ตอนที่หนึ่ง ปรากฏตัวอย่างเป็นทางการ 1

2705 Words
โรงพยาบาล บีเจซี เหมือนแพร อังกูรราชัน ก้าวเดินตามเจ้าหน้าที่ที่นำทางเธอมายังห้องพักแพทย์ซึ่งเป็นพื้นที่เฉพาะบุคลากรภายในซึ่งถ้าเธอไม่ได้นัดหมายมาก่อนก็คงไม่มีทางได้เข้ามาถึงส่วนนี้แน่นอน นายแพทย์ ศรัณย์ ชื่อบนป้ายหน้าห้องเด่นหรา ทำให้เธอเกร็งเล็กน้อยยามนึกถึงเจ้าของชื่อ ก๊อก ก๊อก ก๊อก  เคาะประตูเพียงสามครั้งประตูก็ถูกเปิดออกจากคนข้างใน เธอเงยหน้าไปมองสบดวงตาคู่คมของเจ้าของป้ายชื่อเพียงครู่เดียว ก่อนที่เจ้าหน้าที่ที่นำทางเธอมาจะเอ่ยขอตัวและแยกออกไป เขาพยักหน้าให้เธอเดินตามเข้าไปในห้องที่เธอเพิ่งเข้ามาเป็นครั้งแรก เมื่อประตูปิดและอยู่เพียงลำพังสองคน หญิงสาวถึงได้เอ่ยปากก่อน "ฉันมาตามที่คุณสั่งค่ะ" "อืม..." เขาพยักหน้ารับรู้ อันที่จริงเขากับเธอก็ไม่ใช่คนแปลกหน้ากันหรอก แต่จะว่าสนิทกันก็ไม่เชิง เธอเคยเจอหน้าเขาหนึ่งครั้งแล้ว แต่จะว่าไป ถ้าเหตุการณ์ครั้งก่อนที่ได้พบกันให้คำนิยามสถานะระหว่างเขากับเธอไม่ถูก เหตุการณ์ครั้งนี้ยิ่งแล้วไปใหญ่ "อันที่จริงคุณทำงาน ทำไมต้องให้มาวันนี้คะ" เธอเงยหน้าถามเขา จะถามด้วยซ้ำว่าให้มาที่นี่ทำไม มันใช่เหรอที่จะมารายงานตัวกับเขาครั้งแรกในฐานะเด็กที่เขาผูกปิ่นโตในที่ทำงานของเขา "ผมมีข่าวกับน้องคนนั้น เลยอยากให้คนในนี้ลือเรื่องผมกับคนอื่นมากกว่าน้องเขา ไม่อยากให้เขาเสียหาย" คำตอบของเขาทำให้เหมือนแพรร้องอ้อในใจ เขายอมเสียหายเอง เพราะไม่อยากให้คนอื่นเสียหาย เธอเลยต้องมาเจอเขาที่นี่ในวันนี้... อย่างนี้เองสินะ "เดี๋ยวผมต้องไปตรวจคนไข้ อีกครึ่งชั่วโมงก็กลับมา ในห้องมีทุกอย่าง ตามสบายเลยนะ" เขาผายมือให้เธอเข้าไปยังด้านในของห้อง ที่มองดูเหมือนเป็นห้องสตูดิโอในโรงแรม ไม่น่าเชื่อว่าด้านในที่ถัดจากห้องฉุกเฉินจะมีห้องให้นอนสบายขนาดนี้ แต่ก็ต้องเชื่อ ระดับโรงพยาบาลบีเจซี ห้องพักแพทย์หรูขนาดนี้คงเป็นเรื่องปรกติอยู่แล้ว เหมือนแพรวางกระเป๋าสำหรับค้างคืนที่เตรียมมาไว้ที่มุมหนึ่งของห้องก่อนจะเดินไปนั่งสงบเสงี่ยมเรียบร้อยที่โซฟาที่เปิดสารคดีสัตว์โลกค้างอยู่ ใบหน้าเธอแดงก่ำเล็กน้อยเมื่อในนั้นกำลังฉายฉากเกี่ยวกับการผสมพันธุ์ของสัตว์ชนิดหนึ่ง... เธอไม่อยากจะคิดอะไรมากและอยากทำตัวให้ชินชากับสิ่งที่กำลังจะเกิด แต่เอาเข้าจริงๆ เธอก็ทำใจไม่ได้... ยิ่งต้องรอเขาอย่างนี้ มือเธอยิ่งเย็นเฉียบและชื้นเหงื่อขึ้นทุกที เขาดูแตกต่างจากครั้งแรกมาก คนที่นั่งอยู่คนเดียวนึกย้อนกลับไปถึงครั้งแรกที่เธอเจอกับศรัณย์     หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ เหมือนแพรทำงานพิเศษที่สถานบันเทิง ก่อนหน้านี้เธอเองเพียงทำงานใช้แรงงานไม่เคยรับงานเช่นนี้เลย แต่ความจำเป็นทำให้เธอร้องขอผู้จัดการขอทำงานนี้ครั้งหนึ่งเพื่อให้รอดพ้นจากปัญหาของตัวเอง พร้อมกับที่ศรัณย์กำลังต้องการคนที่ไปปรนนิบัติเขาหนึ่งคืนในห้องวีไอพี ผู้จัดการเลยส่งเธอไป วันนั้นเธอพยายามและเตรียมใจอย่างมาก หากแต่สิ่งที่ได้ทำคือการดูแลศรัณย์ที่เมาอย่างหนักและมีอาการเหมือนจะเสียใจเรื่องอะไรบางอย่างหนักหน่วง ถึงเขาไม่ได้แตะต้องเธอ แต่ก็ต้องการให้เธออยู่กับเขา เป็นเพื่อนดื่มกับเขา นั่งมองเขาเสียใจโดยทำได้เพียงเห็นใจ และอยู่ข้างๆ เขา เธอเอ่ยถามถึงเรื่องที่เขาเสียใจ เขาที่ยังเมาเล่าให้เธอฟังจนได้รู้เรื่องราวของ อลิน ผู้หญิงที่ศรัณย์รักแต่ไม่ได้ครอบครองจนเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเสียใจ การเป็นผู้ฟังที่ดีในวันนั้น จบลงโดยที่เธอไม่บุบสลายใดๆ และต่อมาเมื่อศรัณย์ต้องการผูกปิ่นโตกับใครสักคน ผู้จัดการก็มอบงานนี้ให้กับเธอ เพราะเธอเป็นคนที่ตรงกับความต้องการของศรัณย์ในหลายด้าน และการทำงานกับเขาเป็นสิ่งที่เธอต้องการที่สุดในเวลานี้ นั่นเป็นสาเหตุที่เธอต้องมาหาเขาที่นี่ในวันนี้... เสียงกุกกักที่ตรงประตูทำให้คนที่นั่งท่าสบายๆ อยู่เกร็งขึ้นมาอีกครั้ง เธอหันไปมองประตู ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงอย่างที่เขาบอกแล้ว เธอนั่งคิดอะไรไปเพลินๆ จนลืม ตอนนี้เขากลับมาแล้ว... ประตูเปิดออกพร้อมกับคนร่างสูงที่ก้าวเดินเข้ามา เธอหันไปสบตาเขา รอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของเขาทำให้เผลอมอง คนหน้าตาดีจัด ตัวสูง รอยยิ้มทำให้โลกสดใสขนาดนี้ แล้วชุดที่เขาสวม เสื้อเชิ้ตผ้าเนื้อดีสีขาว สวมทับด้วยเสื้อกาวน์ผ้าฝ้ายตัวยาวมีหูฟังตรวจเสียงปอดสายสีชมพูเข้มคล้องคอ นอกจากความดูดีในขั้นที่ไม่สามารถมองผ่านได้ในคราเดียว และจากที่สัมผัส เธอรู้ว่าศรัณย์เป็นคนอ่อนโยน จิตใจดี ภาพรวมเหล่านี้ทำให้เหมือนแพรคิดว่า เขาดูดีและเพอร์เฟกต์มากมายที่สุด จนเธอนึกเสียดายแทนผู้หญิงคนนั้นที่ไม่ได้เลือกเขา หญิงสาวลดสายตาลงมามองถาดที่เขาถือมาในมือ หัวคิ้วย่นเข้าหากัน ก่อนจะเงยหน้าไปมองเขาด้วยสายตามีคำถาม "ตรวจเลือดหน่อยนะ" เขาบอกสั้นๆ แล้วก็เดินมานั่งข้างๆ เธอ "คุณจะทำเองหรือคะ" เธอคิดว่าเขาต้องมือหนักแน่ๆ เธอเคยไม่สบายมาหาหมอ เคยเจอพยาบาลอายุเยอะมากประสบการณ์เจาะเลือดให้แล้วไม่เจ็บ ถ้าเป็นหมอเจาะให้  มันจะดีหรือ...  รู้แหละว่าเขาทำได้ และคงทำได้ดีเพราะเขาเป็นหมอ แต่ว่า เขาเป็นผู้ชาย คำว่าผู้ชายจะมือหนักกว่าผู้หญิงฝังหัวเธอไปแล้ว "เจ็บนิดเดียว รับรอง" เขาพึมพำ ดึงถุงมือมาสวม ทันเห็นว่ามือเขาสวย นิ้วเรียวยาว เธอรู้มาว่าเขาเป็นศัลยแพทย์ มือนี้ของเขาคงผ่าตัดคนไข้มานับไม่ถ้วน เธอไม่เอะอะอะไรต่อเพราะไม่อยากเป็นคนเรื่องมาก ยื่นแขนให้เขารัดสายยางเหนือข้อพับ มองเขาเอาแผ่นแอลกอฮอล์เย็นๆ เช็ดบนผิวของเธอ หญิงสาวเผลอหลับตาปี๋ตอนที่เขาเอาเข็มมาแทงตรงเส้นเลือดที่ข้อพับ แต่เพราะไม่รู้สึกเจ็บอะไรมากเลยลืมตามอง เห็นว่าเขาเอาหลอดแก้วเล็กๆ มารองเอาหยดเลือดที่ไหลออกจากปลายเข็มอีกด้านที่เสียบอยู่ที่ข้อพับของเธอ เธอมองเขา เป็นจังหวะที่เขาเหลือบตามามองเธอพอดี "เจ็บรึเปล่า" “ไม่ค่ะ” เธอบอกตรงๆ หลุบตามองมือเขาเอานิ้วกดห้ามเลือดเธอแล้วเอาหลอดแรกที่ได้เลือดเท่าที่ต้องการแล้วไปปิดฝาด้วยมือเดียวที่เหลือ ก่อนจะเอาหลอดใหม่มาใส่เลือดอีก "หลายหลอดหน่อยนะ... ผมจะเอาไปให้ห้องแล็บเอง บอกว่าตรวจแบบวางแผนครอบครัวไปเลย ข่าวที่ลือกันคงเปลี่ยนทิศ คงได้ประโยชน์หลายต่อ ไหนๆ ก็จะต้องตรวจเลือดอยู่แล้ว"  เขาบอกเธอ ในตอนที่ดึงเข็มและสายยางรัดแขนออกแล้ว แอลกอฮอล์แผ่นใหม่ถูกเช็ดก่อนพลาสเตอร์ปิดแผลแบบกันน้ำจะถูกปิดให้ที่ข้อพับแขนของเธอ หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ เขาเป็นข่าวกับผู้หญิงคนนั้น และไม่อยากให้คนที่ตกเป็นข่าวด้วยได้รับความเสียหาย เขาเลยเลือกผูกปิ่นโตกับเธอยาวๆ เพื่อปกป้องผู้หญิงคนนั้น เขาต้องรักอลินขนาดไหนนะ เธออดที่จะอยากเห็นผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นไม่ได้  ส่วนเธอนะหรือ เป็นผู้หญิงที่โชคร้าย เสียเลือดไปหลายหลอด แต่เอ๊ะ เขาบอกว่าเธอจะต้องเจาะอยู่แล้ว หัวสมองเธอสว่างวาบเหมือนคิดอะไรออก ครั้งก่อนที่เขาไม่ได้แตะต้องเธอเพราะตอนนั้นค่อนข้างกะทันหัน อยู่ๆ เขาก็จองห้องวีไอพีแล้วก็เรียกคนไปหนึ่งคน ซึ่งคนนั้นเป็นเธอ พอประมวลผลทุกอย่างแล้วถึงคิดออก วันนั้นเขาไม่อยากยุ่งกับเธอเพราะไม่ได้รู้ผลเลือดของเธอ เธอเลยรอด แต่วันนี้ เขาเจาะเลือดแล้ว อยู่ๆ ตัวเธอก็ไหวยะเยือกขึ้นมา เธอเตรียมใจเรื่องนี้มาอยู่แล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ มันก็หวั่นไหวอยู่ดี  เสียงเปิดประตูเข้ามาในห้องพักแพทย์ของศรัณย์ ทำให้คนที่นั่งกังวลอยู่ เกร็งขึ้นมาอีกครั้ง หันไปมองก็เห็นว่าไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกที่เข้ามา ก็เจ้าของห้องหรูๆ ราวกับโรงแรมห้องนี้นั่นล่ะ แต่ถามว่าเจ้าของห้องเข้าห้องมาหลังจากที่หายไปเป็นชั่วโมงๆ ทำให้สบายใจขึ้นไหม ตอบเลยว่า ไม่... เหงื่อที่ซึมเต็มมือ คือหลักฐานชั้นดีเชียวล่ะ เขาเดินทำหน้ายู่ๆ เข้ามา ตอนที่เขาไป เธอได้ยินสายเรียกเข้าหาเขาแจ้งว่ามีคนไข้ เลยให้อีกฝ่ายโทรไปที่ห้องแล็บตามที่เขาบอก ที่เขาหายไปนานคงเพราะไปดูคนไข้อยู่แน่ๆ "คืนนี้ เวรเยินจริง เคสมาทั้งคืน" เขาบ่นพึมพำ...  "มีวันที่ไม่มีด้วยหรือคะ" เขาทำท่านิ่งคิด "ก็มีนะ มันเป็นเคสเฉพาะทาง บางวันก็ได้นอน แต่วันนี้โชคไม่เข้าข้าง" เขาเดินมานั่งโซฟา ท่าทางสบายๆ เธอไม่กล้าถามต่อว่างานของเขาเป็นแบบไหนอย่างไร ยอมรับว่าไม่รู้จักเขาดีพอ เธอรู้เพียงแค่ว่าเขาไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนที่เป็นหมอด้วยกันที่ผับที่เธอทำงานบ่อย ผู้จัดการรู้จักเขาดี เธอเองเป็นเด็กที่ผู้จัดการเอ็นดู เมื่อรู้ปัญหาของเธอ ผู้จัดการจึงจัดสรรให้รับงานจากเขา... คนที่ได้รับการการันตีว่า งานที่ทำนั้นเธอต้องลำบากใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่ได้อยากทำเป็นทุนเดิม แต่เป็นหมอแซม เธอจะลำบากใจน้อยที่สุด ผู้จัดการบอกอย่างนั้น "ผลเลือดออกมาแล้วนะ... ไม่มีโรคติดต่ออะไร" เขายื่นกระดาษแผ่นเท่ากระดาษเอห้า ซึ่งน่าจะเป็นผลแล็บยื่นให้ เธอดูไม่ออกหรอกว่าผลเป็นอย่างไร แต่เธอมั่นใจแน่นอนว่าผลมันจะปรกติ... "ผมไม่ได้ตรวจเลือด แต่ตรวจร่างกายประจำปี ผลปรกติ ไม่ค่อยมีเวลาออกไปเปรี้ยวน่ะ" คงเพราะเห็นเธอไม่พูดอะไร เขาเลยพูดของเขาไปเรื่อยๆ นอกจากจะหน้าตาดีแล้วเขายังอัธยาศัยดีมาก เพราะเรื่องเหล่านี้เขาไม่อธิบายเธอก็ได้ แต่เขาก็ชวนคุยด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนสนิทกันแล้ว คงเป็นความเคยชินที่ต้องอธิบายกับคนไข้ในตอนที่เขาทำงานแน่ๆ ทำให้เขาคุยกับเธอได้อย่างเป็นกันเอง "อ้อ... ค่ะ" เธอพยักหน้ารับ "ถ้าอย่างนั้นก็ไปที่เตียง" เขาผินหน้าไปยังเตียงนอนที่ยังปูตึงแน่น ไม่มีร่องรอยการนอน เธอทำหน้าอึ้ง เขาเรียกเธอมาตอนนี้เพราะว่าแค่ต้องการแก้ข่าวเท่านั้นไม่ใช่หรือ เขาจะเริ่มตอนนี้ ที่ห้องทำงานของเขา และในเวลางานของเขาอย่างนั้นหรือ ดูเหมือนเขาเองจะรู้ว่าเธอสงสัย... เขาเลยตอบโดยที่เธอไม่ต้องถาม "ผมต้องเช็กของก่อนใช้" คนตัวสูงลุกขึ้นยืนก่อน  หญิงสาวเผยอปากนิดๆ เหมือนจะอึ้ง... เมื่อกี้เพิ่งชมไปเองนะ แม้จะอึ้งแต่เพราะรู้หน้าที่ตัวเองดี หญิงสาวไม่ได้มาเพื่อต่อรองอะไร แต่มาเพื่อตามใจเขาทุกอย่างราวกับต้องถวายชีวิตและจิตวิญญาณให้เขาก็ไม่ปาน เพราะถ้าไม่มีเขา เธอไม่อยากจะคิดว่าเรื่องราวต้องย่ำแย่กว่าสิ่งที่เธอต้องทำอยู่ในตอนนี้มากมายแน่... หญิงสาวเลยไม่มีท่าทางสะทกสะท้านใดๆ และยอมทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย แต่สิ่งนั้นทำให้คนที่ถอดเสื้อกาวน์พาดไว้คิดไปอีกทาง... เขาเชื่อจริงๆ ว่าคนที่เดินไปนอนบนเตียงนั้นชั่วโมงบินสูง แม้ท่าทางที่รั้งกระโปรงที่เลิกขึ้นสูงให้ปิดลงมานิดหน่อยนั้นจะสะกิดใจนิดๆ ก็ตามที... "ฮึก" หญิงสาวเผลอสะดุดลมหายใจเล็กน้อยตอนเขามานั่งที่ข้างเตียง สายตาเขาเบนมาที่เธอนั้นอ่านไม่ออก เขาไม่ได้ดูเหมือนจะขย้ำเธอให้น่ากลัว หากแต่มันขัดเขินแปลกๆ ต่างหาก หวังว่าเขาจะแค่เช็กของจริงๆ เพราะเธอยังอยากมีเวลาทำใจอีกนิดหน่อย... "ถอดเสื้อด้วย" เขาบอกเสียงเบาๆ  เหมือนแพรไม่อิดออด แกะกระดุมของเสื้อแขนกุดด้านหน้าออก เหลือเพียงบราสีชมพูลายการ์ตูนที่ห่อหุ้มเรือนกายเธออยู่เท่านั้นที่ปรากฏให้เห็น  "อันนี้ด้วย" ​เขาบอก แต่เธอยังไม่ได้ทำอะไร มือเขาก็จับเพื่อบอกชัดว่าอันนี้ที่ว่ามาหมายถึงอะไร บราของเธอที่มีตะขอด้านหน้าถูกปลดออก ทรวงอกคู่งามที่ใหญ่เกินมาตรฐาน ใหญ่แบบไม่เกรงใจเอวคอดของเธอก็ดีดผึงออก คอของเธอแห้งผาก ไม่รู้จะข่มใจอย่างไร มือของเขาเลื่อนมาจับหน้าอก คลึงเคล้นทั้งสองข้าง ดวงตาคู่คมช้อนมามองเธอ ในตอนที่เธอมองเขาเหมือนประหม่า ก่อนที่เขาจะพึมพำเหมือนพอใจ... "ของจริง" หญิงสาวกัดริมฝีปากล่าง... ทำหน้านิ่งให้ดูเจนจัดสุดๆ ไม่หลบตาเขาแม้ใจจะเต้นจนแทบระเบิด... แต่กระนั้นก็ผวาในตอนที่เขาสะกิดยอดอกเบาๆ น้ำลายเหนียวๆ ถูกกลืนลงคอ แอบบ่นเขาในใจว่า ขี้เเกล้ง... เพราะเขาเพียงแค่จะละมือออกมาแค่นั้น แต่ปลายนิ้วยังอุตส่าห์ไปโดนยอดปทุมถันที่ไวต่อความรู้สึก... นิ้วเรียวๆ ของเขาไล้แถวต้นขา ทำให้ขนลุกเกรียว ก่อนที่ชายกระโปรงของเธอจะร่นขึ้นเรื่อยๆ จนมากองอยู่ที่เอว... การเคลื่อนไหวเชื่องช้าของเขาทำให้เธอตื่นตระหนกจนเกร็งไปทั้งตัว จนเมื่อสัมผัสได้ว่าชิ้นจิ๋วสีดำเนื้อบางถูกดึงมาไว้ที่ข้อเท้าและเรียวขาของเธอถูกจับแยกออก ลมหายใจของเธอก็เริ่มสะดุด ทั้งวาบหวามและหวาดกลัวปนเป... อย่างหลังดูจะมากกว่า... ปลายนิ้วที่แตะส่วนนั้นกำลังจะทำให้เธอค่อยๆ ตายช้าๆ และตอนนี้มันก็จบลงแล้วเมื่อเขาลุกพรวดขึ้น ผ้าที่เขาหยิบมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ถูกโยนมาปิดร่างเปลือยของเธอ ดวงตาแสนขลาดกลัวของเธอเหลือบไปมอง เห็นใบหน้าโกรธขึ้งของเขาแล้วรู้สึกเหมือนกำลังมองมัจจุราชที่กำลังจะเอาชีวิตเธอก็ไม่ปาน "คุณโกหก!” น้ำลายเหนียวๆ ถูกกลืนลงคอ... ตอนที่แก้ผ้าแล้วให้เขาสำรวจร่างกายของเธอนั้นว่าน่ากลัวแล้ว ตอนที่เขายืนเต็มความสูงมองเธอด้วยสายตาโกรธขึ้ง แบบเอาเรื่องสุดๆ นี้น่ากลัวยิ่งกว่าเสียอีก หัวสมองของเหมือนแพรวิ่งเร็วจี๋ เธอคิดเอาไว้แล้วว่าหากเขารู้ความจริง เธอจะต้องทำอย่างไง "ก่อนหน้านี้ฉันอาจจะซิง แต่ตอนนี้ฉันไม่ซิงแล้ว คุณแตะต้องและเห็นทุกอย่างหมดแล้ว" เธอเถียงข้างๆ คูๆ "เพราะอย่างนี้ไง ถึงไม่อยากได้คนที่ไม่เคย" เขากอดอก "คุณไม่รู้เรื่องอะไรเลย เก็บโลกสดใสของคุณเอาไว้แล้วไปหางานอื่นทำซะ ผมจะบอกคุณเอ้หาคนใหม่มาให้เเทน" "ไม่" หญิงสาวร้องออกไปแทบทันควัน โลกของเธอมันไม่ได้สดใสอย่างที่เขาคิด ไม่เลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD