เสียงคุณป้ามาลาไพรดังลั่นจนเจ้าของชื่อทั้งสองคนที่อยู่บนเตียงอดสะดุ้งตามไปด้วยไม่ได้
คุณป้ามาลาไพรยืนหน้าเคร่งตรงประตูมองมาด้วยสายตาตำหนิ
“แต่งตัวให้เรียบร้อย น้าจะรอที่โต๊ะอาหาร”
รุ่งอรุณขยับตัวลุกขึ้นนั่ง สะบัดหัวอย่างงงๆ นี่มันอะไรกัน เธอหันไปมองเขา ก็เห็นพยัคฆ์ยักคิ้วแล้วลุกจากเตียงนอนไปก่อนไม่วายทักด้วยประโยคกวนโมโหที่สุด
“ถึงกับลุกไม่ไหวเลยเหรอ”
“บ้าดิ่ พูดอะไรน่าเกลียด”
“อ้าว คิดไปถึงไหน แค่ถามว่าเมาจนลุกไม่ไหวเลยเหรอ แล้วคุณคิดอะไรล่ะ”
รุ่งอรุณหน้าร้อนวาบอีกครั้ง เพราะเธอคิดเกินไปกว่านั้นจริงๆ และก็อายที่เขาจับได้ด้วย เลยคว้าของใกล้มือที่สุดแล้วปาออกไปใส่เขา พยัคฆ์เอี้ยวตัวหลบแล้วหัวเราะลั่นห้อง เขาสนุกจริงๆกับการยั่วให้อีกฝ่ายหลุดท่าทีนิ่งๆมาเป็นฉุนเฉียว หรืออายเขาได้ แล้วรุ่งอรุณก็ตวัดผ้าห่มออก เดินหนีกลับห้องทันที ทำไมตายักนี่ต้องตามกวนประสาทเธออยู่เรื่อยเลยนะ แล้วนี่มันเรื่องอะไรทำไมเธอถึงมานอนในห้องของพยัคฆ์ เมื่อคืนนี้ใครเป็นคนพาเธอมา
พอเสร็จจากมื้อเช้าที่แทบจะกินอะไรไม่ลง รุ่งอรุณก็มานั่งเอี้ยมเฟี้ยมรอฟังคำพิพากษาที่ห้องโถงกลางบ้าน โดยมีคุณป้ามาลาไพร พยัคฆ์ และดวง
“มันเกิดอะไรขึ้นบอกป้ามาสิ
รุ่งอรุณพูดได้คำเดียวว่า“คือ...”แล้วพยัคฆ์ก็ขัดขึ้น
“ก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว”
“เดี๋ยวก่อนคุณยัก แล้วคุณยักจะจัดการเรื่องนี้ยังไง” ท่านคงหมายถึงว่าให้ทำอย่างไรกับเธอน่ะเอง รุ่งอรุณคิดตาม และเธอก็กำลังอ้าปากจะพูดบ้างแต่ไม่ทันเขา
“จะย้ายมาอยู่ห้องผม หรือ จะให้ผมย้ายไป เย็นนี้จะมาเอาคำตอบ” เขาเงียบแล้วเลิกเคี้ยวถามเหมือนเป็นต่อ “เอ...หรือจะให้ผมแต่งงานเป็นการรับผิดชอบดีครับ”
“ไม่ต้อง !” รุ่งอรุณหลุดปากปฏิเสธแทบจะพร้อมๆกับคุณป้ามาลาไพร
พยัคฆ์พูดแค่นั้น แล้วเดินจากไป ไม่มีใครทันได้เห็นรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากของคนที่เดินออกมาก่อน เพราะมัวแต่งงงันกันอยู่ รุ่งอรุณที่ยังก้มหน้าก้มตานั้น ถอนหายใจหนักๆซ้ำแล้วซ้ำอีก ให้เธอรับมือกับใครก็ได้ทั้งนั้น แต่กับพยัคฆ์ อยู่ๆก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาเสียอย่างนั้น เธอไม่อยากถูกยักจับกินนี่นา ใครกันที่พาเธอเข้าไปในห้องของเขา รุ่งอรุณครุ่นคิดอย่างหนัก แล้วเสียงคุณป้ามาลาไพรก็ดังแทรกเข้ามา
“ไหนๆเรื่องก็ออกมาในรูปนี้แล้ว ป้าหวังว่ารุ้งจะใช้โอกาสนี้ กันคุณยักกับแม่พีพีนั่นได้บ้างนะ”
รุ่งอรุณถอนหายใจเล็กน้อย พยักหน้าด้วยความจำใจ
“ป้าถามหน่อย เรื่องเมื่อคืนนี้...มันไม่มีอะไรใช่ไหม”
รุ่งอรุณลังเลอยู่ครู่ แล้วตัดสินใจส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธทันที คุณป้ามาลาไพรลอบถอนหายใจ ถึงแม้รุ่งอรุณจะไม่ใช่คนสวยแบบแม่พีพีนั่น แต่เจ้าตัวกลับดูน่ารักสดใสมากกว่า เวลายิ้มหรือหัวเราะดวงตาคู่นั้นของหลานสาวจะพริ้มดูน่าหลงใหลทีเดียว ทำไมท่านไม่เอะใจตั้งแต่แรกนะ ยังไม่รวมถึงหุ่นอวบอัดเต็มไม้เต็มมือนั่นด้วย ท่านหันไปสบตากับดวง ขออย่าให้เป็นอย่างที่ท่านคิดก็แล้วกัน
เมื่อดูแลคุณป้ามาลาไพรเรียบร้อยแล้ว รุ่งอรุณเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆตามหาพยัคฆ์ จนเจอเข้ากับมะเดี่ยวที่วิ่งตามลูกฟุตบอลออกมาจากสนามหญ้าที่ทำเป็นสนามเอนกประสงค์ อยู่ข้างริมน้ำด้านหลังบ้าน เธอถามหาพยัคฆ์กับเด็กหนุ่ม และเมื่อได้คำตอบก็เดินตามทางมาเรื่อยๆ ที่นั่นเธอเห็นพยัคฆ์ยืนกอดอกมองไปยังเบื้องหน้า สีของดวงตะวันตอนนี้เหมือนสีของไข่แดงที่ตัดกับขอบฟ้าจางๆดูสวยผ่อนคลายเหลือเกิน สายลมพัดเอื่อยๆตลอดทำให้มันดูผ่อนคลายเข้าไปอีก แล้วจู่ๆเขาก็ผินหน้ามามองเธอ จนรุ่งอรุณ อดใจสั่นขึ้นมาไม่ได้เมื่อได้สบสายตากับเขา ทั้งๆที่ก่อนหน้าเธอคิดว่าพยัคฆ์ไม่น่าต่างไปจากผู้ชายรูปหล่อหน้าตาดีๆทั่วไปที่เธอเคยรู้จักหรือเคยพบเห็นมา แต่ตอนนี้เธอกำลังหวั่นไหวกับผู้ชายหล่อหน้าตาดีคนนี้
พยัคฆ์ถามขึ้นก่อน เมื่อเห็นเธอยังยืนเงียบไม่พูดอะไร
“มีอะไร”
“ฉัน อยากถามเรื่องเมื่อคืน”
“ว่า”
“เรา เอ่อฉันว่าเรื่องเมื่อคืนมันอาจแค่มีการเข้าใจอะไรผิดกันนะ และฉัน
อยากให้คุณยืนยันกับฉันหน่อย ว่าเราไม่ได้ เอ่อ…”
พยัคฆ์ยิ้มก่อนส่งสายตาคล้ายล้อเลียนมาให้แล้วดักคอเธอว่า “นี่คิดว่าผมจะทำอะไรคุณงั้นเหรอ”
“อ้าว แล้วอย่างนั้น คุณยอมให้ฉันย้ายไปอยู่ในห้องกับคุณทำไม”
“ผมแค่...อยากให้คุณช่วยมาเป็นเมียผมหน่อย”
บ้าเอ๊ย เห็นเธอแบบนี้เธอก็เลือกนะ จะมาให้ทำอย่างนั้นได้อย่างไร
รุ่งอรุณขมวดคิ้วเล็กน้อย ย้อนถามเขา“ฉันถามคุณได้ไหมว่าทำไม”
“ทำไมอะไร เรื่องเป็นเมียผมน่ะเหรอ”
รุ่งอรุณพยักหน้าเป็นคำตอบ ชักรู้สึกแปลกๆกับคำว่า ‘เมีย’ ของพยัคฆ์ขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะสายตาประกอบคำพูดของเขามันทำให้หัวใจของเธอเร่งจังหวะเร็วขึ้นกว่าปกติ โดยเฉพาะคำว่า ‘เมีย’
“ยังไม่ใช่ตอนนี้ เมื่อถึงเวลาผมจะบอกคุณเองว่าทำไม และเรื่องนี้เป็นอันรู้กันแค่เราสองคน เข้าใจ๋” พยัคฆ์ทวนถามท้ายประโยค ด้วยหน้าตาที่เธอสรุปเองในใจว่าน่าหมั่นไส้ที่สุด
“นานแค่ไหน”
“ตราบใดที่คุณต้องอยู่ที่นี่ ก็ต้องทำตามที่ผมบอก”
“แล้วทำไมฉันต้องทำตามที่คุณบอกด้วย”
“อันนี้...ก็แล้วแต่คุณนะ ถ้าไม่อยากกลายเป็นคนอกตัญญู ทำให้ป้าคุณช็อคเพราะผมกับพีพีไปเสียก่อน”
“พูดแบบนี้แสดงว่าคุณเองก็ไม่ได้คิดอะไรกับยัยพีพีนั่นแล้ว ถ้าอย่างนั้นคุณมาใช้ฉันกันคุณกับแฟนเก่าคุณ ทำไม แล้วทำไมคุณไม่พูดออกไปตรงๆเลยเล่า เอาฉันเข้ามายุ่งด้วยทำไม”
“ก็คุณตั้งใจเข้ามายุ่งแต่แรกแล้วนี่รุ่งอรุณ จะเดือดร้อนทำไม”
รุ่งอรุณชักหงุดหงิดขึ้นมาเสียเฉยๆ ที่เขาไม่ยอมบอกเหตุผลที่แท้จริงออกมา
“พอแล้วเลิกถาม จากวันนี้ไป คุณก็คือ ‘เมีย’ ของผม ช่วยทำตัวให้เป็น ‘เมีย’ ของพยัคฆ์ด้วย ผมพูดอะไรบอกอะไรคุณต้องอยู่ในโอวาทของผมเหมือนเมียสมัยก่อนน่ะเคยเรียนมาไหม อ้อ แล้วอย่าหลงรักผมขึ้นมาจริงๆเสียก่อนล่ะ”
พยัคฆ์หยุดพูดแล้วส่ายหน้าไปมาน้อยๆอย่างต้องการยั่วยวนกวนอารมณ์ บอกต่อทั้งที่ยังมีรอยยิ้มยียวนประดับใบหน้าหล่อเหลาของเขาว่า “ไม่อย่างนั้น คุณต้องแย่แน่ๆเลย หนูรุ้ง”
ใช่มันต้องแย่แน่ๆถ้าเธอหลงรักเขาจริงๆ เพราะรู้ว่าเขามีทั้งอดีตคนรู้ใจอย่างพีรพรรณแล้วไหนจะหลานเพื่อนของคุณป้ามาลาไพรอีกคนที่ยังไม่กลับจากเรียนต่อนั่นอีก
แต่...เขานึกว่าตัวเองแน่มาจากไหนนักเชียว อยากให้ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ เธอไม่รู้หรอกว่าเขาจะใช้ประโยชน์อะไรจากสถานการณ์แบบนี้ แต่เธอก็อยากให้เขารู้เอาไว้ด้วยว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงประเภทอ่อนนิ่ม สั่งแบบไหนก็ได้แบบนั้น และเธอ...ก็เลือก หัวใจเธอเลือกว่าจะรักหรือไม่รักใครได้(ก็เพราะเธอไม่เคยรักใครน่ะสิถึงมั่นใจแบบนั้น) และเธอจะไม่หลงรักเขาง่ายๆแน่ นายยักเขี้ยวใหญ่
“นี่ ฉันจะบอกอะไรให้รู้นะคุณยัก คนที่ฉันจะรักได้ง่ายๆน่ะต้องเป็นหมอเท่านั้น และ...ฉันไม่มีทางหลงรักคนอย่างคุณแน่นอน”
พยัคฆ์ยิ้มก่อนเดินเข้ามาหา เขายื่นมือมาเคาะหน้าผากเธอเบาๆก่อนบอกด้วยรอยยิ้มที่ขยายกว้างกว่าเก่า แววตาคมของเขาแพรวพราวขึ้นมาทันที “จำคำพูดตัวเองไว้ดีดีก็แล้วกัน”
เรื่องนี้เธอไม่มีวันลืมหรอกนายยัก เธอไม่ใช่คนรักใครได้ง่ายๆ ไม่อย่างนั้น ลูกอาม่า หลานอาเจ็กบรรดามีที่เป็นคนไข้ของเธอคงเป็นแฟนเธอมาหมดแล้วล่ะ แล้วอย่างเธอ...ต้องมีแฟนเป็นหมอเท่านั้น จำไว้ รุ่งอรุณบอกตัวเองอย่างหยิ่งๆ
เมื่อกลับมายังสถานที่เกิดเหตุ(ที่ทำให้เธอต้องมาเป็นเมียของพยัคฆ์)อีกครั้ง รุ่งอรุณจึงต้องย้ายข้าวของทั้งหมดเข้ามาในนี้ด้วย ในหัวยังมีเรื่องค้างคาให้ต้องขบคิดเยอะแยะไปหมดว่าเมื่อคืนเธอมาอยู่ในห้องของเขาได้อย่างไร เมื่อคืนเธอยอมรับว่าเมามากจริงๆ สาโทนั่นทำพิษเธอเข้าให้ และเรื่องที่พยัคฆ์อยากให้เธอเล่นเป็นเมียนี่อีกล่ะ งานที่คุณป้ามาลาไพรไหว้วาน ดูท่าจะง่ายขึ้นมาเสียอย่างนั้นราวกับปอกกล้วยเข้าปาก แต่มันมีบางอย่างซ่อนอยู่ในความง่าย บางอย่างที่เธอสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
รุ่งอรุณจัดเสื้อผ้าของตนเองเข้าตู้ที่พยัคฆ์เผื่อที่ให้เธอเอาไว้ครึ่งหนึ่งเป็นอันดับสุดท้าย พอจัดเรียบร้อยก็เดินมามองที่เตียงนอน เขาจะให้เธอนอนตรงไหน อย่าบอกนะว่านอนเตียงเดียวกันกับเขาน่ะ
ก็พอดีกับที่เขาเปิดประตูเข้ามาพอดีพยัคฆ์มองตามสายตาของคนร่วมห้อง ก่อนจะถามขึ้นก่อน “มีอะไร”
“คุณจะให้ฉันนอนไหน”
“ก็เมื่อคืนคุณนอนไหนล่ะ”
รุ่งอรุณเลยย้อนกลับ“แล้วคุณล่ะ”
“ผมเป็นเจ้าของห้อง ก็ต้องนอนบนเตียงอยู่แล้ว เตียงออกจะกว้างรึคุณกลัวผม”
“ไม่ ฉันจะกลัวอะไรคุณล่ะ”
“นั่นสินะ จะกลัวอะไร หมายความว่าคุณไม่กลัวว่าผมจะทำอะไรใช่ไหม หรือ คุณจะกลัวถ้าหากผมไม่ทำอะไร”
ตาบ้าเอ๊ย ยิ่งพูดยิ่งเข้าเนื้อ “โอเค เดี๋ยวฉันนอนบนโซฟานั่นก็ได้” รุ่งอรุณชี้มือไปยังโซฟาริมห้องด้วยท่าทีหงุดหงิดหน่อยๆ
แล้วเดินออกไปรับสายที่นอกห้องเมื่อมีคนโทรเข้ามาพอดี เป็นอิงฟ้าที่โทรมาถามสารทุกข์สุกดิบทั่วไป เลยใช้เวลาคุยกันนานเกือบชั่วโมง พอกลับเข้ามาก็เห็นพยัคฆ์นอนบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว เธอบุ้ยปากใส่เขาทีหนึ่ง อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ แล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าเข้าห้องอาบน้ำ ออกมานอนบ้าง อดใจเต้นกระหน่ำไม่ได้เพราะไม่เคยนอนร่วมห้องกับผู้ชายมาก่อน เอกอุดมนั่นไม่นับว่าเป็นผู้ชายหรอก จนเคลิ้มหลับไปในนาทีถัดมา เป็นคนบนโซฟานั่นที่นอนหลับตาไม่ลงเอาเลย เขาพลิกตัวมองฝ่าความมืดมาที่คนบนเตียง รู้สึกแปลกไปเหมือนกันกับผู้หญิงแบบรุ่งอรุณ