“จะดีจริง ๆ ใช่ไหมอ้าย” ยัยป้าแว่นทำหน้าคิดหนัก ดูนางจะวิตกกังวลกว่าฉันที่โดนกดขี่ซะอีก
“ดีสิ มันคงเป็นทางเดียว เฮ้อ…” ฉันถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เวรกรรมอะไรของสิริมา ถึงได้ต้องไปทำงานบ้านให้คนอื่น ทั้งที่บ้านตัวเองไม่เคยแตะไม้กวาดด้วยซ้ำ
“แกไม่น่าไปกระตุกหนวดเสือเล้ย” ยัยป้าแว่นปรับเบาะรถแล้วเอนหลังลงนอนอย่างเหนื่อยล้า
ก็ตอนนี้ฉันอยู่หน้าคอนโดหรูหราของไอ้ผู้ชายโรคจิตที่มีนิสัยชอบลวนลาม ชอบดมกลิ่นตัวฉัน
ฉันนั่งคิดนอนคิดทั้งคืน จะไม่มาก็กลัวโดนเปิดเผยความลับ สุดท้ายฉันจึงมานั่งทำใจในรถก่อนจะขึ้นไปรับบทแม่บ้าน
“ก็ฉันเมา ใครจะคิดล่ะว่าเขาจะเป็น…”
“เป็นนักธุรกิจที่รวยล้นฟ้า ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเด็ก เป็นลูกบุญธรรมคนที่ 2 ของผู้ทรงอิทธิพล มีพี่น้องร่วมตระกูลทั้งหมด 5 คน คนที่เป็นสายเลือดเดียวกันตายเพราะอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นฝาแฝดคนน้อง และตอนนี้เขาโสด เป็นผู้ชายน่ารัก น่าหลงใหล ผู้หญิงคนไหนก็แทบพร้อมจะพลีกายให้ ประมาณว่า… สักครั้งในชีวิต และมีคนแอบเห็นเขาควงยัยนีน่าคู่กัดในวงการของแกอยู่บ่อยครั้ง” ยัยป้าแว่นพูดแทรกสาธยายสรรพคุณของไอ้ผู้ชายโรคจิตคนนั้นให้ฉันฟัง
“พอ ๆ สรรพคุณดีเลิศ ถ้าเทียบกับยารักษาตัวก็คงเป็นยาชั้นเลิศที่คนป่วยได้กินแล้วหายทันที ชิ… ฉันไม่สนหรอก ฉันก็สวยเหมือนกัน และที่สำคัญฉันมีแฟนแล้ว แต่ก็นะ คิดอีกทีการที่ฉันไปอยู่ใกล้ ๆ ไอ้ผู้ชายโรคจิตนั่น อาจจะทำให้ยัยนีน่าหัวร้อนก็ได้ น่าสนุกดีเหมือนกัน หึ ๆ”
เพี๊ยะ!
“หยุดความคิดของแกเลยอ้าย แกก็รู้ว่ายัยนีน่านั่นหวงของยิ่งกว่าอะไร และนางบ้ามาก” ยัยป้าแว่นตีที่ไหล่ของฉันด้วยความเร็วพร้อมคำทักท้วง
“แต่อ้ายก็ร้ายนะ” ฉันพูดด้วยความมั่นใจ
“ฉันรู้ แต่แกจะทำให้เรื่องมันวุ่นวายกว่าเดิม แกก็รู้ว่าแกไปทำงานบ้านให้เขาเพราะว่าเหตุผลอะไร ขอร้องเถอะอ้าย แกช่วยอยู่เฉยๆ ไปทำตามที่เขาขอแล้วก็กลับได้ไหม ไม่งั้นชีวิตอีกแบบนึงของแกโดนเปิดแน่”
“…” ฉันเงียบลงเมื่อยัยป้าแว่นพูดเตือนสติ ใช่แล้วล่ะ ฉันไม่ได้อยากให้โลกอีกใบที่ฉันสร้างจบลง
ฉันเลยต้องทนสินะ เฮ้อ… ทำไมชีวิตของสิริมาผู้เลอโฉมถึงได้ลำบากแบบนี้นะ
“เดี๋ยวนะ! แกได้ตกลงกำหนดวันสิ้นสุดกับเขาไหมอ้าย” ยัยป้าแว่นดีดตัวขึ้นนั่งหลังตรงแล้วถามเสียงดัง
ซึ่งสิริมาคนนี้ค้างเติ่งอีกแล้ว ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากแล้วหันมองเพื่อนรักด้วยใบหน้าที่นิ่งค้าง ค่อย ๆ ฝืนยิ้มเจื่อน ๆ ที่ใบหน้า พร้อมกับส่ายหัวไปมาอย่างช้า ๆ
“ไอ้อ้าย! ทำไมแกโง่แบบนี้ ตาย ๆ แล้วถ้าเขาให้แกทำเป็นปี ๆ แกจะทำยังไง ทำไมแกไม่ตกลงกับเขาให้ชัดเจน โอ๊ย…” ยัยป้าแว่นของฉันเริ่มโวยวาย และเหมือนนางกำลังจะถึงขีดจำกัด
ฉันพยายามนั่งหดตัวลงทันที หดห่อตัวเองให้เล็กที่สุด มันอาจจะไม่มิด แต่ก็ดีกว่าเจอยัยป้าแว่นอาละวาด
เพราะสิ่งที่ยัยป้าแว่นโวยวายมันคือเรื่องจริง
ฉันพลาดอีกแล้ว…
“ขอโทษ ก็ตอนนั้นฉันตกใจคิดอะไรไม่ออก กลัวไปหมดเลยตกลงไว้ก่อน เอาน่าเดี๋ยวฉันตกลงกับเขาอีกรอบก็ได้ ฉันจะพยายามพูดให้ดี พูดแบบประนีประนอมมีมารยาทให้ได้มากที่สุด” การพูดด้วยวิธีนี้ยัยป้าแว่นอาจจะใจเย็นขึ้นมานิดหน่อย
แค่หน่อยเท่านั้นนะ อย่าคิดว่าเยอะล่ะ เพราะยัยนี่เป็นพวกไม่ชอบให้มีการผิดพลาดในชีวิตสักเท่าไหร่
ซึ่งสิริมาคนนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างผิดพลาดบ่อย และนางก็ตามแก้ตลอด
บางทีก็สงสารอยู่หรอกนะ แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อมันไม่ง่ายนี่นา กับการใช้ชีวิตเพอร์เฟ็คแบบไม่ผิดพลาด
“เฮ้อ…ลงไปได้ละ รีบไปทำให้เสร็จเดี๋ยวรออยู่ร้านกาแฟข้างคอนโด เสร็จแล้วก็โทรมา ถ้าเจอเขาก็อย่าไปทะเลาะกับเขาล่ะ เลี่ยงได้ก็เลี่ยง และก็พูดเรื่องวันเวลากับเขาให้ชัดเจน” ยัยนี่ชอบทำตัวเป็นทุกอย่างของฉันจริง ๆ แล้วแบบนี้ถ้าวันหนึ่งนางหายไป ฉันจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีเพื่อนคนนี้
“รักแกนะ” ฉันโผเข้ากอดพร้อมกับคำบอกรักที่มีน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย คนนิสัยแบบฉันมีเพื่อนนี่นับว่าปาฏิหาริย์ แต่มีเพื่อนดีนั้นยิ่งถือว่าเป็นมากกว่าปาฏิหาริย์
“อย่ามาเสียน้ำตาตรงนี้นะ เดี๋ยวหน้าแกก็เละหมด กว่าจะแต่งเป็นป้าแบบฉันได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทำไมคุณธันถึงจำแกได้ง่ายนักก็ไม่รู้ สงสัยอาจจะเป็นเนื้อคู่แก”
“หยุด แกหยุดเพ้อเลยโรส เนื้อคู่บ้าน่ะสิ ฉันไม่มีทางรักกับคนโรคจิตแบบนั้นเด็ดขาด คนอะไรไม่มีมารยาท ชอบละลาบละล้วงร่างกายคนอื่น แล้วอีกอย่างนะ คนที่เป็นคู่ฉันก็คือออยล์คนเดียวเท่านั้น พูดแล้วก็คิดถึง ป่านนี้คงยุ่งกับงานจนหัวหมุน เฮ้อ… ฉันไปนะ” ฉันรีบปรามเพื่อนรัก พร้อมพูดตัดบทเมื่อตัวฉันเองวกกลับมาพูดถึงพี่ชาย
ฉันรู้สึกเศร้า และน้อยใจขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเขา บอกจะอยู่กับฉันให้มากที่สุด แต่แล้วก็ทิ้งฉันไปเพราะงานด่วนอีกเช่นเคย
เมื่อไหร่จะเลิกเห็นงานสำคัญกว่าฉันสักทีก็ไม่รู้ เคยรู้บ้างรึเปล่านะว่าฉัน…เหงาแค่ไหน
“Oh!,My God! นี่มันห้องหรือโรงขยะเนี่ย” เดือด ตอนนี้ฉันเดือดมาก ห้องบ้าห้องบออะไร เหมือนตั้งใจทำให้รกเพื่อกลั่นแกล้งฉัน
ตอนนี้ฉันยืนอยู่กลางห้องหรูหราของไอ้คนโรคจิต
ต้องใช่แน่ ๆ ฉันมั่นใจ มั่นใจมากว่าเขาตั้งใจแกล้งกัน
“โวยวายอะไรครับคนสวย” เสียงไม่ได้มาก่อนตัวหรอกนะ เพราะตอนนี้ตัวของเขามายืนอยู่ข้างหลังฉัน มือสองข้างแตะที่ไหล่ทั้งสองข้างของฉัน และใบหน้าของเขาฉันรู้สึกได้ว่าอยู่ในระยะประชั้นชิดกับต้นคอของฉันมาก และแน่นอนว่าเขาพูดประโยคนี้ข้างหูฉัน
“ควรถอยออกไปสักหน่อยนะคะ มารยาทอะค่ะ” ฉันเอ่ยเสียงเรียบ เป็นการแสดงให้รู้ว่าฉันไม่ชอบใจนะ
“กลิ่นคุณนี่มันหอมจริง ๆ นะครับ” แทนที่เขาจะถอยห่างแต่กลับจูบลงที่ต้นคอของฉัน ใช่! เขาจูบจริง ๆ เขาบ้ามาก!
“นี่คุณ!” ฉันสะบัดตัวออกจากเขา แล้วหันไปจ้องหน้าเขาแทน
“ว่าไงครับ” เขาฉีกยิ้มไม่สนใจเรื่องที่ฉันกำลังโวยวาย
“คุณควรเลิกลวนลามฉันได้แล้วนะคะ มันไม่สมควรเลยสักนิด” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดอย่างใจเย็น เพราะถึงฉันโวยวายก็คงไม่มีประโยชน์อะไร ดูแล้วเขาไม่สนใจสิ่งที่ฉันพูดสักนิด
“ผมเปล่าลวนลาม ผมแค่ทักทาย” เขายักคิ้วขึ้นหนึ่งข้างอย่างกวนประสาท
“บ้านคุณทักทายกันแบบนี้เหรอคะ” ฉันชักสีหน้าใส่เขา
“ใช่ ๆ คุณฉลาดจังเลยนะ รู้ด้วย หึ”
“เฮ้อ ฉันไม่อยากต่อปากกับคุณแล้วค่ะ”
“งั้นอยากจูบปากแทนไหม ผมยินดีนะ”
“คุณธนวัฒน์คะ ฉันไม่จูบหรืออะไรทั้งนั้นค่ะ ฉันมาทำงานบ้านให้คุณ แต่ตอนนี้ฉันคิดว่ามันคือโรงเก็บขยะมากกว่า ขอตัวนะคะ ฉันอยากรีบทำให้เสร็จแล้วจะได้กลับเร็ว ๆ” ฉันพูดตัดบทและเดินเอากระเป๋าสะพายมาวางที่โต๊ะ จากนั้นก็เริ่มค้นหาแมสปิดปาก ผ้ากันเปื้อน และชุดวอร์ม
“ขอเข้าห้องน้ำเปลี่ยนชุดหน่อยนะคะ ชุดแบบนี้ฉันทำงานไม่สะดวก” ฉันบอกและหอบอุปกรณ์เข้าห้องน้ำ
จำเป็นต้องใส่ชุดวอร์มเพราะชุดที่ฉันใส่มามันไม่เอื้ออำนวยต่อการทำความสะอาด
“โอ๊ะ!” ฉันร้องขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเปิดประตูออกมาเจอกับตาโรคจิตยืนยิ้มหน้าห้องน้ำ
“คุณนี่ก็สวยจริง ๆ นะครับ” เขาฉีกยิ้มหล่อที่ใบหน้า
“ขอบคุณค่ะ” ฉันบอกและเดินเลี่ยงเขาออกมาอีกทาง ถ้าฉันไม่ต่อปากต่อคำ เขาก็คงจะไม่หาเรื่องมาพูด
จากนั้นฉันก็เริ่มทำการเก็บกวาดจัดเรียงทุกอย่างให้อยู่ในสถานที่ที่มันควรอยู่ ไม่ใช่กระจัดกระจายระเนระนาดแบบนี้
เวรกรรมจริง ๆ เอาตรง ๆ ก็คืองานบ้านงานเรือนตอนเรียนครูสอนอยู่แล้ว ฉันทำเป็น แต่ไม่มีความจำเป็นต้องทำ
จนกระทั่งวันนี้… เฮ้อ
ห้องก็ทั้งใหญ่ทั้งกว้าง อยู่ชั้นบนสุด แล้วคือชั้นบนสุดมีห้องเดียว แต่มันแทบจะกลายเป็นบ้าน ได้หนึ่งหลังเชียวล่ะ VIPจริง ๆ เจ้าของคอนโดนิเนอะ
แล้ววันนี้ฉันจะทำเสร็จง่าย ๆ ไหม ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น
เล่นละครถ่ายหนังถ่ายแบบยังง่ายกว่าเลย หนำซ้ำยังมีไอ้ผู้ชายโรคจิตยืนมองและฉีกยิ้มอยู่ตลอดเวลา ไม่มีงานมีการทำบ้างหรือไงนะ
ตาบ้าเอ้ย! เห็นหน้าละหงุดหงิด ทำไมฉันต้องมาพ่ายให้คนแบบนี้ด้วยนะ
อย่าให้ถึงคราวของฉันบ้างแล้วกันจะใส่ไม่ยั้งเลยคอยดู