“เฮ้ย ๆ ทำไมดูอารมณ์ดีขนาดนี้วะบีม” ฉันหันไปยกยิ้มให้กับสกายเพื่อนชายในวัยเด็กของฉันที่กำลังมองหน้าฉันอย่างสงสัยว่าเพราะอะไรถึงทำให้ฉันยกยิ้มออกมาได้มากถึงเพียงนี้
“นั่นดิ...ตั้งแต่เดินเข้ามาก็นั่งเขียนอะไรในสมุดไม่หยุดเลย” และเก้าก็เดินเข้ามาสมทบสกายและชะโงกหน้ามองสมุดที่ฉันกำลังจดอยู่ในระหว่างรอมือกลองของพวกเราเดินทางมาถึงห้องซ้อมดนตรีแห่งนี้
“ไม่มีอะไรหรอก...แค่คิดเนื้อเพลงออกเฉย ๆ” ฉันตอบกลับทั้งรอยยิ้มเปี่ยมสุข พลางคิดไปถึงใบหน้าหวาน ๆ ของเธอคนนั้นที่ฉันพึ่งเจอเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า ก่อนที่ฉันจะชะงักมือลงและหันกลับไปสบมองที่เพื่อนของฉันทั้งสองคนอย่างสงสัย “ว่าแต่พวกแกรู้ไหมว่าเด็กที่ใส่กระโปรงลายสก็อตสีแดงอยู่โรงเรียนอะไร เหมือนจะเห็นอยู่บ่อย ๆ นะแต่ไม่ได้สนใจ”
“โอ้โห้ไอบีม! นี่แกไม่รู้จักโรงเรียนหญิงล้วนอย่างราชินีคอนแวนต์ได้ไงวะ โรงเรียนหญิงล้วนเอกชนที่สาวสวยขนาดนั้น แกไปอยู่ตรงไหนมาครับไอคุณเพื่อน” สกายทำหน้าตกอกตกใจออกมาทันควันเมื่อฉันถามอะไรแบบนั้นออกไป
“เอ้า! ฉันก็ผู้หญิงไหมล่ะ ฉันจะต้องสนใจเด็กผู้หญิงอีกด้วยเหรอ?”
“เออจริงด้วย”
“แต่ตอนนี้ก็เหมือนจะเริ่มสนใจขึ้นมาแล้วล่ะ...” ฉันเพ้อออกมาแผ่วเบาพลางคิดไปถึงใบหน้าหวานสวยของเธอคนที่ฉันไม่รู้จักชื่ออีกครั้งหนึ่ง
“แกพูดอะไรนะไม่ค่อยได้ยินเลย”
“อ๋อเปล่า ๆ ไม่มีอะไร” และฉันก็ก้มหน้าหงุดลงกับสมุดของตัวเองอีกครั้งอย่างใช้ความคิด
ฉันเห็นเธอเดินเข้าไปในโรงเรียนสอนพิเศษ อยากจะรู้จังว่าเธอมาเรียนทุกวันหรือเปล่า เพราะปกติแล้วฉันก็มีนัดซ้อมตอนเย็นกับไอเจ้าพวกนี้เป็นประจำ เงินค่าขนมที่ฉันได้ทุกวันก็เก็บ ๆ เอาไว้แล้วเอามาหารค่าห้องกับไอพวกนี้อีกทีหนึ่งเพราะบ้านของฉันก็ไม่ได้มีฐานะอะไรมาก
แต่อยากเจอเธออีกจังเลยน้า...อยากรู้จังว่าเธอชื่ออะไร เจอคราวหน้าฉันขอเมล์เธอไว้ดีไหมนะ? หรือว่าจะเริ่มจากถามชื่อของเธอก่อนดี...
“ไอ้บีม!” ฉันสะดุ้งโหยงที่อยู่ดี ๆ ก็ถูกตะโกนเรียกซะเสียงดังจนฉันแทบจะหงายลงล้มลงจากเก้าอี้เพราะความตกใจ
“อะไร! อยู่ใกล้แค่นี้จะตะโกนทำไม!”
“พวกฉันเรียกแกสามล้านรอบแล้วครับ...ไอเก่งมาแล้วรีบ ๆ มาซ้อมเดี๋ยวเวลาหมดก่อน” ฉันมองสบไปทางด้านหลังก็เห็นว่ามือกลองของฉันมาถึงแล้ว และกำลังจัดเซตเครื่องดนตรีของตัวเองอยู่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการซ้อมในวันนี้
“วันนี้เอาเพลงขอใจรักก่อนเลยนะ ซ้อมอีกสักวันสองวันถ้าเข้าที่แล้วเราอัดกันเลย”
“โอเคได้...” และพวกเราก็ดำเนินเล่นบทเพลงที่พวกเราเป็นคนแต่งกันขึ้นมา โดยมีฉันคนนี้ที่รับหน้าที่เป็นมือกีต้าร์และนักร้องนำของวง
แต่ตลอดการซ้อมของฉัน ฉันยอมรับตามตรงเลยว่าฉันไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับเพลงที่ฉันกำลังเล่นเอาเสียเลย เพราะฉันมัวแต่คิดถึงใบหน้าของเธอคนนั้น และได้แต่ภาวนาในใจลึก ๆ ว่าขอให้ฉันได้เจอกับเธออีกครั้ง และครั้งนี้ฉันจะไม่ปอดแหกอีกต่อไป อย่างไรคราวหน้าฉันจะต้องรู้ชื่อเล่นของเธอให้ได้เลย!
กริ๊งงงงงงงงง!
“พวกแกฉันไปก่อนนะ บาย ๆ พรุ่งนี้เจอกัน!”
“เออ ๆ เจอกันบีม ค่อย ๆ เดินจะรีบวิ่งไปไหน!!” ฉันยิ้มร่าอย่างมีความสุขเดินออกมาจากโรงเรียนและตรงไปทางป้ายรถเมล์ในทันทีด้วยหัวใจที่สั่นไหว พลางคิดและภาวนาว่าขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของฉันอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อคืนนี้ฉันข่มตาลงนอนไม่ได้เลยเพราะใบหน้าของเธอช่างวนเวียนอยู่ในหัวสมองของฉัน ฉันเอาแต่คิดถึงเธอจนกระทั่งเพลงที่ฉันแต่งไม่เสร็จสมบูรณ์มันถูกแต่งเติมเนื้อเพลงจนเสร็จสรรพและทุกท่อนทุกวรรคฉันไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยสักนิดว่าเธอคือแรงบันดาลใจของฉัน
เธอราวกับตัวโน้ตที่เคยหายไปที่ฉันไม่เคยคิดว่าเพลงของฉันจะสามารถสมบูรณ์ได้ แต่เพราะมีเธอเข้ามาตัวโน้ตของฉันก็ราวกับว่าได้ถูกเติมเต็มและฉันรู้สึกชื่นชอบเพลงนี้ที่ฉันแต่งมันมากที่สุด
ฉันก้าวขึ้นรถประจำทางสายประจำและหยิบสมุดโน้ตของฉันขึ้นมาทบทวนบทเพลงอีกครั้ง หลังจากที่เราซ้อมกันเสร็จแล้วฉันกะจะต่อเวลาอีกสักหน่อยเพราะฉันตั้งใจว่าเพลงนี้ฉันจะทำมันด้วยตัวของฉันเองทั้งหมดด้วยความตั้งใจอันแรงกล้าของฉันเอง!
เมื่อมาถึงยังที่หมายฉันรีบวิ่งไปดักรอเธออยู่แถว ๆ หน้าสถาบันเรียนพิเศษและได้แต่มองนาฬิกาของห้างเพื่อจับเวลารอให้เธอเดินมาเหมือนดั่งเช่นวันวานที่ฉันกะเวลาเอาไว้ก่อนที่จะเดินไปยังห้องซ้อม
ก่อนที่นาฬิกาเข็มยาวจะไปหยุดอยู่ที่เลขห้า และตอนนั้นเองหัวใจของฉันก็สั่นระรัวราวกับกลองชุดอีกครั้ง
ครั้งนี้เธอเดินมากับผองเพื่อนและในมือกำลังถือไอศกรีมรสวานิลาผสมกับรสช็อกโกแลต เธอหันไปยกยิ้มกับเพื่อนพ้องของเธอแล้วฉันพึ่งรู้ตัวเองตอนนี้ว่าฉันกำลังตกหลุมรักเธอเข้าแล้วอย่างจัง
ตึกตัก ตึกตัก
ใบหน้าหวานสวยที่วันนี้แต่งแต้มด้วยลิปสติกสีชมพูหวานช่างเข้ากับริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มของเธอ ไหนจะผมสีน้ำตาลที่ถูกมัดรวบเป็นหางม้าอย่างเป็นระเบียบนั่นอีก เธอดูสวยและโดดเด่นที่สุดราวกับดวงดาวกำลังเฉิดฉาย
เธอกำลังจะเดินเข้าไปที่สถาบันเรียนพิเศษของเธอแต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่คือการจิกเสาและไม่กล้าเข้าไปทักทายเธอเหมือนกับที่ฉันได้คิดเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้...
“บ้าจริง...” ฉันได้แต่สถบออกมาทั้งยังทุบเสาไปหนึ่งที่ให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างหันมาสบมองฉันเป็นตาเดียวราวกับว่าฉันเป็นคนบ้าอีกครั้ง
สุดท้ายแล้วฉันมันก็ยังเป็นคนปอดแหกที่ไม่กล้าเข้าไปทักทายเธออยู่ดี...ให้ตายสิ
“อ้าวบีม...มายืนทำอะไรตรงนี้” ฉันหันไปตามเสียงเรียกก็พบว่าเขาคนนั้นคือสกาย ฉันเก็บท่าทีของตัวเองให้ปกติที่สุดก่อนที่จะยกยิ้มให้กับเพื่อนของฉันและทำตัวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
ทั้ง ๆ ที่ใจของฉันตอนนี้มันห่อเหี่ยวมากเพราะความปอดแหกของฉันเองก็ตามที...
“อ๋อเปล่า...กะว่าจะหาที่เรียนพิเศษน่ะ” ฉันโกหกออกไปคำโตและจ้องมองเพื่อนของฉันที่กำลังสบมองฉันอย่างจับผิด
“แกเนี้ยนะ?”
“ก็ใช่ไง...ไป ๆ ไปได้แล้ว” ก่อนที่ฉันจะดันหลังของเขาให้เดินไปด้านหน้าเสียที เพราะฉันนั้นเริ่มทำตัวไม่ถูก และไม่อยากให้เพื่อนของฉันรู้ตอนนี้ว่าฉันกำลังสนใจสิ่งใดอยู่
“แต่ฉันมีเพื่อนเรียนพิเศษที่นี่ด้วยนะ ถ้าแกสนใจเดี๋ยวฉันลองไปถามเธอให้เอาไหม?”
“นี่แกใช้คำว่าเธอ แสดงว่าเป็นผู้หญิงเหรอ?” ฉันถามจี้จุดไปทันทีเพื่อเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งอยู่ ๆ สกายก็หน้าแดงขึ้นมาฉับพลันจนฉันต้องยิ้มออกไปเป็นเชิงแซว ๆ “อ้าว ๆ ลูกลุงสมพงษ์จะมีแฟนแล้วหรือเปล่าเนี้ย!”
“แต่เล็กจนโตก็ไม่เคยคิดจะเลิกล้อชื่อพ่อผมเลยเหรอครับ?”
“ใครบอกให้ชื่อพ่อแกมันจำง่ายน่าโดนล้อกันล่ะ” ฉันจี้ไปอีกหนึ่งทีให้มันยิ่งทำตัวเขินอายเข้าไปใหญ่ “อ่ะ ๆ ไม่แกล้งละ อย่างไรก็ไปถามมาให้หน่อยละกัน”
“ได้เลยคร้าบคุณเพื่อน แกเองก็หัดออนไลน์บ้าง ไม่ใช่วัน ๆ เอาแต่สนใจเพลงไม่สนใจเพื่อนฝูง บางทีฉันมีเรื่องอยากเมาท์ก็ต้องคอยไปคุยกับแกที่โทรศัพท์บ้าน”
“ได้ยินเสียงกันผ่านโทรศัพท์มันไม่ดีกว่าหรือไงกัน?”
“มันก็ดีอยู่หรอก แต่เครื่องมันอยู่ข้างล่าง แล้วคุณลุงสมพงษ์ก็ชอบคิดว่าฉันคุยกับสาวที่ไหนต่างหากล่ะ” ก่อนที่เราทั้งสองจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อม ๆ กันอย่างตลกขบขัน
ฉันชอบเวลาที่เราได้พูดคุยกับเพื่อน ๆ แบบนี้จัง ฉันว่าการได้คุยกันต่อหน้ามันดีกว่าการคุยกันผ่านตัวหนังสือหรือผ่านโทรศัพท์มากกว่าเป็นไหน ๆ นี่แหละเป็นสาเหตุที่ฉันคิดว่าโทรศัพท์ยังไม่จำเป็นกับชีวิตของฉันสักเท่าไหร่
ว่าแต่ว่าเธอคนนั้นจะมีโทรศัพท์มือถือหรือเปล่านะ ฉันอยากจะรู้จักเธอจังว่าจริง ๆ แล้วเธอชื่ออะไรกันแน่...
ฉันขอเรียกเธอว่าหางม้าไปพลาง ๆ ก่อนรู้ชื่อจริงของเธอก็แล้วกันนะ...
ยัยหางม้า ●ω●