ตอนที่1

1431 Words
ตอนที่1#ข้าผิดอันใด พอตกถึงปลายยามอิ๋น ปิงจีกับถงอีก็เข้ามาปลุกหลินหลีฮัวขึ้นมาจากเตียงนอนนุ่มสบายเพราะทราบดีว่ายามเช้ามาถึงพระชายาหกหลินนั้นยังมีอีกหลายสิ่งให้ต้องกระทำ ไม่ว่าจะเป็นการให้พ่อบ้านใหญ่ในจวนองค์ชายหกนำคนภายในจวนมาคารวะเจ้านายฝ่ายหญิงคนใหม่ที่จะควบคุมเรือนหลัง จากนั้นก่อนยามอู่ยังต้องเร่งเข้าวังไปยกน้ำชาให้กับซ่งฮองเฮา รวมไปถึงฮ่องเต้กับมารดาของสวามีเช่นถังซูเฟย แค่คิดก็แทบจะหมดแรงแล้วจริง ๆ "พระชายาหกเพคะ ตื่นได้แล้วเพคะ นี่ปลายยามอิ๋นแล้ว" หลินหลีฮัวกำลังฝันดีแต่เพราะสามเดือนที่ผ่านมาถูกเหล่าหมัวมัวอาวุโสภายในวังหลังเคี่ยวกรำมาอย่างหนักพอถูกปลุกจึงลุกขึ้นโดยง่ายไม่มีงอแงเช่นเมื่อสามเดือนก่อนเข้าวังอีกแล้ว ร่างเล็กลุกขึ้นมานั่งจากนั้นปิงจีซึ่งเตรียมอ่างล้างหน้ากับผ้าสะอาดก็รออยู่แล้วมาวางตรงหน้า ที่เมืองหลวงของเทียนสุ่ยอากาศเย็นกว่าแถบตงเป่ย ทว่าต่อให้หนาวแต่หลีฮัวก็ต้องอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาดเอี่ยมอ่องอยู่ดี ชุดฮั่นฝูเต็มพิธีการสีชมพูอ่อนปักด้วยดิ้นสีชมพูเข้มเป็นลวดลายดอกไม้เล็ก ๆ มิดชิดถูกนำมาสวมแทนที่จะเป็นชุดป้านปี้เพราะต้องเข้าวังหลังจากจบอาหารมื้อเช้าจึงต้องแต่งกายให้เหมาะสม และแล้วหลินหลีฮัวก็ทราบแล้วว่า อวี้เอ๋อร์ คือผู้ใด หลังจากเนี่ยกงกงส่งนางขึ้นรถม้าตรงมายังวังหลวงโดยไร้เงาขององค์ชายหกผู้เป็นพระสวามีที่เพิ่งร่วมพิธีกราบไหว้ฟ้าดินด้วยกันไปเมื่อวาน พอมาถึงตำหนักหลิวหยางที่มีฮ่องเต้ จ้าวหลิวหย่ง พร้อมกับ ซ่งฮองเฮาและถังซูเฟยอยู่พร้อมหน้าเพื่อรอให้สะใภ้ใหม่เช่นนางมายกน้ำชา หลินหลีฮัวกลับพบว่าพระสวามีของตนเองกลับนั่งเคียงข้างสตรีอื่น ต่อให้เป็นคนโง่ยังเข้าใจว่าที่องค์ชายหกจ้าวหลิวเย่ทิ้งตนเองไว้ในห้องหอแล้วหายไปตลอดราตรีนั้นเขาหายไปที่ใด ที่แท้ อวี้เอ๋อร์ก็โฉมงามราวกับดอกบัวขาวเช่นนี้นี่เองเขาจึงต้องมา ปลอบโยน "หลีฮัวถวายพระพรฝ่าบาท อายุยืนหมื่นปี หมื่น ๆ ปี ถวายพระพรฮองเฮา อายุยืนพันปี พัน ๆ ปี เพคะ" ใบหน้าหวานในยามที่หลินหลีฮัวเปล่งวาจากลับหวานจับใจไพเราะจนยากจะหาใดเปรียบ รอยยิ้มกลับยิ่งใสซื่อทั้งที่สถานการณ์ตรงหน้านี้ช่างไม่ชวนให้เด็กสาวสามารถยิ้มหวานได้เลยแท้ ๆ นามหลีฮัวนี้ช่างตั้งได้เหมาะสมกับเด็กสาวผู้นี้เสียจริงเนื่องจากสถานการณ์จะย่ำแย่แต่หลินหลีฮัวกลับยิ้มแย้มสดใสราวกับดอกสาลี่ออกมาได้ทั้งที่ภายในใจของเด็กสาวคงย่ำแย่แน่นอน ทว่านางกลับมิได้ทำให้ผู้คนรอบข้างของนางรู้สึกไม่ดีแม้แต่น้อย ทุกคนที่อยู่ภายในตำหนักหลิวหยางยกเว้นองค์ชายหกและคุณหนูรองเพ่ยล้วนคิดตรงกันว่าพระชายาหกวางตนได้เหมาะสมยิ่ง "ตามสบายเถิดหลีฮัว" ฮ่องเต้หลิวหย่งเอ่ย "ขอบพระทัยเพคะ"เด็กสาวกล่าวขอบคุณแล้วจึงยืนขึ้นเก็บมือเก็บเท้าเรียบร้อยยิ่ง "ในเมื่อพระชายาหกมาแล้วก็เริ่มพิธีเถิด" เป็นซ่งฮองเฮาบ้างที่เอ่ย หลังจากนั้นกงกงกับหมัวมัวก็เรียกนางกำนัลนำถาดน้ำชาเข้ามาภายในโถงแห่งนี้เพื่อเริ่มพิธียกน้ำชา แต่แทนที่จะมีเพียงองค์ชายหกกับพระชายาหกแต่กลับมีโฉมงามอีกคนมาร่วมด้วย ยิ่งย้ำกับหลินหลีฮัวว่าสตรีอีกคนคงสำคัญไม่ต่างจากตนแน่แล้ว เพียงเท่านี้ หลินหลีฮัวหากนางยังไม่กระจ่างย่อมโง่เขลาเกินคนไปแล้ว ที่แท้นับจากนี้ตนเองคงเป็นพระชายาเอกจริง ๆ นั่นก็เพราะต่อจากนี้ในจวนองค์ชายหกจ้าวหลิวเย่จะมีพระชายารองมาอยู่ร่วมด้วย ช่างน่าขัน แต่หลินหลีฮัวหัวเราะไม่ออกแม้แต่น้อย ก็จะมีสตรีใดหัวเราะได้ ในเมื่อวานนี้ตนเองเพิ่งแต่งเข้าไปพอรุ่งอรุณมาเยือนกลับพบว่าตนเองกลายเป็นภรรยาหลวงไปเสียแล้วและที่เลวร้ายอย่างยิ่งก็คือพระชายารองกลับชิงด่วนตัดหน้าเข้าจวนก่อนพระชายาเอกนี่สิหลินหลีฮัวถึงยังไม่มีความรักใคร่กับสวามีแต่นางกลับรู้สึกอับอายยากจะบรรยายได้หมดจริง ๆ "นี่คือเพ่ยอวี้ นับจากนี้นางคือพระชายารองเพ่ย หลีฮัวต่อไปเจ้าคือผู้เป็นใหญ่ในเรือนหลังของตำหนักองค์ชายหก จงปกครองทุกคนด้วยเมตตาและคุณธรรมอย่าได้สร้างความวุ่นวายให้กับองค์ชายหกเป็นอันขาด" คำกล่าวนี้เป็นถังซูเฟย แล้วจะให้หลินหลีฮัวเอ่ยอันใดได้มากไปกว่าคำว่า “เพคะ” อีกเล่า หัวอกของเด็กสาวขมขื่นยากจะบรรยายแต่ต่อให้หลินหลีฮัวอยากจะบรรยายออกมาก็เกรงว่าคงหาผู้ใดรับฟังเป็นแน่ "อวี้เอ๋อร์ฝากตัวกับพี่สาวหลีฮัวด้วยนะเพคะ" เพ่ยอวี้นั้นแท้จริงอายุมากกว่าหลินหลีฮัวอยู่สองหนาว แต่ด้วยฐานะ อีกฝ่ายจึงต้องเรียก หลินหลีฮัว พี่สาวหรือ เจียเจี่ย อย่างไม่เต็มใจเท่าใดนักฝ่ายของหลินหลีฮัวทำเพียงยิ้มอ่อนโยนไปให้อีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากจบสิ้นพิธีการยกน้ำชาหลินหลีฮัวก็กลับออกมาจากวังหลวงด้วยความรู้สึกยังมึนงง ขึ้นรถม้ามาแล้วเด็กสาวก็ยังเหม่อลอย จวบจนจ้าวหลิวเย่กับเพ่ยอวี้ตามขึ้นมาหลินหลีฮัวจึงค่อยดึงสติของตนเองกลับมาอยู่กับหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรีตรงหน้า "ขยับลงไปนั่งตรงนั้น" ตรงนั้น ที่จ้าวหลิวเย่ชี้มือให้หลินหลีฮัวลงไปนั่งคือพื้นรถม้าแม้แต่สาวใช้หลินหลีฮัวทั้งสองของตนเองเช่นปิงจีและถงอีนางยังไม่เคยให้ลงไปนั่งเช่นนั้น ทว่าตนเองที่เป็นถึงพระชายาเอกในองค์ชายหกกลับถูกพระสวามีขับไล่ลงไปนั่ง นี่มันเรื่องต่ำช้าอันใดกันเล่า? "ยังจะนั่งโง่งมอยู่อีกลงไป!" จ้าวหลิวเย่ตวาดเสียงเข้ม หลินหลีฮัวมีอันต้องสะดุ้งเฮือกเพราะคาดไม่ถึงว่าตนเองจะถูกตะคอกเช่นนี้ "องค์ชายเพคะ มิสมควรกระมัง เช่นไรพี่สาวหลีฮัวก็เป็นถึงพระชายาเอกเชียวนะเพคะ" เพ่ยอวี้จีบปากจีบคอเอ่ยออกมาแต่ยังไม่ทันไรเท้าแกร่งของจ้าวหลิวเย่ก็ถีบเปรี้ยงเข้าใส่ร่างบอบบางของหลินหลีฮัวรู้ตัวอีกครั้งเด็กสาวก็พบว่าตนเองหล่นโครมลงมานั่งยังพื้นของรถม้าแทบเท้าของสตรีโฉมงามนามเพ่ยอวี้เสียแล้ว "!!!"หลินหลีฮัวทั้งจุกและเจ็บแถมตกใจแต่พูดอันใดไม่ออกแม้แต่เพียงครึ่งคำ "นั่งอยู่ตรงนั้นอย่าได้เผยอขึ้นมานั่งตีเสมอเปิ่นหวางกับพระชายารองเพ่ยเพราะคนเช่นเจ้าไม่คู่ควร" หลีหลินฮัวมีคำถามขึ้นมาในใจอีกครั้งว่า'ข้าผิดอันใด?'นี่คือประโยคเดิมที่บังเกิดขึ้นภายในใจของเด็กสาว นางไม่รู้และไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าตนเองผิดอันใดจึงถูกสวามีปฏิบัติต่อตนเองเช่นนี้ นางก็แต่ทำตามพระประสงค์ของฮ่องเต้กับซ่งฮองเฮาเท่านั้น เพราะหากนางไม่ทำตามครอบครัวรวมไปถึงคนสกุลหลินย่อมไม่รอดปลอดภัย พระประสงค์ของฮ่องเต้ผู้ใดบ้างจะขัดได้นางเองก็เช่นกัน แล้วเหตุใดจ้าวหลิวเย่ต้องปฏิบัติกับนางเช่นนี้ด้วย ยิ่งคิดยิ่งสงสัยหลินหลีฮัวกลับไร้คำตอบ พอนางแอบชำเลืองสายตาขึ้นไปมองก็ต้องรีบก้มหน้าเพราะภาพที่สวามีกับชายารองกำลังจุมพิตกันเด็กสาวอับอายเกินกว่าจะกล้ามอง นี่ข้ากำลังเผชิญกับนรกขุมใดกันแน่? …
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD