ตอนที่ 4

1065 Words
ภวินท์ปล่อยแขนของบัวรินและหมุนตัวเดินไปหย่อนกายลงนั่งบนเตียง บัวรินน้ำตาไหล ค่อยๆ ปล่อยตัวลงคุกเข่ากับพื้นห้องที่เย็นเยียบ “บัว... ขอโทษที่ทำให้คุณไบร์ทถูกดุค่ะ” “ยังไม่พอ” น้ำเสียงของภวินท์เย็นชา “คลานมา” บัวรินถึงกับอึ้งไป กับคำสั่งเลือดเย็นของผู้ชายที่โตว่าเบื้องหน้า “ทำไมล่ะ ทำไม่ได้หรือไง แค่คลานมาหาฉันน่ะ” ถ้าสิ่งที่เขาต้องการ มันจะทำให้เขาหายโกรธหายแค้นหล่อนกับป้าวัลลีย์ได้ หล่อนก็พร้อมที่จะทำทุกอย่าง “ได้ค่ะ” เด็กหญิงทำตามคำสั่งของภวินท์ด้วยการคลานตรงเข้าไปหาเขา เสียงหัวเราะพึงพอใจของภวินท์ดังกังวานขึ้นต่อเนื่อง “คลานไปรอบๆ ห้อง คลานไปเรื่อยๆ จนกว่าฉันจะสั่งให้หยุด” “คลาน... ไปรอบห้องเหรอคะ” “ก็ใช่น่ะสิ ทำไม หรือว่าทำไม่ได้” “คือบัว...” “ไหนบอกว่าอยากให้ฉันหายโกรธหายแค้นยังไงล่ะ ทีแท้ก็แค่ราคาคุย” “บัว... จะทำค่ะ บัวจะคลาน...” “ก็ทำสิ คลานไปเรื่อยๆ ถ้าฉันไม่สั่งให้หยุดก็อย่าหยุด” บัวรินก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของตัวเองโดยไม่ปริปากบ่นคำใด คลานไปเรื่อยๆ รอบๆ ห้อง คลานอยู่อย่างนั้นจนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง เจ้าของห้องก็ยังคงนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างไม่สนใจอะไร หัวเข่าของหล่อนแดงช้ำเป็นรอย และก็เจ็บระบมไม่น้อย น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่หล่อนก็ยังคงคลานต่อไปเรื่อยๆ อดทนทำทุกอย่างเพราะต้องการให้ภวินท์มองตัวเองให้แง่ดี จนกระทั่งประตูห้องพักของภวินท์ถูกเคาะ พร้อมกับเสียงของวัลลีย์ที่ดังขึ้น ภวินท์ยิ้มเยาะ ก่อนจะตะโกนให้วัลลีย์เปิดประตูเข้ามา เขาอยากเห็นสีหน้าของวัลลีย์ ตอนที่เห็นบัวรินคลานอยู่ในห้องของเขา ดูสิว่าจะทำหน้ายังไง ซึ่งก็เป็นอย่างที่ภวินท์คาดเอาไว้ เพราะวัลลีย์ถึงกับยกมือขึ้นทาบอก อุทานตกใจ เมื่อเห็นบัวรินคลานอยู่กับพื้น “บัว... เข้ามาทำอะไรในนี้ลูก” บัวรินยังไม่ทันตอบ ภวินท์ก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่งและตอบแทน “บัวรินว่างงานก็เลยเข้ามาคลานเล่นในห้องของผมน่ะ” วัลลีย์รู้ดีว่าสิ่งที่ภวินท์พูดมันไม่ใช่เรื่องจริง หล่อนรีบเข้าไปพยุงบัวรินให้ลุกขึ้น และพอเห็นหัวเข่าที่ทั้งแดงทั้งช้ำก็แสนสงสาร “เจ็บมากไหมบัว” “ไม่... ไม่เจ็บค่ะป้าวัล” บัวรินเจ็บระบมจนแทบเดินไม่ไหว แต่ก็ไม่อยากให้ภวินท์ถูกตำหนิ “เอาล่ะบัวริน กลับไปได้แล้ว และถ้าอยากเข้ามาคลานเล่นอีกก็บอกนะ จะเปิดประตูรับ” ภวินท์หัวเราะสะใจ สองป้าหลานกำลังจะเดินออกไป แต่เสียงของภวินท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน “เอาขนมของเธอไปด้วย ฉันไม่กินของศัตรู จำเอาไว้!” วัลลีย์จำต้องเดินไปหยิบจานใส่ขนมมาถือเอาไว้ และก็พาหลานสาวออกไปจากห้องพักของภวินท์ทันที หลังจากวัลลีย์กับบัวรินออกไปจากห้องพักแล้ว ภวินท์ก็ไปหาบิดาตามคำสั่ง ซึ่งก็ได้รู้ว่าท่านวางแผนจะส่งเขาไปเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่ลอนดอน เขาปฏิเสธ เพราะไม่ไว้ใจทิ้งบ้านเอาไว้ในอุ้งมือของแม่เลี้ยงอย่างวัลลีย์ แต่ก็ไม่สามารถต่อกรกับบิดาได้ เพราะท่านเป็นผู้ควบคุมการเงินทุกอย่าง พอตกค่ำ ทุกคนก็เข้ามานั่งรอภายในห้องอาหาร และวันนี้ภวินท์ก็มาก่อนเวลา ตรงกันข้ามวัลลีย์กับบัวรินที่มาช้าไปเกือบห้านาที “ขอโทษค่ะเจ้าสัวที่วัลกับบัวมาช้า” “ไม่เป็นไร มากินข้าวกันเถอะ” เจ้าสัวภวัตไม่ได้ตำหนิอะไรแม่เลี้ยง ยิ่งทำให้ภวินท์จงเกลียดจงชังวัลลีย์กับบัวรินมากยิ่งขึ้น “นั่นเข่าไปโดนอะไรมาเหรอหนูบัว” เจ้าสัวภวัตเห็นผ้าปิดแผลที่หัวเข่าของเด็กหญิงจึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “เอ่อ...” บัวรินหันไปสบตากับภวินท์เล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนสายตากลับมามองเจ้าสัวภวัตอีกครั้ง และตอบ “บัวหกล้มน่ะค่ะ” แม้บัวรินจะตอบปกป้องเขา แต่ภวินท์กลับไม่ได้ซาบซึ้งในน้ำใจเลย เขายิ้มเยาะ เพราะคิดว่านี่คือหลุมมารยาทของสองป้าหลาน “แล้วเป็นอะไรมากไหมหนูบัว ไปหาหมอไหม” “บัวไม่เป็นไรมากหรอกค่ะเจ้าสัว” บัวรินตอบเจ้าของคฤหาสน์หรูอย่างเจียมตัว “หนังหนาๆ แบบบัวริน ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ เดี๋ยวก็หาย จริงไหมบัวริน” ภวินท์อดที่จะจิกกัดไม่ได้ “หุบปากไปเลยเจ้าไบร์ท กินข้าวไป” เจ้าสัวภวัตรู้ดีว่าลูกชายไม่ชอบวัลลีย์กับบัวรินจึงพยายามปกป้อง “บัว... ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะเจ้าสัว เดี๋ยวทายาสองสามวันก็หายแล้วค่ะ” “งั้นก็ตามใจ แต่ถ้าอยากไปหาหมอบอกป้าวัลของเธอเลยนะ” “ค่ะเจ้าสัว” บัวรินซาบซึ้งในความเมตตาของเจ้าสัวภวัตเหลือเกิน หลังจากรับประทานอาหารค่ำเสร็จแล้ว บัวรินก็ขอเข้าไปช่วยแม่บ้านล้างจานในห้องครัว พอเสร็จก็เดินจะกลับห้องพัก แต่ภวินท์ก็มาขวางหน้าเอาไว้เสียก่อน “คุณไบร์ท” ภวินท์จ้องหน้าเด็กหญิงบัวรินด้วยสายตาเกลียดชังไม่เปลี่ยน “อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะยอมญาติดีกับเธอนะ” “บัว... ไม่ได้หวังอะไรเลยค่ะ” “ตอแหล!” ภวินท์ยิ้มหยัน “ขนาดยังเด็ก ยังตอแหลขนาดนี้ ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าโตขึ้นจะตอแหลเลเวลไหน” บัวรินเสียใจไม่น้อยที่ถูกภวินท์พูดจาร้ายกาจใส่ แต่หล่อนก็ทำได้แค่ก้มหน้าเท่านั้น “จำเอาไว้ ฉันเกลียดป้าของเธอ และฉันก็เกลียดเธอด้วย เกลียดมาก เกลียดเหมือนกิ้งกือไส้เดือน!” เมื่อเห็นบัวรินเอาแต่ก้มหน้าตัวสั่นเทา ภวินท์ก็ยิ่งโมโห เขาผลักเด็กหญิงร่างเล็กแรงๆ จนล้ม ก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่ไยดี บัวรินปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอาบแก้ม มองตามร่างของภวินท์ที่ค่อยๆ เดินห่างไกลออกไปด้วยความเสียใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD