มือเล็กขาวสะอาดของ เด็กหญิงบัวริน วัยเพียงเก้าขวบที่ตอนนี้อยู่ในอุ้งมืออ่อนนุ่มของ วัลลีย์ ผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับมารดาที่เสียชีวิตไปแล้วของตัวเอง เย็นเฉียบขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ดวงตากลมโตที่อยู่ภายใต้ขนตายาวงอนงามหลุบลงต่ำ เมื่อผู้ชายวัยกลางคนเบื้องหน้าจ้องมองมาอย่างพิจารณา
“แกไม่มีที่พึ่งแล้วค่ะเจ้าสัว”
วัลลีย์ผู้หญิงวัยสี่สิบสองปีเอ่ยขึ้นกับสามีมหาเศรษฐีของตัวเอง ขณะยังคงกุมมือเล็กของเด็กหญิงบัวรินเอาไว้ตลอดเวลา ราวกับต้องการปลอบประโลม
“พ่อกับแม่ของแกตายหมดแล้วค่ะ แล้ววัลก็ทนเห็นแกลำบากไม่ได้ ก็เลยพามาขอพึ่งใบบุญของเจ้าสัวค่ะ”
วัลลีย์ที่จับพลัดจับพลูมาเป็นเมียคนล่าสุดของ เจ้าสัวภวัต ยังคงเดินหน้าขอร้องให้สามีเมตตาเด็กหญิงบัวริน
“ให้แกอยู่ในฐานะคนรับใช้ก็ได้ค่ะ แต่ช่วยเมตตาให้แกอยู่ในบ้านหลังนี้อีกคนด้วยนะคะ”
หลังจากพิจารณาเด็กหญิงวัยเก้าขวบตรงหน้าอยู่พักใหญ่ เจ้าสัวภวัตก็เอ่ยขึ้นกับภรรยาคนล่าสุดของตัวเอง
“ได้สิ ฉันจะอุปการะเลี้ยงดูเด็กคนนี้เอง”
“จริงเหรอคะเจ้าสัว”
วัลลีย์ดีใจมาก เพราะหล่อนสงสารเด็กหญิงคนนี้จริงๆ
“อืม..”
เจ้าสัวภวัตผงกศีรษะขึ้นลงช้าๆ รอยยิ้มเมตตาเกลื่อนเต็มใบหน้าอิ่มเอิบมากมาย
“รีบขอบคุณเจ้าสัวสิบัวริน”
วัลลีย์รีบบอกหลานของตัวเองด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ
“บัวขอบคุณเจ้าสัวค่ะ”
ดวงตากลมโตที่จ้องมองมาของเด็กหญิงตรงหน้าทำให้เจ้าสัวภวัตยิ่งเอ็นดู
“ต่อไปก็อยู่ด้วยกันที่นี่นะ ฉันจะส่งเสียให้หนูเรียนเอง อยากเรียนสูงแค่ไหนก็ได้ ตามใจของหนูเลย หนูบัวริน”
“ขอบคุณเจ้าสัวค่ะ”
“งั้นวัลขอพาบัวรินไปห้องพักก่อนนะคะเจ้าสัว”
“เธอให้คนจัดห้องพักให้หนูบัวแล้วเหรอวัลลีย์” เจ้าสัวเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“ยังเลยค่ะเจ้าสัว แต่ห้องพักคนใช้ยังมีห้องว่างอยู่หลายห้องค่ะ”
วัลลีย์ตั้งใจจะให้บัวรินไปพักที่ห้องพักของคนรับใช้ แต่เจ้าสัวภวัตยกมือขึ้นห้ามเสียก่อน
“ให้ขึ้นไปพักด้วยกันบนตึกนั่นแหละ หนูบัวไม่ใช่คนรับใช้สักหน่อย”
“เอ่อ... แต่ว่า...”
วัลลีย์อึกอัก เพราะรู้ดีว่าหากตนเองทำเช่นนั้นจะต้องเกิดปัญหาใหญ่ตามมาอย่างแน่นอน
“ทำตามที่ฉันสั่งนั่นแหละแม่วัล”
เมื่อเป็นคำสั่งของสามีผู้ร่ำรวยก็ทำให้วัลลีย์ไม่สามารถโต้แย้งได้
“ค่ะเจ้าสัว”
สีหน้าของวัลลีย์ไม่ค่อยสู้ดีนัก ยามที่เดินจูงมือของเด็กหญิงบัวรินออกมาจากห้องพักผ่อนของเจ้าสัวภวัต
“บัว หนูอยู่ในบ้านหลังนี้ต้องอยู่อย่างเจียมตัวนะลูก”
ระหว่างที่พาเด็กหญิงบัวรินเดินขึ้นบันไดมุ่งหน้าไปยังชั้นสอง ซึ่งเป็นบริเวณที่แบ่งเป็นห้องนอนของเจ้านายของคฤหาสน์หรูหราแห่งนี้
“ค่ะ ป้าวัล”
เด็กหญิงบัวรินเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังคำพูดของผู้ใหญ่เสมอ แม้ว่าตัวเองจะเกิดมาอาภัพต้องเสียพ่อเสียแม่ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เด็กหญิงก็ยังคงมองโลกในแง่ดีเสมอ
เด็กน้อยเชื่อเสมอว่า หากทำความดี สักวันความดีจะมอบความสุขตอบแทนกลับมา
วัลลีย์ยิ้มน้อยๆ ออกมา มองเด็กหญิงบัวรินด้วยความเอ็นดู
บัวรินเป็นลูกสาวของ จิตตรา ลูกพี่ลูกน้องของหล่อน ก่อนที่จิตตราจะเสียชีวิตลงได้ฝากฝังลูกสาวเอาไว้ ทำให้หล่อนไม่สามารถทอดทิ้งบัวรินได้
“ห้องนี้เป็นของหนูนะบัว”
วัลลีย์พูดขึ้นหลังจากเปิดประตูห้องรับแขกซึ่งอยู่ทางปีกขวาของตัวคฤหาสน์
เด็กหญิงบัวรินมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะหันมายกมือขึ้นไหว้วัลลีย์
“บัวขอบคุณป้าวัลมากค่ะ”
วัลลีย์ยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กของเด็กหญิงเบาๆ
“อยู่ที่นี่ทำตัวให้ดีๆ นะ เชื่อฟังคำพูดของผู้หลักผู้ใหญ่ แล้วทุกคนจะรักและเอ็นดูบัว เข้าใจที่ป้าสอนใช่ไหมลูก”
“บัวเข้าใจค่ะป้าวัล”
ขณะที่สองป้าหลานกำลังช่วยกันเก็บข้าวของใส่ตู้เสื้อผ้าอยู่นั้น ภวินท์ ลูกชายวัยสิบเจ็ดย่างสิบแปดปีของเจ้าสัวภวัตก็เดินผ่านมาพอดี
เด็กหนุ่มจ้องมองผ่านประตูห้องที่เปิดอ้าอยู่เข้าไปภายใน ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เมื่อเห็นแม่เลี้ยงของตัวเองพาเด็กหญิงหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่งเข้ามาอยู่ภายในบ้านของเขาด้วย
“มาเกาะพ่อของฉันคนเดียวไม่พอสินะ ถึงได้พาเด็กที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาช่วยกันสูบเลือดสูบเนื้อพ่อของฉันอีกคน ผู้หญิงหิวเงิน”
ภวินท์ที่กำลังเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนพึมพำออกมาด้วยความไม่พอใจ และเสียงนั้นก็ดังพอที่จะทำให้วัลลีย์กับเด็กหญิงบัวรินได้ยิน
ทั้งคู่หันไปมองที่ประตูห้องที่เปิดค้างเอาไว้ สีหน้าของวัลลีย์ซีดลงเมื่อเห็นภวินท์ยืนอยู่ แต่สำหรับบัวรินแล้ว เด็กหญิงส่งรอยยิ้มไร้เดียงสาตามวัยให้กับพี่ชายเบื้องหน้า
“สวัสดีค่ะคุณไบร์ท” วัลลีย์เอ่ยทักทายลูกเลี้ยง
“อย่าคิดว่าพ่อของผมหลงคุณ แล้วใครจะทำอะไรคุณไม่ได้นะ สักวันผมจะกระชากหน้ากากของพวกคุณออก พ่อจะได้เห็นธาตุแท้ของพวกคุณเสียที”
แล้วภวินท์ก็เดินจากไปด้วยท่าทางฉุนเฉียว
วัลลีย์มองตามไปด้วยสายตาไม่สบายใจ หล่อนพยายามมาตลอดที่จะเป็นแม่เลี้ยงที่ดีของ
ภวินท์ แต่เด็กหนุ่มไม่ยอมเปิดใจรับเลย ยังคงมองหล่อนเป็นคนเลว เป็นแม่เลี้ยงใจร้ายเสมอมา ทั้งๆ ที่หล่อนไม่เคยคิดร้ายกับคนที่นี่เลยสักคน
“ป้าวัล... พี่เขาไม่ชอบบัวแน่เลยค่ะ”
เด็กหญิงพูดออกมาเสียงเศร้า จนวัลลีย์ต้องรีบปลอบใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะบัว คนที่คุณไบร์ทไม่ชอบคือป้าต่างหาก”
“ป้าวัลเป็นคนดี ทำไมคุณไบร์ทถึงไม่ชอบป้าวัลล่ะค่ะ”
วัลลีย์ยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะพูดความจริงออกมา ซึ่งหล่อนก็ไม่รู้ว่าเด็กหญิงบัวรินจะเข้าใจสิ่งที่หล่อนพูดทั้งหมดหรือไม่