ปารวตีแทบล้วงคออ้วกอยู่ตรงนั้น ขนาดเมายังดูออกเลยว่าหนุ่มตี๋ตาคมตรงหน้าคิดเช่นไรกับเพื่อนสนิทของเธอ
แต่ยัยกวางมีผัวแล้วเว้ย! แล้วสิ่งที่ปารวตีเกลียดที่สุดก็คือมือที่สามที่ทำให้ชีวิตคู่ของคนอื่นพัง
“แกจะกลับตอนไหน เดี๋ยวพี่แบงค์กลับบ้านก่อนก็เป็นเรื่องหรอก” ปารวตีพูดพลางเหล่ตามองผู้ชายที่เดินเข้ามาทักพรพระพาย “มีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วก็ต้องเกรงใจผัวรู้มั้ยแก ไปๆ กลับบ้านไปเลยไป”
ทำไมจะไม่รู้ว่ายัยเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่ตั้งใจพูดตอกย้ำให้เขารู้ว่าพรพระพายมีเจ้าของแล้ว
แล้วไง! ในเมื่อการแต่งงานครั้งนี้ไม่เกิดจากความรัก หนำซ้ำทั้งสองฝ่ายไม่ได้เต็มใจแม้สักนิด อีกแค่ไม่กี่เดือนพรพระพายก็จะหย่าขาดจากนายแพทย์รัชชานนท์ รู้หรอกว่าหญิงสาวที่ตนหมายปองยังเป็นเมียในทะเบียนสมรสของผู้ชายอีกคนอยู่ และเขามีศีลธรรมมากพอที่จะไม่ทำตัวเป็นมือที่สามของใคร
“เออ ฉันก็กลัวเหมือนกัน ผัวฉันยิ่งโหดๆ อยู่” พรพระพายไหลตามน้ำเพราะเธอเองก็รู้สึกไม่ดีเช่นกันที่เฉินหมิงแสดงออกชัดเจนว่ารู้สึกยังไง “งั้นฉันไปแล้วนะพวกแก” พรพระพายบอกสามสาวแล้วหันไปกล่าวลาอีกคนที่ยืนอยู่ “ฉันขอตัวก่อนนะคะคุณเฉินหมิง”
ปารวตีชะงักทันทีที่ได้ยินพรพระพายเรียกผู้ชายหน้าตี๋ตรงหน้าว่า.. เฉินหมิง แต่กระนั้นเจ้าหล่อนก็พยายามคิดว่าคงไม่บังเอิญขนาดนั้น ผู้ชายคนนี้อาจจะแค่ชื่อเหมือนไอ้บ้านั่นเฉยๆ
ชายหนุ่มมองตามพรพระพายสายตาละห้อย
“เพื่อนฉันมีสามีแล้ว อย่าทำตัวเป็นมือที่สามของครอบครัวยัยกวางเลยนะคะ” ปารวตีจ้องหน้าเฉินหมิง เจ้าหล่อนไม่ละสายตาซ้ำยังมองชายหนุ่มด้วยแววตาหาเรื่อง
“ผมยอมรับว่าผมชอบคุณกวาง แต่ผมไม่ต่ำตมขนาดที่จะทำตัวเป็นมือที่สามแทรกกลางชีวิตคู่ของใคร”
“ดีค่ะ พูดกันเข้าใจง่ายๆ ก็ดี” ปารวตีหารู้ไหมว่าประโยคต่อมาจะทำให้หญิงสาวแทบช็อก
“แต่ที่ผมรู้มา คุณกวางกับสามีในนามของเธอไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก และอีกอย่างทั้งคู่มีสัญญากันว่าเมื่อแต่งงานครบหนึ่งปีแล้วจะหย่า เท่ากับว่าผมยังมีสิทธิ์”
ทั้งสามหันมองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากคนในครอบครัวของฝ่ายเจ้าบ่าวเจ้าสาวและเพื่อนสนิท
“คุณรู้ได้ไง” ปารวตีแทบสร่างเมา หญิงสาวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “กวางบอกคุณเหรอ” เฉินหมิงกระตุกยิ้มพลางจ้องหน้าเธอกลับ
“เปล่าหรอก แต่ผมจะรู้มาจากไหนมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมารายงานคุณ เพราะคุณไม่ใช่แม่ผม” นิ้วเรียวยาวได้รูปจิ้มลงกลางหน้าผากของปารวตี
“เสียมารยาท!” ปารวตีปัดมือเขาทิ้ง ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ในลำคอพลางใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มแล้วเท้าสะเอวมองผู้หญิงตรงหน้า
“ถ้าผมเดาไม่ผิด พวกคุณเป็นเพื่อนสนิทคุณกวางใช่มั้ย ถ้าผมทำอะไรหรือพูดอะไรที่ทำให้พวกคุณขุ่นเคืองหรือไม่พอใจก็ขอโทษด้วยแล้วกัน เราอย่าหมางใจกันเลยนะ เพราะในอนาคตข้างหน้าพวกเราอาจจะกลายเป็นคนใกล้ชิดกัน”
มั่นมาก! ปารวตีแอบเบะปาก เจ้าหล่อนกอดอกแล้วไล่มองตั้งแต่เท้าจรดหัว หัวจรดเท้า จริงอยู่ที่เฉินหมิงรูปร่างหน้าตาดีชนิดที่ว่าดาราช่องมากสีน้อยสีหรือสีผสมบางคนยังเทียบรัศมีไม่ติด แต่ปากนี่สิ..
“มั่นใจได้ไงว่าเพื่อนฉันจะเป็นหม้ายผัวหย่า ไม่เคยได้ยินเหรอว่าความใกล้ชิดทำให้เกิดความรักได้น่ะ หมอแบงค์หล่อลากซะขนาดนั้น ถ้าฉันเป็นยัยกวางฉันไม่ยอมหย่าหรอก” เฉินหมิงหน้าตึงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเธอพูดเช่นนั้น
“อนาคตเป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า ถ้าเกิดว่าคุณกวางไม่หย่าผมก็จะเลิกวอแวกับเธอ คุณพอใจหรือยังครับคุณเพื่อนสนิท” ปารวตีไหวไหล่เลิกน้อย
“ก็ระดับหนึ่งนะ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ฉันว่าคุณควรเลิกยุ่งกับยัยกวางจนกว่าเพื่อนฉันจะหย่าจริงๆ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้คุณตามจีบเพื่อนฉันโดยใช้สถานะเพื่อนร่วมงาน เพื่อน คนรู้จัก หรืออะไรก็ตามเข้ามาเป็นข้ออ้างหรือเปล่า แต่เลิกเหอะ การโดนแย่งแฟนไม่ใช่เรื่องสนุก”
ดวงตาของคนฝีปากกล้าหม่นลงจนเห็นได้ชัด คล้ายว่ามีน้ำใสเอ่อคลอในหน่วยตาคู่นี้ด้วย เฉินหมิงเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากเห็นแววตาเช่นนี้ของผู้หญิงตรงหน้า
“ดูคุณจะเดือดร้อนเรื่องของผมกับคุณกวางจังเลยนะ ทำไมเหรอ หรือว่าคุณสนใจผม” เขาแสร้งพูดจากวนโมโหเจ้าหล่อนเพื่อดึงเธอออกจากความรู้สึกเมื่อครู่
ให้ตายเถอะ! แล้วมันเรื่องอะไรที่เขาต้องไปเดือดร้อนเพียงเพราะแค่เห็นแววตาหม่นหมองของผู้หญิงปากเสียด้วย
เรียวคิ้วโก่งที่พาดผ่านดวงตากลมโตย่นเข้าหา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มทอประกายวาวโรจน์ “อย่าคิดว่าตัวเองหน้าตาดีแล้วชะนีทั้งโลกจะอยากขึ้นเตียงด้วย อย่างน้อยก็มีฉันคนหนึ่งล่ะที่ไม่ ต่อให้เหลือคุณเป็นผู้ชายคนสุดท้ายในโลกใบนี้ ฉันก็ไม่มีทางเอาคุณมาทำผัว!” เฉินหมิงเบะปาก
“แล้วคิดว่าผมจะเอาคุณงั้นเหรอ ผมชอบผู้หญิงหวานๆ ไม่ใช่แข็งกระด้างแถมแบนราบเป็นไม้กระดานโดนรถสิบล้อทับแบบคุณ”
กรี๊ดดด! ตั้งแต่เกิดมามีแต่ผู้ชายวิ่งเข้าหา แล้วอีกอย่างอีตานี่กล้าดียังไงมาว่าหน้าอกคัพซีของชะนีคนนี้แบนเหมือนไม้กระดาน
“คุณ!”
คู่แฝดรีบดึงแขนเพื่อนไว้ก่อนที่ปารวตีจะกระโดดกัดคอหนุ่มหล่อหน้าตาดีให้มีรอยมลทิน
“ใจเย็นสิแก นั่งก่อน”
“ต้องขอโทษคุณแทนมะปรางด้วยนะคะ ปกติเพื่อนฉันมันก็ไม่ได้เป็นแบบนี้หรอก แต่วันนี้สงสัยดื่มเยอะไปหน่อย” ช้องปีบรีบขอโทษขอโพยเฉินหมิง
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ถือสาเด็ก งั้นผมขอตัวก่อนนะ ดูแลเพื่อนพวกคุณดีๆ ด้วยล่ะ”
ปารวตีมีสติดี แม้ไม่เต็มร้อยก็ตาม
‘อย่าให้เจออีกนะ อีลุงปากหมา’
“ทำไมหน้ายัยเด็กนั่นหน้าคุ้นๆ วะ” นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เขาพึ่งมาอยู่ประเทศไทยได้ไม่นาน แม้จะพบเจอกับผู้คนมากมายด้วยว่าต้องติดต่อธุรกิจ แต่น้อยคนนักที่จะติดอยู่ในความทรงจำ และหนึ่งในนั้นมีผู้หญิงปากดีที่ชื่อปารวตีอยู่ด้วย
“ช่างแม่ง! จะอยากรู้ไปทำไมวะ โลกคงไม่เหวี่ยงให้ฉันต้องซวยซ้ำซวยซ้อนกลับมาเจอผู้หญิงคนนี้อีกหรอก”