EPISODE 8

1726 Words
“ออยล์รักอ้ายนะ” หลังประโยคบอกรักเรียวปากหนาประกบที่ริมฝีปากของฉันอย่างอ่อนโยน ลิ้นสากสอดแทรกเข้ามาพันเกี่ยวในโพรงปากของฉัน เรายืนจูบกันอย่างดูดดื่มกลางบ้านของเรา “คิดถึงที่สุด” พี่ชายของฉันถอนริมฝีปากออกเมื่อเขาจูบจนหนำใจ แล้วเขาก็หอมที่แก้มเนียนทั้งสองข้างของฉัน “คิดถึงมากกว่า อยากนอนกอดทั้งคืนเลย ไปนอนกันเถอะ” ฉันอ้อนผู้ชายตรงหน้า ผู้ชายคนเดียวที่ฉันหลงรักมาตั้งแต่เด็ก ผู้ชายที่คอยอยู่ข้างฉันในวันที่ฉันเหงา และต้องการใครสักคน เขาเปรียบเหมือนแสงสว่างในวันที่ฉันนั่งขดอยู่ตรงมุมมืด ๆ ของห้อง เขาสอนให้ฉันรู้จักจูบ และสอนให้ฉันรู้จักหลาย ๆ อย่าง แต่เขายังไม่สอนให้ฉันรู้จัก ‘เซ็กส์’ เขาบอกว่าเราคือคนรักกัน เหมือนผู้ชายกับผู้หญิงที่รักกันแล้วแต่งงานกัน สรุปแล้วคือเราคบกัน คบกันมานาน และคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดก็คือ ยัยโรสเพื่อนฉันซึ่งยัยโรสไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ นางเลยพยายามจะไม่รับรู้ เพราะไม่อยากรู้สึกผิดต่อพ่อและแม่ของฉัน เนื่องจากครอบครัวฉันยังไม่มีใครรู้ ใครหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเรารักกันได้ ทั้งที่เป็นพี่น้องกัน ไม่ผิดศีลธรรมเหรอ? ฉันขอตอบเลยว่าเรารักกันได้แน่นอน เพราะฉันเป็นลูกติดแม่ ส่วนเขาเป็นลูกติดพ่อ พ่อแม่ฉันมาเจอกันและรักกันในเวลาที่ทั้งสองต่างมีลูกติด ฉันกับพี่ชายอายุห่างกันประมาณ 2ปี แต่ฉันชอบเรียกเขาว่า ออยล์ เวลาที่อยู่ด้วยกันสองคน นาน ๆ ครั้งถึงจะเรียกพี่ รักของฉันกับพี่ชายค่อนข้างพูดให้ครอบครัวเข้าใจลำบาก เพราะพวกท่านคิดเสมอว่าเราสองคนรักกันเหมือนพี่น้องคลานตามกันมา และแม่ฉันค่อนข้างเซ้นซิทีฟกับเรื่องแบบนี้ ถ้าท่านรู้ท่านต้องผิดหวังมาก ๆ รักของเราก็เลยยังเป็นความลับมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนเรื่อง ‘เซ็กซ์’ เขาบอกว่าเขารักฉันมาก มากจนไม่อยากล่วงเกิน จนกว่าเรื่องของเราจะชัดเจน เขาบอกว่าอยากให้เกียรติฉัน มากสุดเวลาเราอยู่ด้วยกันจึงมีแค่ กอดและจูบ ซึ่งฉันก็ไม่คิดเรียกร้องเรื่องอย่างว่า เพราะที่ฉันเรียกร้องและต้องการจากเขาคือ ‘เวลา’ ฉันแค่อยากมีเวลาอยู่ด้วยกันกับเขา ก็แค่นั้น… “มองอะไรของแก” ฉันหันมองยัยป้าแว่นด้วยสายตาที่เกิดความสงสัย เพราะตั้งแต่ฉันขึ้นรถมา ฉันก็เจอสายตาครุ่นคิดของเพื่อนรัก “ยังใช่ไหม” และคำถามของยัยโรสก็ทำให้ฉันรู้ถึงสาเหตุที่นางมองหน้าฉัน ยัยโรสจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่พี่ชายของฉันกลับมาค้างที่บ้าน “ยัง แค่นอนกอดนอนคุยกันและจูบกันเล็กน้อย” ฉันบอกเล่าอย่างไม่อาย เรื่องนี้ฉันไม่คิดจะปิดเพื่อนอย่างยัยโรส “โล่งอก ฉันโคตรหนักใจเลย เวลาที่พี่ออยล์กลับมาบ้าน ฉันกลัวแกกับเขาเกินเลยจนมันเลยเถิด ถ้าเป็นแบบนั้นฉันไม่กล้าสู้หน้าพ่อแม่แกแน่ ๆ” แล้วใบหน้าที่ดูเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบของยัยโรสก็หายไป “เมื่อคืนออยล์บอกว่าถ้าพ่อกับแม่กลับมารอบนี้ เขาจะบอกเรื่องของเรา ออยล์เล่าว่างานที่สาขาย่อยกำลังจะเข้าที่เข้าทาง เขาบอกว่าที่เขาทำงานหนักก็เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้พ่อกับแม่เห็นว่าเขาโตพอ และสามารถดูแลฉันได้” ฉันบอกเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ที่พี่ชายของฉันพูดกับฉันระหว่างที่เรานอนกอดกันเมื่อคืนนี้ เราคุยกันทั้งคืนจนเผลอหลับไปพร้อมกันมั้ง เรื่องที่เขาพูดทำให้ฉันยิ้มได้ และเพราะคำพูดของเขาฉันจึงมีความหวัง และโลกของฉันตอนนี้มันกำลังเป็นสีชมพู “ฉันภาวนาขอให้มันราบรื่น ฉันไม่เห็นด้วยก็จริง สำหรับเรื่องรักของแกกับพี่ชายแก แต่ฉันก็อยากให้แกมีความสุข แกมีความสุขฉันก็มีความสุข” “มันต้องราบรื่นสิ ฉันกับออยล์โตมากแล้วนะแก เราสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว พ่อแม่ฉันต้องเข้าใจสิ” ฉันยิ้มให้เพื่อนหลังจากที่พูดจบ “ฉันเอาใจช่วย แต่ตอนนี้ถึงแล้ว แกพร้อมทำงานใช่ไหม” ยัยโรสว่าพร้อมกับรถที่จอดหน้าคอนโดหรู “ตอนนี้พร้อมมากจ้ะ” ฉันฉีกยิ้มกว้าง เมื่อใจเรามีความสุข ทำอะไรก็รู้สึกแฮปปี้ไปหมด ตอนนี้ฉันพร้อมลุยเต็มที่… “เป็นยังไงบ้างคะคุณอ้าย คอนโดเราสวยถูกใจไหมคะ” พนักงานที่อ้างตัวว่าเป็นเลขาของบอสใหญ่เอ่ยถามฉัน หลังจากที่พาฉันและยัยโรสเดินดูรอบห้อง การจัดตกแต่งและออกแบบ ถูกใจฉันนะ ฉันชอบ และถ้าให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ของที่นี่ก็น่าจะดีเหมือนกัน “สวยค่ะ อ้ายชอบ” “แล้วรายละเอียดที่ว่าจะคุย…” ยัยโรสเอ่ยถามเพราะตั้งแต่เราเข้ามาที่นี่ ก็มีพนักงานที่อ้างตัวว่าเป็นเลขาพาชมสถานที่และจัดแจงทุกอย่าง แต่ก็ยังไม่เห็นบอสใหญ่ที่ถูกอ้างถึง “ต้องขอโทษที่มาช้าไปนะครับ พอดีผมติดเคลียร์งานอีกที่เล็กน้อย” เสียงทุ้มต่ำดังแทรก ระหว่างที่ยัยโรสกำลังเอ่ยถาม ฉันและยัยโรสหันไปมองทางต้นเสียง เขาเป็นผู้ชายมาดเท่ห์ หล่อเหลา ดูดี นัยน์ตาของเขาดูมีเสน่ห์ ชวนให้หลงใหล “นี่ค่ะบอสใหญ่ของที่นี่ คุณธนวัฒน์ค่ะ” เลขาสาวรีบแนะนำพร้อมรอยยิ้ม ‘ธนวัฒน์’ ใครวะ ทำไมฉันรู้สึกคุ้น ๆ “สะ…สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอ้ายนะคะ” ยัยโรสพูดเสียงสั่น นี่นางตกใจในความหล่อของบอสใหญ่รึไงนะ ปกติเพื่อนฉันไม่เคยเสียทรงไม่ว่าจะคุยกับใคร “สวัสดีครับ คุณรสริน และคุณอ้าย สิริมา” เขายกยิ้มที่มุมปาก พร้อมกับมองมาที่ฉัน ทำเหมือนท้าทายฉัน ชิ ไอ้การเต๊าะแบบนี้ฉันเจอบ่อยแล้วเถอะ คงคิดอยากจะชวนฉันขึ้นเตียงล่ะสิ “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณธนวัฒน์” ฉันกรีดยิ้มหวานที่ใบหน้า รอยยิ้มที่ใครต่อใครต่างชื่นชมว่าสวย น่ารัก การที่ฉันเป็นดาราก็ควรสวมบทนางเอก มันคืองาน และนิสัยอีกอย่างของฉัน ฉันมั่นใจว่าฉันเล่นเนียนพอ “เรียกผมว่าธัน ก็ได้ครับ เพราะเราคงสนิทกันอีกนาน” เขายังคงยิ้มที่มุมปากแบบร้าย ๆ ฉันว่าเขาต้องการอ่อยฉันแน่ ๆ คงคิดอยากจะเคลมฉันล่ะสิ “เอ่อ… จะเป็นอะไรไหมคะ ถ้าดิฉันจะขอปฏิเสธงานนี้” จู่ ๆ ยัยป้าแว่นของฉันก็พูดขึ้นมา และประโยคนี้ทำให้ฉันงง ในเมื่อก่อนหน้านี้นางเห็นดีเห็นงาม “แป๊ปนะคะ อ้ายขอคุยกับโรสสักครู่” ฉันยิ้มให้คุณธนวัฒน์ “ได้ครับ สบายมาก ผมรอได้” เมื่อเขาตกลง ฉันจึงลากเพื่อนออกมาคุยที่มุมระเบียงของห้อง “ขอเหตุผลที่ป้าแว่นผู้คะยั้นคะยอให้ฉันรับงานนี้ แต่จู่ ๆ ป้าแว่นมาปฏิเสธซะเอง ซึ่งมันดูไม่ใช่ตัวแก” ฉันจี้ถาม “แกจำไม่ได้ใช่ไหมว่าเขาคือใคร” ยัยป้าแว่นทำหน้าตื่นกลัว “ฉันเจอคนมากมาย แกคิดว่าฉันจะจำใครได้” ฉันย้อนถาม ซึ่งเป็นเรื่องที่เพื่อนฉันนั้นรู้ดี เพราะฉันค่อนข้างไม่จดจำอะไรอยู่แล้ว “นั่นไง แกมันขี้ลืมขนาดแผลงฤทธิ์ใส่เขาขนาดนั้นยังกล้าลืมเขา” ยัยโรสต่อว่าฉัน “อะไรของแกโรส ฉันแผลงฤทธิ์ใส่ใคร” ยิ่งพูดฉันก็ยิ่งงง “ธนวัฒน์ ผู้ชายที่ฉันขับรถจิ้มตูดรถเขาแล้วแกไปโวยวายเสียมารยาทใส่เขาไง” คำตอบของยัยโรสทำเอาฉันนิ่งค้าง ฉันเจอตอเข้าเต็ม ๆ “เอาไงต่อ” ฉันเอ่ยทั้งที่ยังมึนงง “ฉันว่าเขาจำแกไม่ได้หรอก เราก็ปฏิเสธงานนี้ไป แล้วก็ปล่อยให้เรื่องเงียบ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้น” ปรบมือให้การแก้ไขปัญหาของเพื่อนฉันเลย เฉียบขาด ฉลาดมาก… “ทางเราต้องขอโทษคุณธนวัฒน์ด้วยนะคะ ที่ไม่สามารถรับงานได้จริง ๆ” เป็นยัยโรสที่พูด หลังจากที่เราสองคนตกลงกันเรียบร้อย ยัยโรสออกหน้า ส่วนฉันยืนเงียบ ๆ และพยายามฉีกยิ้มหวาน แม้ในใจตอนนี้จะยิ้มไม่ค่อยออก แต่อีกใจก็คิดว่าเขาจำฉันไม่ได้หรอก ฉันแต่งหน้าปกปิดทุกอย่าง ยังไงก็ไม่มีใครจำฉันได้ “ติดขัดตรงไหนครับ คุณยังไม่ได้ฟังข้อเสนอของผมเลย ทำไมถึงรีบปฏิเสธซะล่ะครับ แล้วไหนก่อนหน้านี้คุณบอกว่าชื่นชอบสไตล์การออกแบบของคอนโดผม” เขายิ้มที่มุมปากอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เลขาของเขาหายไปแล้ว “เอ่อ… คือ คือ…” ทำไมแกอ้ำอึ้งล่ะโรส “พอดีว่าอ้ายไม่ค่อยสะดวกค่ะ อ้ายก็อยากรับนะคะ แต่เวลาก็ไม่ค่อยมี ขอโทษด้วยนะคะ” และก็เป็นฉันที่รีบพูดออกไปเมื่อเพื่อนของฉันติดอ่าง หาข้ออ้างไม่ทัน เขายิ้มและเดินตรงมาที่ฉัน เราสองคนจ้องตากัน ฉันว่าฉันเริ่มจำดวงตานิ่ง ๆ คู่นี้ได้แล้วล่ะ “ถ้าไม่อยากเป็นข่าวว่าตัวตนที่ผ่านมาคือการสร้างภาพ ผมว่าคุณควรรับงานนี้นะครับ… คุณดาราขี้เมา” เขากระซิบถ้อยคำเหล่านี้ที่ข้างหูฉัน ฉันนิ่งค้างและแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำ เขาจะสื่อว่า จำฉันได้ใช่ไหม?
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD