“งานการกุศลที่จะจัดขึ้นในอาทิตย์หน้าบอสไม่ได้ลืมใช่ไหมคะ” เลขาสาวในบริษัทอสังหาริมทรัพย์เอ่ยถามผม
“ผมจำได้ครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม
“ค่ะ แล้วงานเปิดตัวคอนโดใหม่ที่กำลังจะสร้างเสร็จ ดิฉันส่งข้อมูลนางแบบดารามาให้บอสเลือก ไม่ทราบว่าบอสเลือกเล็งไว้แล้วหรือยังคะ ดิฉันจะได้ให้ฝ่าย…”
“ผมยังไม่ได้ดูเลยครับ คุณช่วยเลือกแทนผมทีนะครับ ถ้าคุณคิดว่าคนไหนเหมาะสมที่จะเป็นพรีเซ็นเตอร์ของคอนโด คุณก็ส่งข้อมูลเข้ามาไว้ในเมลให้ผมเลย เดี๋ยวผมจะเลือกอีกที” ผมตัดบทง่าย ๆ เพราะจะให้ผมนั่งเลือกคงไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงแม้บอร์ดจะพากันเลือกเฟ้นออกมาแล้วก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้ลงมติว่าจะเอาคนนี้นะ ยังไงซะสุดท้ายก็ต้องเป็นผมที่ต้องตัดสินใจ
“รับทราบค่ะ” เลขาสาวยิ้มรับ
“ครับ ผมขอกาแฟด้วยนะ” ผมสั่งแล้วนั่งดูงานในจอคอมพิวเตอร์ต่อ
ผมก็ไม่ได้หลงตัวเองหรอกนะ แต่ผมมั่นใจว่าผมหล่อ และสาว ๆ คลั่งไคล้ผมเยอะ หนึ่งในนั้นคือเลขาของผม แต่ผมเป็นพวกไม่นิยมกินคนใกล้ตัว เพราะมันจะเสียระบบงาน
เนื่องจากนิสัยส่วนตัวของผมแล้ว มักจะปากหวานเมื่อยามอยากได้ แต่เมื่อได้แล้วปากผมจะหมาทันที
ฉะนั้นผมจึงตั้งกฎกับตัวเองว่า ‘ต่อให้สวยแค่ไหน ถ้าเป็นคนในระบบงาน ผมจะไม่เคี้ยวเด็ดขาด’
ผมเคลียร์งานที่บริษัทเสร็จก็ตรงดิ่งกลับบ้าน ซึ่งนี่ก็เย็นมากแล้ว ป่านนี้ที่บ้านผมคงกำลังวุ่นกัน
“ป๊าเสือ” เสียงของเด็กตัวน้อยลากเสียงเรียกผมยาวเหยียด พร้อมกับร่างเล็กวิ่งเข้ามากอดผมที่เดินเข้าบ้านมา
“ว่าไงครับ วิ่งหน้าตั้งมาแบบนี้โดนอาเนมดุมาใช่ไหม” ผมลูบที่หัวเด็กน้อยตรงหน้า นิสัยขี้อ้อนคงจะเหมือนแม่ของเขา
“อาเนมอารมณ์ไม่ค่อยดีฮะ น้องทิวก็แค่วิ่งชนพี่ผู้หญิงสองคนที่ห้าง” เด็กน้อยรีบเล่าเรื่องราว
“อ้าว น้องทิวขอโทษพี่เขาไหมลูก”
“ขอโทษฮะ แต่อาเนมทะเลาะกับพี่ผู้หญิงอีกคนที่สวย ๆ แล้วคราวนี้อาเนมก็บอกจะไม่พาน้องทิวไปอีก อาเนมบอกน้องทิวซน”
“ก็ดื้อจริงไหมล่ะ อาบอกอะไรไม่เคยฟัง” เสียงที่สามดังแทรกฝ่าวงเข้ามา เป็นเสียงของบอดี้การ์ดคนสนิทของผม และเป็นเพื่อนรักของผมด้วย
“มึงจะดุลูกกูทำไม เด็กมันก็ดื้อ มึงก็สอนไปแล้วยังไงทิวก็จำ มึงหงุดหงิดอะไร” ผมหันไปถามเพื่อนพลางอุ้มลูกชายขึ้นมา
“กูไม่ได้หงุดหงิดน้องทิว กูหงุดหงิดผู้หญิงคนนั้น” ไอ้เพื่อนผมมันว่า
“ผู้หญิงคนไหนทำให้มึงอารมณ์เสียได้ขนาดนี้วะ” ผมท้วงเมื่อสงสัยว่าใครมาทำให้เพื่อนที่นิ่งขรึมของผมมีปฏิกิริยาแบบนี้ได้
“ผู้หญิงโลกสวยไงมึง ช่างแม่งเถอะ แล้วงานเป็นไง” ไอ้เนมว่าตัดบท แต่ผมคิดว่ามันคงกำลังหัวเสียเอามาก ๆ
“ก็ปกติ”
“แล้วพรุ่งนี้ยังไง จะไปบ้านคุณท่านไหม” ไอ้เนมเอ่ยถามถึงป๊าผม
พรุ่งนี้เป็นนัดทานข้าวครอบครัวตอนเย็น ซึ่งผมก็ไปอยู่บ่อยครั้ง ถ้าหากผมว่าง แต่ถ้าไม่ว่างผมก็จะโผล่หัวไปวันอื่น ตอนนี้ครอบครัวของผมกลายเป็นครอบครัวใหญ่กว่าเดิม ป๊าแต่งงานกับพี่ไลลา ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าพี่ไลลาเธอมีความสัมพันธ์กับป๊าจนตั้งท้องและแอบเลี้ยงลูกเอง พอป๊ารู้เข้าก็ขอเธอแต่งงาน ส่วนไอ้ฮอลล์กับเมียก็มีลูกคนที่สอง ส่วนไอ้ภพรายนั้นกลัวเมียและเห่อลูกเอามาก ๆ
เกือบสองปีได้แล้วมั้งที่ป๊าเลิกธุรกิจสีดำ ซึ่งผมก็คิดว่าดีเหมือนกันที่เลิก ผมจะได้มีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น
“น่าจะไม่ได้ไป เดี๋ยวกูโทรบอกป๊าเอง แล้วนี่มึงทำอะไรอยู่” ผมให้คำตอบและถามไถ่เพื่อน
“ต่อเลโก้รถไฟกับลูกมึงไง”
“นี่ซื้ออีกแล้วเหรอวะ แล้วไหนบ่นกูเวลากูซื้อ พอพาไปด้วยไหงซื้อให้เอง”
“ตัวนี้รุ่นล่าสุด ผลิตออกมาจำนวนจำกัด ไม่ซื้อไม่ได้” ไอ้เนมสรรหาข้ออ้าง
“ทีกูนี่บ่นตลอด”
“ไม่บ่นสิครับป๊าเสือ น้องอยากได้เอง อาเนมสงสารก็เลยซื้อให้” ลูกชายของผมทำหน้าอ้อนเมื่อพูดจบ
แล้วผมก็แพ้ทางเด็กคนนี้ตลอด เพียงเพราะเขาขาดคนที่ขึ้นชื่อว่า ‘แม่’
ผมชื่อ ‘ธัน ธนวัฒน์’ เป็นลูกบุญธรรมคนที่ 2 ของป๊าคงคา ป๊าชอบเรียกผมว่า ‘ไอ้เสือ’ เพราะว่าผมนั้นกะล่อน หยอดสาวเก่ง สาว ๆ ตกหลุมพรางที่ผมวางไว้บ่อยครั้ง
ผมโสด ไม่ต้องการให้ใครมามีบทบาทในชีวิต เพราะคนอย่างผมไม่พร้อมจะดูแลใครทีละหลาย ๆ คน ผมชอบอิสระ และผมเคยทำผิดมหันต์กับป๊าผู้มีพระคุณ ความผิดของผมต่อให้ป๊าบอกให้อภัย แต่มันก็ยังติดอยู่ในใจของผม และเป็นตราบาปไปอีกนาน
ส่วน ‘น้องทิว’ เขาคือลูกชายของผมเอง เรื่องนี้ผมปิดเงียบไม่ให้ใครรู้สักคน นอกจากไอ้เนมเพื่อนผม ป๊าและบรรดาพี่น้องของผมไม่มีใครรับรู้การมีชีวิตอยู่ของน้องทิว ลูกชายแท้ ๆ ของผม
ลูกชายที่เกิดจากความผิดพลาด แต่ตอนนี้ผมพูดได้เต็มปากว่าผมรักน้องทิวมาก ๆ
น้องทิวจะเรียกผมว่า ‘ป๊าเสือ’ เหมือนที่ป๊าคงคาชอบเรียกผมว่า ‘ไอ้เสือ’
น้องทิวคือลูกชายของผมที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอเป็นแค่คู่นอนของผมเท่านั้น
ผมไม่ได้รักเธอ แต่เธอคงจะรักผมมั้ง เธอก็เลยปล่อยท้องด้วยการแอบเจาะถุงยาง
เธอบอกผมว่าเธอท้อง ผมก็ตกใจและงุนงงบ้างเล็กน้อย แต่สุดท้ายผมก็ยืดอกรับผิดชอบ ผมไม่ใช่คนใจร้ายที่สามารถสั่งฆ่าเด็กบริสุทธิ์ แล้วยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผมอีกต่างหาก
ผมดูแลผู้หญิงคนนั้นในฐานะแม่ของลูก ผมดูแลเธออย่างดี กระทั่งเธอคลอดน้องทิว เธอยังไม่ทันได้กอดลูกด้วยซ้ำ เธอก็ดันจากไปซะก่อน เพราะเธอมีอาการตกเลือดมาก บวกกับโรคประจำตัวกำเริบ เธอก็เลยจากไปอย่างสงบ โดยที่ผมไม่เคยรู้เลยว่าเธอน่ะมีโรคประจำตัว
ถามว่าผมเสียใจไหม จะเรียกว่าเสียใจคงจะไม่ได้ เพราะผมไม่ได้รู้สึกเศร้าใจเท่ากับตอนที่น้องชายฝาแฝดจากไป
กับแม่น้องทิวคงเรียกว่าใจหายซะมากกว่า
พองานศพแม่ของทิวผ่านพ้นไป ผมก็เฝ้าดูแลลูกชายที่เพิ่งลืมตาดูโลก และคนที่ช่วยผมได้ดีก็คือไอ้เนม ผมไม่คิดจ้างพยาบาลหรือพี่เลี้ยง เพราะผมไม่ชอบให้คนรู้เรื่องของผมมากเกินความจำเป็น
และดีที่แม่ของน้องทิวไม่มีญาติที่ไหน ทำให้ปัญหาการแย่งเด็กไม่เกิดขึ้นกับผม
ทุกวันนี้น้องทิวก็อายุ 5ขวบกว่า ผมสอนเขาให้เขารู้ว่าใครคือแม่ และบอกเขาว่าแม่ของเขาจากเขาไปแล้ว ซึ่งผมย้ำกับเขาด้วยว่าแม่รักเขามาก
ชีวิตของผมทุกวันนี้ก็ถือว่าโอเคมาก มีลูกชายรออยู่บ้าน ทุกครั้งที่กลับมาเขาจะวิ่งมาต้อนรับผมเสมอ
ต้องขอบคุณผู้หญิงที่ชื่อ ‘ศิญา’ ที่เธอได้มอบของขวัญชิ้นพิเศษให้ผม ถึงแม้ผมจะไม่ได้ตั้งใจให้น้องทิวเกิดมา แต่เมื่อเขาเกิดมาแล้ว เขาคือหัวใจของผม