“คิดถึงจังเลยค่ะ” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งเอื้อนเอ่ยพร้อมกับพาตัวเองเข้ามานั่งในรถของผม
เธอชื่อ ‘นีน่า’ เป็นหนึ่งในคู่ขาของผม ซึ่งผมชื่นชอบเธอ แต่ตอนนี้เธอกำลังจะเริ่มล้ำเส้น มันเลยถึงเวลาที่ผมจะต้องเขี่ยเธอออก
“คืนนี้ไปค้างบ้านน่าไหมคะ พรุ่งนี้เช้าจะได้อยู่เจอพ่อแม่น่าด้วย ท่านสองคนอยากเจอธันมากเลยนะคะ” นีน่าว่าจบก็หอมที่แก้มข้างซ้ายของผม
หลังจากที่ผมเดินออกมาจากบ้านป๊า โทรศัพท์มือถือผมก็ดังขึ้น และคือนีน่าที่โทรเข้ามา
เธอบอกให้ผมมารับ เพราะวันนี้เธอไม่ได้เอารถมา ผมก็มานะ ถึงแม้ว่าจะรู้ว่ามันคือแผนของเธอที่อยากจะเจอผมจนหาข้ออ้างให้ผมมารับก็ตาม และเมื่อเจอก็ต้องต่อยอดเรื่องบนเตียง
แต่ตอนนี้ผมคิดว่าน่าจะไม่ได้ต่อละ…
“ผมว่าวันนี้ผมไปส่งน่าที่คอนโดดีกว่า พรุ่งนี้ผมมีงานต่อ” นี่คือการปฏิเสธแบบถนอมน้ำใจ เนื่องจากที่ผ่านมาเธอดีมาตลอด เธออยู่ในกรอบของเธอมาดีมากสำหรับเวลาสองปีที่เรารู้จักกัน
ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เธอเปลี่ยนไป จากที่น่ารัก เดี๋ยวนี้มันกลายเป็นความน่ารำคาญ
ทั้งที่เธอน่าจะรู้อยู่แล้วว่าผมไม่มีทางสานสัมพันธ์มากเกินกว่าคู่นอน
แต่ก็นะ… อาจจะเพราะความใจดีของผมล่ะมั้ง เลยทำให้เธอเข้าใจผิดว่าเธอนั้นพิเศษกว่าคนอื่น
“ธันขา ธันจะเบี้ยวน่าแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เหรอคะ น่ารักธันมากนะ แล้วเราก็คบกันมาสองปีแล้ว เราทำไมไม่เปิดตัวคบกันแบบจริงจังสักทีคะ น่าอยากเป็นคนสำคัญของธันนะคะ” เธอทำเสียงอ้อนและเอนตัวมาซบที่ไหล่ของผม
“ผมว่าน่าคงจะเข้าใจอะไรผิดเพี้ยนไปเล็กน้อยนะ เท่าที่ผมจำได้… ผมไม่เคยบอกว่าเราคบกัน และผมไม่เคยพูดว่าอยากจริงจังกับคุณ ผมไม่ได้อยากเห็นแก่ตัวนะ แต่ถ้าคุณยังอยากเป็นสิ่งเคลื่อนไหวในชีวิตของผม คุณไม่ควรพูดเรื่องแบบนี้อีก เพราะผมไม่ค่อยชื่นชอบ” ผมพูดโดยที่สายตามองตรงไปที่ท้องถนน ผมพูดจริงจังไม่ได้หันไปมองหน้าเธอ
นี่คือโอกาสที่ผมยื่นให้เธอครั้งสุดท้าย ถ้าหากเธอยังดื้อดึง ผมก็พร้อมจะตัดขาด
“ธัน!” เธอปล่อยแขนผมที่กำลังกอดซบ และกระชากแขนผมให้หันไปมองหน้าเธอ
“ผมไม่ได้บังคับนะครับ อยู่ที่ว่าคุณต้องการเป็นสิ่งเคลื่อนไหวในชีวิตของผมไหม ถ้าคุณต้องการ คุณก็แค่อย่าพูดเรื่องที่ผมไม่โอเค คุณก็แค่กลับไปอยู่ในกรอบ กลับไปทำตัวน่ารัก ๆ ในพื้นที่ของคุณ แค่นี้เราก็อยู่ด้วยกันได้อีกนาน” ผมบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ซึ่งแน่นอนว่าหน้าผมจริงจังอยู่แล้ว
“ธันจะบอกว่าสองปีที่เรารู้จักกัน ธันไม่ได้คิดจะจริงจังกับน่าเลยใช่ไหม” เธอยังคงย้อนถาม
“ผมว่าผมพูดชัดเจนแล้วนะ” ผมเลิกคิ้วสูง
“แต่การกระทำของธันก็แสดงออกชัดเจนว่ารักน่า ธันดูมีความสุขเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน” เธอยังคงพูดต่อ ทำไมถึงเข้าใจอะไรยากแบบนี้นะ
“การที่ผมยิ้มเวลาอยู่กับคุณ หรือการที่ผมบอกรักคุณเวลาอยู่บนเตียง มันไม่ได้หมายความว่า…คุณคือ ‘ความสุข’ ของผม แล้วการกระทำที่ผมปฏิบัติต่อคุณ ผมก็ทำแบบนี้กับผู้หญิงของผมทุกคน” ผมเริ่มรู้สึกโมโหแล้วล่ะ และเมื่อผมหงุดหงิด คำพูดของผมจะเริ่มรุนแรงขึ้นตามลำดับ
“น่าไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณมีผู้หญิงกี่คน แต่น่ารักคุณ และน่าจะมีข่าวเสียหายไม่ได้ ไม่รู้ล่ะ คุณต้องช่วยน่า” เธอเริ่มพูดเอาแต่ใจ
“คุณจะให้ผมช่วยอะไรคุณนีน่า ผมเริ่มจะหงุดหงิดแล้วนะ”
“ก็น่าบอกกับนักข่าวว่าจะเปิดตัวคนรักที่คบกันมาสองปีกว่า ซึ่งผู้ชายคนนั้นก็คือคุณ”
“ผมช่วยคุณไม่ได้หรอกครับ แล้วผมก็ไม่เคยสนใจข่าวบันเทิงอะไรนั่นด้วย”
“แต่น่าเสียหายนะคะ น่าเป็นดาราน่าจะเสียหน้าไม่ได้ และที่คุณบอกว่าคุณไม่สนใจข่าว แสดงว่าคุณไม่เห็นว่าน่าพูดและทำอะไรไปบ้าง” เธอยังคงพูดเอาแต่ใจ
“นีน่า ไม่ว่าคุณจะพูดหรือจะทำอะไร ผมก็ไม่สนใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของผม แต่ถ้าคุณวุ่นวายจนทำให้ธุรกิจของผมเสียหาย คุณจะได้รู้ว่าผมใจร้ายมากแค่ไหน ผมร้ายกว่าที่คุณคิด และตอนนี้ผมคิดว่าเราควรจะห่างกัน และอย่าทำให้ผมเดือดร้อน ถ้าคุณยังอยากอยู่ตรงนี้ แต่ถ้าคุณไม่อยากอยู่แล้วคุณก็ไปซะ แค่นั้น ไม่มีอะไรเข้าใจยากสักนิด” ผมพูดเอาแต่ได้
ผมไม่สนอยู่แล้วไอ้เรื่องวงการบ้าบออะไรนั่น ที่ผมสนใจคือ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้ธุรกิจและงานของผมเสียหาย เราจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้!
“คุณใจร้ายมากค่ะธัน ไปส่งน่าที่คอนโดนะคะ น่าขอโทษที่ล้ำเส้น ต่อไปน่าจะไม่ทำอีก อย่าทิ้งน่านะคะ น่ารักคุณ” นีน่าเธอเสียงสั่น ซึ่งผมไม่สนใจที่จะปลอบอยู่แล้ว
ผมหันมาขับรถไปตามทางที่คอนโดของนีน่าตั้งอยู่ ภายในรถมีเสียงสะอื้นของนีน่า เธอกำลังใช้มารยาหญิงเรียกร้องความสนใจ แต่ผมเลือกที่จะไม่ใส่ใจเธอ
จะว่าผมใจร้ายก็คงใช่ เพราะถ้าไม่ใช่คนสำคัญ ต่อให้ร้องไห้จนตายไปต่อหน้าต่อตาผม ผมก็ไม่มีความสงสาร…
“ขึ้นห้องไหมคะ” นีน่าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเศร้าหมองเมื่อผมขับรถมาจอดที่หน้าคอนโดของเธอ
“ไม่ล่ะ ผมหมดอารมณ์”
“คุณไม่โกรธน่าได้ไหมคะ น่าขอโทษ”
“ผมไม่ได้โกรธคุณ คุณลงไปเถอะผมอยากกลับบ้านแล้ว”
“อย่าเป็นแบบนี้สิคะธัน น่ารักธันนะคะ น่ารักธันมาก อย่าเย็นชาแบบนี้” เธอโน้มตัวมาใกล้ ๆ ผม และกำลังจะหอมแก้มของผม
“ผมอยากกลับบ้านแล้วนีน่า” ผมเบือนหน้าหนีและพูดอีกครั้ง
“ก็ได้ค่ะ ขับรถดี ๆ นะคะ เดี๋ยวน่าขึ้นห้องแล้วจะโทรหานะ” เธอคงกำลังฝืนยิ้มอยู่มั้ง ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่ได้หันไปมอง
“ต่อไปนี้คุณไม่ต้องโทรหาผม เพราะผมยังไม่อยากคุยกับคุณ ถ้าผมอยากคุยเดี๋ยวผมจะโทรหาคุณเอง ผมจะโทรหาคุณแค่ 3สาย ถ้าคุณไม่รับสายผม แสดงว่าคุณเลือกที่จะเดินอกจากชีวิตผม ซึ่งมันเป็นทางที่คุณเลือก ผมก็จะเคารพการตัดสินใจของคุณและจะไม่ติดต่อคุณอีก”
“…ค่ะ น่าจะรอรับสายคุณนะคะ” เธอเงียบไปสักพัก จากนั้นเธอก็พูด และลงจากรถของผมไป เมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบอะไร
ผมขับรถออกจากหน้าคอนโดของนีน่าทันที มันน่าหงุดหงิดที่เธอไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพูด
‘พวกผู้หญิงก็เป็นซะแบบนี้ สนใจแต่ความต้องการของตัวเอง’
นี่แหละคือหนึ่งสาเหตุที่ผมไม่อยากมีใครเป็นตัวเป็นตน เพราะมันคงน่ารำคาญที่ต้องตามใจใครบางคนตลอดเวลา
เอี๊ยดดดด โครม! ปึง!
“เหี้ย!” ผมสบถหยาบขึ้นอย่างดังเพราะระหว่างที่ผมจอดติดไฟแดงอยู่นั้น มีรถวิ่งเข้ามาชนท้ายรถของผมอย่างแรง
“เฮ้ยคุณ ขับรถภาษาอะไรวะ แล้วจะนั่งบื้ออยู่แบบนั้นอีกนานไหม ลงมาคุยกันสิคุณ!” ผมเดินลงจากรถมาด้วยความฉุนเฉียว และเดินมาเคาะกระจกรถคันที่จิ้มท้ายรถผมจนรถเราสองคนจูบติดกัน
แล้วคือคู่กรณีของผมยังนั่งอยู่ในรถไม่ออกมาแสดงความรับผิดอะไรสักอย่าง
ซึ่งมันสร้างความหงุดหงิดให้ผมมาก!