กริ๊งงงงง
เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น เขาอาจจะมีคนไข้เหมือนที่ก่อนหน้านี้มีคนโทรเรียกเขาไปตรวจคนไข้ เธอคิดว่าเวลานั้นมันจะเป็นการประวิงเวลาของเธอออกไปสักนิดเพื่อทำให้เขาเปลี่ยนใจ
แต่
"ผมมีเคส หวังว่ากลับมาแล้วจะไม่เจอคุณที่ห้องนี้นะ" เขาบอกหลังจากที่วางสายไปแล้ว
เสื้อกาวน์ตัวโตถูกหยิบมาสวม สายตาของเขาเพ่งมาทางเธอ แม้จะสวมเสื้ออยู่ เมื่อเห็นว่าเธอไม่ขยับเขยื้อนเขาก็ถอนหายใจ
"ค่ารถ" เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วหยิบแบงก์สีเทายืนให้เธอหลายใบ "ถ้าผมกลับมาแล้วเจอคุณในห้องนี้อีก มีเรื่องแน่”
เขาข่มขู่เธอด้วยน้ำเสียงและสายตาน่ากลัว ขัดกับหน้าตาที่ดูใจดีของเขามาก
พอเขาหันหลังให้แล้วเดินไปเธอก็ผ่อนลมหายใจยาว มองกองเงินที่เขาวางไว้บนเตียง แล้วก็มองบานประตูที่เขาเดินออกไป
น้ำตาปริ่มขอบตาเบาบาง... ทางเลือกของเธอไม่ได้มีมาก และตอนแรกที่เขาเรียกเธอทำงานมันก็เหมือนมีแสงสว่างปลายอุโมงค์
แต่ดูเหมือนเขาจะโบกปูนปิดอุโมงค์ของเธอเสียแล้ว
หญิงสาวขยับตัวลงจากเตียง แม้ร่างกายของเธอจะไม่ได้ถูกล่วงเกินจนสูญเสียสิ่งที่หวงแหนมานานปี หากแต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าเธอยังเหมือนคนเดิม...
สายตาที่ชวนใจสั่น มืออุ่นๆ และลมหายใจผะผ่าว ที่กร้ำกรายผิวของเธอ นั้น ทำให้เธอคิดว่าเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
พอแต่งตัวเรียบร้อยเธอก็โทรหาพี่ผู้จัดการผับที่สนิทอย่างพี่เอ้ทันที
"พี่เอ้... หมอแซมเขาไล่หนูกลับ เขาบอกว่าไม่ต้องการคนที่ยังซิง"
"หืม... หนูยังซิงเหรอ" เสียงพี่เอ้ที่ดังแข่งกับเสียงดนตรีในผับ จนฟังแทบไม่ได้ศัพท์
"ค่ะ" เธอรีบตอบ อาจจะเป็นเพราะพี่เอ้ ไม่ได้สนใจถามเรื่องนี้กับเธอจริงจัง เขายังไม่รู้แน่ชัด... เขาเพียงเอ็นดูว่าเธอเป็นเด็กดี แต่ก็ไม่ได้ถามเรื่องที่เธอไม่เคยมีอะไรกับแฟน...
"แล้ววันก่อนที่เข้าห้องวีไอพีกับหมอแซม เขาไม่ได้ทำอะไรเหรอ"
"เปล่าค่ะ"
"ตายล่ะ รอบนี้เขาบอกหาเด็กให้เขาคน ขอคนมีประสบการณ์ เพราะต้องพาไปแสดงตัวบางที่ด้วย ไม่นึกว่าหมอแซมจะไม่ทำอะไรในวันนั้น" เหมือนแพรเหมือนจะกุมขมับ เพราะหลังจากวันนั้นเธอก็ไม่ได้คุยอะไรจริงจังกับพี่เอ้ เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องของตัวเอง เคยได้บอกเขาแค่ว่าศรัณย์เมามากในคืนนั้นเท่านั้นเอง
"หนูจะทำอย่างไงให้เขาไม่เปลี่ยนใจดีคะ"
"..." พี่เอ้เงียบไปเหมือนคิดหนัก
ฉันเองก็รอความเห็นอย่างใจจดใจจ่อ
แม้จะเงียบไป แต่สุดท้าย พี่เอ้ก็มีคำปรึกษาให้เพื่อให้เธอเอาตัวรอด กับสถานการณ์ตอนนี้
พอวางสายไปแล้ว หญิงสาวก็นึกได้ว่าลืมถามพี่เอ้ว่าควรทำยังไงดี เขากลับมาห้องถึงจะไม่หักคอเธอ ถ้าเห็นว่าเธอยังอยู่
งานนี้ คงต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถานเดียวสินะ เฮ้อ
ศรัณย์วางปากกาที่เขียนบนชาร์จคนไข้ด้วยความหัวเสียเล็กน้อย นิ้วเรียวของเขายกขึ้นมานวดคลึงกับหัวคิ้ว เพราะปวดหัวขึ้นมาดื้อๆ
คิดยังไงเอาเรื่องแบบนี้มาหลอกหมอ...
นึกถึงหน้าหวานๆ ของเหมือนแพรแล้วอยากจะพูดไปในตอนนั้น แต่เขาก็ไม่ได้พูดเพราะมัวแต่โมโหที่เธอโกหก
เขาต้องการคนที่อยู่ข้างๆ เพื่อตัดใจจากคนคนหนึ่ง ซึ่งเงินก้อนโตที่เขาจ่ายไปนั้นเพราะต้องการจ้างให้เธอทำอะไรให้เขาหลายอย่าง ซึ่งส่งที่สำคัญคือการไม่ผูกมัด เขาไม่คิดว่าคนไม่มีประสบการณ์อย่างเธอจะรับมือมันได้ดีพอ เขาต้องการคนที่เจนจัดกว่านี้
ดวงตาคู่คมเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ เป็นสิ่งเดียวที่เคลื่อนไหวในห้องตรวจนี้หลังจากที่พยาบาลพาคนไข้ออกไปแล้ว...
เขามาได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว หวังว่ากลับไปคงไม่ได้พบเหมือนแพรที่ห้องนั้นอีก
ศัลยแพทย์หนุ่มที่พ่วงท้ายด้วยตำแหน่งผู้บริหารของโรงพยาบาลบีเจซีเดินก้าวยาวๆ กลับห้องพักแพทย์ เขาต้องการพักผ่อนเต็มแก่แล้ว แม้ว่าจะทำงานสลับเวรจนชินเพราะเเพทย์เฉพาะทางแผนกเขาเพิ่งลาออกและรอคนใหม่มาแทน แต่เขาก็ยังยึดเวลานอนในช่วงดึกเป็นหลัก พอขึ้นเวรกลางคืนทีไรว่างเมื่อไหร่ก็จะนอนทันที...
ขาของเขาชะงักเมื่อเห็น ชลนที เพื่อนสนิทที่เป็นศัลยแพทย์เหมือนกันเดินเหยียดแขนเหมือนกำลังทำกายบริหารอยู่ เพราะชลนทีคือพี่สาวของอลิน ดวงหน้าของหญิงสาวจึงละม้ายคนที่อยู่ในหัวใจของเขา จนอดคิดถึงไม่ได้...
"แซม มีเคสเหรอ" หญิงสาวเอ่ยทัก
"อือ... น้ำล่ะ ใส่ชุดโออาร์[1] แบบนี้ มีผ่าหรือเปล่า"
"ใช่" ชลนทีพยักหน้ารับ เพราะบีเจซีเป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ การตรวจและการรักษาไม่เน้นเพียงช่วงกลางวัน ทุกสาขามีแพทย์ยี่สิบสี่ชั่วโมง พร้อมให้บริการ และมีคนไข้กันยี่สิบสี่ชั่วโมงเช่นกัน การเซ็ตเคสผ่าตัดช่วงดึกตามเวรของแพทย์เป็นเรื่องปรกติไปแล้ว...
"เหนื่อยล่ะสิน้ำ ทำวิจัยมาเยอะ พอมาทำงานรักษาคนไข้แล้วต้องอดหลับอดนอน " ศรัณย์เอ่ยกับเพื่อนสนิท ก่อนนี้ชลนทีทำงานวิจัยอยู่ที่อเมริกา และอยู่ๆ ก็กลับมาทำงานที่ไทย พอเธอส่งประวัติมาให้ เขาก็รับเธอทำงานทันที นอกจากความสนิทสนมผูกพันที่มีมาตั้งแต่เด็กแล้ว ชลนทียังเป็นหมอเฉพาะทางที่มีชื่อเสียงมาก...
"ใครจะเก่งเหมือนนายล่ะ ทั้งงานบริหารก็ทำ งานตรวจคนไข้ก็ทำ อึดทะลุมิติขนาดนี้ น่าเสียดายที่น้องเราคิดสั้นไปคว้ามาเฟียมาเป็นคู่หมั้นแทนให้ชีวิตยุ่งยากน่าปวดหัว..."
คำพูดของชลนทีทำให้เขาชะงัก เหมือนเธอชะงักเช่นกันที่รู้ว่าเผลอพูดแทงใจเขาออกมา...
"ขอโทษๆ ลืมว่าคนแถวนี้อกหักอยู่ ไม่น่ารื้อฟื้น"
"เดี๋ยวเถอะ" ศรัณย์แยกเขี้ยวใส่ชลนที... เขาเองเคยปากหมาใส่ชลนทีไปเยอะ พอชลนทีแซ็วคืนบ้าง เขาก็อึ้งจนเถียงไม่ออก "น้ำกลับมาเพื่อเยาะเย้ยเราโดยเฉพาะรึเปล่านะ ขยี้กันจริง... อยากตามไอ้กันต์มาตอนนี้ ไม่ต้องรอมาตามกำหนด จะได้มีคนช่วยเถียงน้ำ"
เขาล่ะคิดถึง กันต์ เพื่อนแพทย์อีกคนที่รู้จักเขากับเธอเป็นอย่างดี กันต์มักจะเป็นลูกคู่ ช่วยเขารุมแซ็วชลนที จนใครๆ ก็สงสารหญิงสาวที่มีเพื่อนสนิทปากไวเหมือนพวกเขา กันต์จะย้ายตามครอบครัวมาอยู่ไทย และเริ่มทำงานที่บีเจซีกับพวกเขาเร็วๆ นี้...
"พอกันต์รีบมาเราจะหนีไปที่อื่นเลยคอยดู"
"แหม เพิ่งมา จะรีบหนีไปไหน หรือที่พยาบาลเค้าเเซ็วกันว่ามีคนไข้ที่เป็นหมอดูทำนายว่าจะมีคนสอยน้ำลงจากคานจะเป็นเรื่องจริง"
"โอยยย ไม่มีหรอก..." ชลนทีสะบัดหัวทำท่าเหมือนหนาวจนขนลุก ไม่รู้จะหวงคานไว้ทำไม "อย่าพูดเรื่องเนื้อคู่เรื่องผู้ชายอะไรให้ได้ยินตอนนี้ได้ไหม"
คนทำท่าเหมือนเบื่อผู้ชายอย่างหนัก เป็นแบบนี้ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกามาทำงานที่โดยกะทันหัน จนเขาและอลิน น้องสาวของเธอคิดว่าชลนทีต้องอกหักมาแต่ไม่ยอมบอก ยิ่งนานไปยิ่งแปลก แต่ว่าเจ้าตัวก็ไม่ปริปากอะไร แม้แต่เขาที่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดยังไม่ปริปากเล่าพวกเขาเลยไม่คาดคั้น เพราะเธอคงไม่อยากเล่าจริงๆ
"อืมๆ ไม่คุยก็ไม่คุย จะรีบหนีไปนอนแล้วก็ได้ น้ำรีบไปพักผ่อนเถอะ คืนนี้ยังอีกยาวไกล" เขาบอกแล้วโบกมือไล่เพื่อนให้แยกย้ายไปนอนห้องของใครของมัน...
หญิงสาวเลยพยักหน้าให้ก่อนจะเดินแยกตัวออกไป เพราะอยากนอนเก็บแรงไว้เหมือนกัน อีกอย่างช่วงนี้เพราะว่าสนิทกันมากเกินไปใครๆ ก็คิดว่าชลนทีกับศรัณย์เป็นแฟนกัน เมื่อก่อนอลินที่มาโรงพยาบาลนี้บ่อยๆ เพราะต้องพาบิดามารักษาก็ถูกจับตามองและคิดว่าเป็นแฟนของศรัณย์อีกคน... แม้ตอนนี้อลินจะเปิดตัวว่าเป็นคู่หมั้นของชานป๋อหลิน ทายาทของกลุ่มทุนฮ่องกงดรากอนแล้ว...
แต่ข่าวซุบซิบก็ยังมีว่า ศรัณย์เปลี่ยนใจมาคบชลนทีเเทน
เพราะอย่างนี้เองศรัณย์เลยคิดว่าจะให้เหมือนแพรมาเป็นตัวกลาง เหมือนต้องการให้เธอมายืนอยู่ข้างๆ เขาชั่วคราว
แต่เพราะว่าเธอยังไม่เจนจัดพอ เขาเลยไม่อยากให้เธอทำงานเหล่านี้ เพราะเมื่อเธอต้องไป เขากลัวว่ามันจะเกิดปัญหาภายหลัง...
การที่เขาเป็นคนแรกของเธอ เขากลัวว่าเธอจะผูกพัน จนวันหนึ่งที่เธอจะต้องไปแล้ว หญิงสาวจะไม่ไป...
ศรัณย์ไม่ชอบให้ชีวิตมีเรื่องยุ่ง โดยเฉพาะกับผู้หญิง ทุกวันนี้เขาแทบจะเหมือนหมีจำศีลทั้งที่เมื่อก่อนก็เปรี้ยวพอตัว เพราะว่ารำคาญที่ผู้หญิงหลายๆ คนไม่ยอมที่จะเลิกกันง่ายๆ ทั้งที่ก่อนคบหาก็ตกลงชัดเจนแล้วถึงระดับความสัมพันธ์ พอเขาห่างหายก็ตามมาตื๊อเขาที่โรงพยาบาล... เขาไม่อยากไปอยู่จุดนั้นอีกแล้ว
นัยน์ตาวาวๆ และความหัวดื้อของเหมือนแพร พร้อมทั้งเยื่อพรหมจรรย์ที่เขาตรวจพบเองกับมือทำให้เขาคิดว่า เหมือนแพรจะสร้างปัญหานั้นให้กับเขาอีก เขาเลยคัดเธอออกไปจากลิสต์อย่างง่ายดาย โดยไม่เสียดายเงินก้อนใหญ่ที่เพิ่งจ่ายค่าจ้างไปสักนิดเดียว...
[1] OR คือตัวย่อของ Operation Room (ห้องผ่าตัด)