ่ายสามสินะ’
“เอาละจื่อถิง เราไปเข้าครัวกันเถอะ วันนี้ข้าจะทำอาหารให้ท่านพ่อท่านแม่บุญธรรมกิน”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
ว่าแล้วสองนายบ่าวก็เดินตามกันออกไปที่ห้องครัวของจวนตระกูล
หลี่ เมื่อไป๋ฟางเซียนไปถึงก็เห็นเหล่าพ่อครัวแม่ครัวเริ่มเตรียมของกันบ้างแล้ว นางเดินเข้าไปเมียง ๆ มอง ๆ ดูวัสดุอุปกรณ์และส่วนประกอบต่าง ๆ ในการทำอาหาร เมื่อเห็นข้าวของต่าง ๆ ถูกจัดไว้เป็นที่เป็นทางก็ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
ทุกการกระทำของไป๋ฟางเซียนตกอยู่ในสายตาของข้ารับใช้ที่อยู่ในห้องครัวทั้งสิ้น พวกเขาแปลกใจมาก น้อยนักที่นางจะเข้าครัวด้วยตนเองเช่นนี้ แต่ถึงอย่างนั้นรสมือของนางกลับดียิ่ง
“เอาละวันนี้ข้าจะทำ... ต้มจืดหมูสับ ขาหมูตุ๋นยาจีน และไก่ทอด”
จบคำพูดของไป๋ฟางเซียน พ่อครัวแม่ครัวและลูกมือทั้งหลายที่อยู่ภายในห้องก็มองมาที่นางอย่างตกตะลึง ก่อนหันไปส่งสายตาให้กันปริบ ๆ
“พ่อครัวหม่า ท่านสั่งให้คนเตรียมของให้ข้าตามนี้ ส่วนพวกเจ้าช่วยสับหมูให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ แล้วหั่นไก่สำหรับทอดด้วยเล่า เอาชิ้นพอดีคำนะ ข้าไม่ต้องการให้ชิ้นใหญ่มากจนเกินไป”
“เจ้าค่ะ/ขอรับ ฮูหยินน้อย”
ได้ยินคำเรียกขานว่าฮูหยินน้อยแล้ว นางรู้สึกระคายหูเสียจริง แต่จะบอกทุกคนให้เรียกตนเองว่าคุณหนูเหมือนจื่อถิงก็ไม่ได้ ดังนั้นจึงได้แต่เลยตามเลย
หลังเอ่ยจัดแจงหน้าที่ของแต่ละคนแล้ว ไป๋ฟางเซียนก็ล้างมือเพื่อจะทำอาหารอย่างแรกที่ใช้เวลานานที่สุดทันที นั่นก็คือขาหมูตุ๋นยาจีน ที่ต้องใช้เวลานานเป็นเพราะว่าต้องตุ๋นขาหมูให้นานหน่อย เพื่อที่จะได้เนื้อหมูนุ่ม ๆ รสชาติเข้าเนื้อ เวลากัดและกินเข้าไปจะได้กลิ่นหอมของเครื่องตุ๋นและส่วนผสมอย่างอื่นด้วย
อย่างที่สองที่นางจะทำก็คือต้มจืดหมูสับเพราะทำง่าย ส่วนผสมก็ไม่มาก สุดท้ายคือไก่ทอด ซึ่งเป็นอาหารที่ทำได้ง่ายและสะดวกที่สุด เพียงนำเนื้อไปหมักชุบแป้งและลงทอดในกระทะที่มีน้ำมันร้อน ๆ ไม่นานก็ได้กินแล้ว
ไป๋ฟางเซียนเลือกทำอาหารตามลำดับที่นางคิดไว้ สิ่งหนึ่งที่นางรู้สึกแปลกใจก็คือ ที่นี่มีเครื่องปรุงแทบจะครบทุกอย่างเลยด้วยซ้ำ พอถามก็ได้ความว่า มีครอบครัวที่เมื่อก่อนยากจนทำขึ้นมาขาย จนตอนนี้มีฐานะร่ำรวยกลายเป็นคหบดีอันดับต้น ๆ ของเมืองหลวงไปแล้ว นี่ทำให้ไป๋ฟางเซียนแปลกใจและสงสัยมาก
เครื่องปรุงบางอย่างที่นางไม่คิดว่าจะได้เห็นก็เห็น อะไรที่ไม่คิดว่าจะมีก็มี จนนางอดคิดไม่ได้ว่า หรือจะมีคนในโลกเดียวกันกับนางตายแล้วข้ามภพมาอยู่ยุคจีนโบราณเช่นเดียวกัน
แต่เรื่องนี้คิดไปก็เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอันใดที่ต้องคิดมาก หากมีโอกาสคงได้รู้จักและคบหาเป็นสหายกันเองนั่นแหละ ไป๋ฟางเซียนจึงไม่ได้สนใจในประเด็นนี้อีก นางทำอาหารของนางไปอย่างมีขั้นตอน ความคล่องแคล่วของนางได้รับสายตาชื่นชมจากพ่อครัวแม่ครัวและคนที่อยู่ในห้องครัวมาก
ไป๋ฟางเซียนไม่รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด นี่คงเป็นเพราะเมื่อก่อนเจ้าของร่างเดิมก็ทำอาหารเก่งเช่นกัน เพียงแต่นางไม่ค่อยลงครัวด้วยตนเอง นิสัยของไป๋ฟางเซียนคนเดิมช่างเหมือนนางเสียจริง อาหารที่ทำวันนี้ก็เป็นเพราะนางอยากกินหรอก จึงได้ลงมือทำ ที่บอกกับจื่อถิงว่าจะทำอาหารให้บิดามารดาบุญธรรมก็เพื่อให้ตัวนางเองดูดีเพียงเท่านั้น
เป็นเช่นไร นางร้ายใช่หรือไม่เล่า?
[1] ยามเซิน คือ 15:00-16:59 น.