บทที่ 5 นางไม่ใช่สตรีของข้า

3571 Words
ขบวนทัพได้ยกกลับยังหัวเมืองตงฟาง คนเถื่อนที่ถูกจับมาได้ถูกนำตัวกลับไปขังยังคุกค่ายหน้าด่าน ทหารที่ถูกส่งไปสมทบรวมแล้วกว่าร้อยนายมีบาดเจ็บหนักไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของกองกำลังร้อยคน นับได้คงอยู่ที่ราว ๆ สิบกว่าคนเท่านั้นที่ถูกหามขึ้นเกวียนเพื่อไปรักษายังโรงหมอในเมือง หนึ่งในนั้นรวมจ้าวเฉียนยี่เข้าไปด้วย โชคยังดีที่เฉินเฟยหยางยังพอเป็นคนดีอยู่บ้าง ส่งม้าเร็วพาจ้าวเฉียนยี่ล่วงหน้าไปยังเมืองก่อนแล้วรวมถึงแม่นางหลานอี้หนานด้วยเช่นกัน ตัวของนางอยากจะตามไปดูแลใจจะขาด แต่ในตอนนี้นางก็ยังไม่สามารถหลุดออกจากการสิงร่างพ่อพระเอกร่างกายกำยำนี้ได้เลย! นางทั้งผลักก็แล้ว ทุบก็แล้ว กัดก็แล้วตัวของเฉินเฟยหยางยังคงไม่สะทกสะท้านเช่นเดิม จนนางเกือบคิดไปแล้วว่านี่มันรูปปั้นวัดไหน ทำจากวัสดุอะไร ร่างกายมันช่างศักดิ์สิทธิ์เหลือเกิน ต่อให้น้ำไหลไฟคลอกก็คงไม่ตายแน่ๆ “ท่านแกล้งข้า แกล้งข้าแน่ๆ” เหตุผลที่นางพูดแบบนี้เป็นเพราะระหว่างกลับเมืองมันต้องผ่านบริเวณบ้านเรือนของชาวเมืองเป็นเรื่องปกติ และอย่างที่ทุกคนทราบว่า ตัวของพ่อพระเอกคนนี้สร้างภาพลักษณ์อันประเสริฐไว้เพียงใด ยกตัวอย่างแค่เล็กน้อยแล้วกัน.. ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มพิฆาตสตรี ริมฝีปากงดงามดั่งหยกล้ำค้า ดวงตาคมดุกระชากจิตกระชากใจ และร่างกายสัดส่วนทองคำไร้ที่ติ ทั้งตัวของเขาเหมือนดั่งสมบัติของชาติ นางบอกคำเดียวแบบสามารถเห็นภาพชัดเจนเลยว่ามีเขาอยู่ก็เท่ากับมีชาอึนวูติดบ้านนั่นแหละเจ้าคะท่านผู้ชม! แล้ว!! ชาอึนวูเวอร์ชั่นพระเอกในนิยายนี้กำลังหิ้วปีกนังชะนีหน้าอาบเลือด หัวปูด นางหนึ่งไปไหนมาไหนด้วย นังชะนีนั่นจะไม่ถูกรุมทึ้งหรือเจ้าคะ!! ..ถูกต้องเจ้าค่ะ มันเป็นอย่างที่ทุกคนคิด หญิงสาวน้อยใหญ่ทุกคนล้วนต้องการเห็นความหล่อเหลาจนใจเจ็บของเฉินเฟยหยาง พวกนางรวมตัวกันยังด้านหน้าประตูเมืองโดยมิได้นัดหมาย ไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวถึงเวลากลับมาของแม่ทัพเฉิน ทั้งสองข้างทางตั้งแต่หน้าประตูมาจนจวนแม่ทัพ มากกว่าครึ่งนั้นเป็นสตรีเฝ้ารอยลโฉมหน้าที่นานๆ ทีจะได้เห็นสักครั้งหนึ่งอย่างใจจดจ่อ ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ดวงตากว่าร้อยคู่ล้วนจับจ้องมาที่ชายหนุ่มสวมชุดเกราะบนหลังม้าอย่างพร้อมเพรียง ในคราแรกพวกนางมีสายตาหวานหยดย้อย ทว่าในวินาทีถัดมาที่เห็นสิ่งแปลกปลอมบนตัวของท่านแม่ทัพเฉินสายตาพวกนางก็แปรเปลี่ยนเป็นแข็งตาเหลือกโปนทันที จ้าวเสวี่ยซินเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าพวกนางถลึงตามองนางตั้งแต่หน้าประตูเมืองจนลับสายตาเข้าจวนแม่ทัพ แต่ว่าคนต้นเหตุกลับผิวปากไม่รู้ร้อนรู้หนาวเหมือนจงใจให้เป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว “ท่านแม่ทัพเฉิน!” นางกล่าวเรียกคนที่กระโดดลงจากหลังม้าทั้งที่อุ้มนางอยู่แต่กลับไม่เสียการทรงตัวด้วยเสียงอันดัง ทว่าเฉินเฟยหยางกลับทำหูทวนลม ออกคำสั่งกับบ่าวในเรือนแทน “เรียกหมออี้เซิงเข้ามาตรวจอาการทั้งสองคนด้วย แจ้งท่านหมอด้วยว่ามีคนบาดเจ็บต้องการรักษาโดยด่วนหนึ่งราย และที่ยังไม่ได้สติอีกหนึ่ง” เนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มาก โรงยาจึงมีพื้นที่จำกัด คนเจ็บก็เป็นคนรู้จักทั้งคู่เขาจึงเปิดจวนรับเข้ามารอการรักษาที่นี่แทน “ขอรับ” ไห่เทาตอบรับ บ่าวในเรือนที่ออกมาต้อนรับต่างเหลือบมองสตรีแปลกหน้าในอ้อมแขนที่กำลังทำร้ายร่างกายท่านแม่ทัพไปมาด้วยความสนอกสนใจเช่นเดียวกับไห่เทา สตรีนางนี้มีใบหน้าที่สวยงดงามหมดจดแม้จะเปรอะเปื้อนไปบ้างแต่ก็ไม่อาจกลบความงามของนางลงสักเสี้ยวเดียว รูปร่างของนางก็ดูเล็กและบอบบางน่าทะนุถนอมเป็นที่สุด และเป็นเวลากว่าห้าปีแล้วนับตั้งแต่ท่านแม่ทัพประจำการที่เมืองตงฟาง เขาไม่เคยแม้แต่จะเห็นว่าท่านแม่ทัพจะพาสตรีใดเข้าจวน วันๆเข้าออกแต่ค่ายและส่งของบรรณาการกลับเมืองหลวงในทุกปีเท่านั้น จนพวกเขาแตกคอออกเป็นสองเสียง เสียงหนึ่งกล่าวว่า..หรือท่านแม่ทัพจะเป็นบุรุษตัดแขนเสื้อ และอีกเสียงหนึ่งกล่าวว่าท่านแม่ทัพคงมีสตรีในดวงใจอยู่ที่เมืองหลวงอันห่างไกลเป็นแน่ แต่ในวันนี้นอกจากจะไม่ได้พามาแค่หนึ่งแล้ว ยังพามาถึงสอง และอีกหนึ่งบุรุษด้วย.. “ไห่เทาข้ารู้ว่าเจ้าสงสัยสิ่งใด แต่อย่าแม้จะมีความคิดว่าชายหนุ่มหน้าละอ่อนผู้นั้นจะเป็นหนึ่งในคนรักของข้าเชียว” คนตัวสูงมีรอยยิ้มประดับใบหน้าทว่าดวงตากลับไม่ได้ยิ้มตาม ทำเอาหนุ่มน้อยวัยสิบห้าหนาวสะดุ้งสุดตัว “ปะ..เปล่าเลยขอรับ บ่าวไม่กล้าคิด!” ไห่เทารีบก้มหน้าก้มตา บุรุษเช่นท่านแม่ทัพก็ถูกบุรุษมาติดพันอยู่เรื่อยๆ จะไม่ให้เขาเผลอคิดไปได้อย่างไร ยกตัวอย่างเช่นองครักษ์จางผู้นั้นที่ถูกเนรเทศออกไปเพราะคิดจะจับสะโพกเต่งตึงของท่านแม่ทัพ! วันนั้นถึงกับต้องมีชายฉกรรจ์สี่ห้าคนรุมจับตัวท่านแม่ทัพเอาไว้ไม่ให้ตรงเข้าไปฆ่าคนที่บังอาจเล็งจับส่วนที่ไม่ควรจับ! ตัวเขายังจำสภาพปางตายก่อนที่องครักษ์จางจะถูกคุมตัวออกไปได้อยู่เลย.. คนที่มักจะเงียบๆและยิ้มให้เสมอกลายเป็นคนที่เลือดร้อนขึ้นมาได้ในทันทีที่เขามีโทสะ เพราะฉะนั้นอย่าพยายามทำให้แม่ทัพโกรธจะเป็นการดีที่สุด! “แม่ทัพเฉิน คนโรคจิต ปล่อยข้าเสียที คิดจะแกล้งข้าไปถึงเมื่อไหร่เจ้าคะ!” “!!” ไห่เทาหน้าซีดลง มองสตรีที่ด่าทอท่านแม่ทัพด้วยความตกใจ อึดใจต่อมาเขาเตรียมภวานาและนับเงินซื้อโลงให้แก่นางด้วยความสงสาร เพราะแม่ทัพเฉินไม่ชอบให้ผู้ใดตะคอกใส่เขาด้วยวาจาหยาบคายเช่นนั้น ทว่าคำตอบกลับของท่านแม่ทัพไม่ใช่ดั่งที่เขาคิด และมันทำให้เขาเกือบตบหน้าตัวเองเรียกสติว่านี่คือความฝันหรือความจริง “เจ้าบอกว่าไม่มีทางปล่อยข้า นั่นหมายความว่า จะอยู่เกาะตัวของข้าชั่วชีวิตไม่ใช่หรือ” “!!” “กับผีหน่ะสิ!!” นางแว้ดใส่เสียงดัง ใบหน้างามเห่อร้อนหาใช่เพราะเขินอายกับประโยคสองแง่สองง่าม แต่เพราะนางอึดอัดและเหนียวตัวมาก ไม่เห็นหรือว่าเลือดมันเลอะเต็มหน้านาง และหัวของนางก็ปูดจนจะกลายเป็นลูกฟุตบอลดึงออกมาเตะได้แล้ว แต่กลับบอกว่ามีคนเจ็บแค่สองคน! ทว่ามีคนหนึ่งที่ไม่ได้เข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้านี้เลย เป็นไห่เทาที่อึ้งจนหูดับไม่ทันได้ยินว่าจ้าวเสวี่ยซินตอบกลับเฉินเฟยหยางไปอย่างเจ็บแสบเช่นไร แต่กลับคิดไปแล้วว่าทั้งสองต้องมีสัมพันธ์บางอย่างเป็นแน่และคิดอีกว่า บทสนทนาชวนอ้วกนี้ออกมาจากปากของท่านแม่ทัพเฉินจริงๆงั้นหรือ.. ไห่เทาเหลือจะกล่าว. “อะ..เอ่อ ท่านแม่ทัพ” เสียงเรียกจากไห่เทาสะกิดคนที่กำลังสนุกหยุดการกระทำลง เฉินเฟยหยางหันกลับมามองบ่าวของตัวเอง คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงคำถามว่ามีสิ่งใด ส่วนทางด้านจ้าวเสวี่ยซินนั้นก็คิดอยู่เช่นกันว่า จะกัดหูมันให้ขาดเลยดีหรือไม่ถึงจะยอมปล่อยนางลงเสียที ส่วนอีกใจหนึ่งก็คิดว่าเมื่อไหร่แม่นางเอกจะฟื้นตื่นจากบรรทมจะได้พาพระเอกโรคจิตให้กลับเข้าที่เข้าทางตามฉบับนิยาย หลับไปขนาดนั้นไม่คิดจะตื่นมาใช้ชีวิตบ้างเลยหรือ โถ่วุ้ย! “ท่านหญิงของท่านก็บาดเจ็บเช่นกัน ควรให้หมออี้เซิงตรวจนางด้วยนะขอรับ” ไห่เทากล่าวโดยมีความลังเลอยู่หลายส่วน มองบาดแผลบนหน้าและตามตัวของหญิงสาวผู้งดงามด้วยความเป็นห่วงเป็นไย “เจ้าชื่ออะไร” จ้าวเสวี่ยซินหยุดความคิดวุ่นวายในหัวลง รีบถามหาชื่อจากบ่าวหนุ่มน้อยตรงหน้าด้วยสายตาดีอกดีใจ อย่างน้อยก็มีคนเห็นใจนางไม่เหมือนอย่างใครบางคน! นางแอบเบ้ปากใส่เจ้าของดวงตาคมเฉี่ยวข้างๆ “ไห่เทา เขาชื่อไห่เทาเป็นบ่าวรับใช้ของข้า และเขามีเมียแล้วเพิ่งแต่งกันเมื่อเดือนก่อน” แต่เป็นเฉินเฟยหยางที่ตอบกลับมาแทน ทางด้านจ้าวเสวี่ยซินถึงกับตาถลนมองไห่เทาที่บิดตัวด้วยความเขินอาย ตัวเท่านี้แต่มีเมียแล้วงั้นรึ! “ใช่ขอรับ ฮ่าๆๆ” คนที่เพิ่งแต่งงานไปหมาดๆ เกาศีรษะแก้เขิน “เจ้ามีรสนิยามชอบคนอายุน้อยกว่าและมีเมียแล้วด้วยหรืออย่างไร” เฉินเฟยหยางหันกลับมาพูดกับสตรีในอ้อมแขน คิ้วหนาเลิกขึ้นด้วยความสงสัยแต่ทว่ามุมปากแสยะยิ้มเหี้ยม หากนางคิดจะกินบ่าวใช้ในเรือนเขานางจะไม่มีวันได้มีขาเดินออกจากจวนเขาเป็นแน่ “ข้าเพียงถามเพราะเขามีไมตรีกับข้า ท่านเนี่ยแหละที่คิดร้าย คิดไม่ดีกับข้า คนบ้า!” “เดี่ยวนี้กล้าต่อว่าข้าแล้วงั้นหรือ แต่ก่อนยังเรียกท่านพี่เจ้าคะ ท่านพี่เจ้าขาอยู่เลย นี่เจ้าคือเสวี่ยซินหรือวิญญาณใดเข้ามาสวมร่างเจ้ากัน” ทำไมเดาถูก..! “ข้า! ข้า! ข้าก็ต้องเป็นจ้าวเสวี่ยซินสิเจ้าคะ จะมีวิญญาณไหนเข้ามาสิ่งร่างได้กัน ท่านงมงายเกินไปหรือไม่ พูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดี ตัวท่านคิดกับข้าในแง่ลบเกินไป ถ้าพูดถึงความงมงาย คงมีเรื่องหนึ่งที่พูดได้ ตัวข้าถูกทำร้าย ยามฝันได้ระลึกชาติถึงความร้ายกาจของตัวเอง มองเห็นว่าในอนาคตจะตายตกอย่างอนาถเช่นไร ทำให้ข้ารู้ซึ้งแล้วว่าตัวเรามีชีวิตเดียวก็ควรหมั่นรักษา เลิกร้ายกาจ เลิกทำตัวไร้สมองไปวันๆ ผันตัวเป็นคนปกติเช่นคนอื่นเขา นั่นคือความตั้งใจของข้า” นางพูดยาวเหยียดแต่กลับไม่กล้าสบตาที่จ้องจับผิดของเขา “แล้วทำไมต้องหลบสายตา” ก็เพราะนางโกหกไม่เก่งไงเล่า! เฉินเฟยหยางหรี่ตาลง ท่าทางของนางมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด เรื่องที่มีวิญญาณมาเข้าสิงหน่ะเขาไม่เชื่ออย่างแน่นอน เขาไม่ใช่พวกงมงาย แล้วเรื่องระลึกความผิดนั้นยิ่งไม่อยากจะเชื่อ แต่การที่นางยอมเปลี่ยนตัวเองไปมากถึงเพียงนี้ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน นางอาจมีแผนการใหญ่บางอย่างในใจก็เป็นได้ ส่วนนางคิดว่า ถึงบอกไปว่านางตายแล้วทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ใครจะเชื่อ จ้าวเสวี่ยซินไม่อยากทำตัววุ่นวายให้มากความจึงรีบหันกลับมาจะจ้องตาเขาเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง ความบริสุทธิ์ใจที่คิดว่าไม่น่าใจทัน.. “ไม่ได้หลบสายตาเสียหน่อย อุ้บ!” “!” “!!” ทุกคนยกมือขึ้นปิดปากกับภาพตรงหน้า การหันกลับมากะทันหันของนางทำให้ส่วนที่ไม่ควรจะแตะกันได้สัมผัสกันเหมือนกับในละคร! ริมฝีปากอวบอิ่มแนบชิดลงบนความนุ่มหยุนของอีกฝ่าย ทั้งสองเบิกตากว้างพร้อม ๆ กัน นางรู้สึกราวกับผ่านไปนานนับนาทีมันนานเสียจนสามารถมองใบหน้าคมคายตรงหน้าได้อย่างละเอียด และรู้ซึ้งอีกรอบว่าคนตรงหน้านี้หล่อเพียงใด ตึกตัก ตึกตัก หัวใจของนางกำลังเต้นรัวและแรงเหมือนจะหลุดออกจากอก นี่มันอันตรายมาก! “แฮ่ก..ก” นางรีบถอนริมฝีปากออก เสียงหายใจหอบเหมือนกับว่านางเพิ่งออกกำลังกายมา ความร้อนเริ่มเห่อขึ้นจากลำคอจนถึงใบหน้าหูขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ “....” “ขะ.. ขะ.. ขะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” “....” เขายังคงเงียบอยู่ “ทะ..ท่านแม่ทัพ.. ว้าย!” “เจ้าหลอกกินเต้าหู้ข้า..” เขาพูดพร้อมกับปล่อยตัวของนางลงแทบจะทันที จ้าวเสวี่ยซินเกือบเซล้มลง ดีที่เอาเท้ายันไว้ได้ทัน “มะ มะ ไม่จริง” นางกล่าวอย่างเสียขวัญ แม้จะแอบใจเต้นตึกตักไปบ้างบางทีก็ตาม โอ้ม้ายยยย! “หรือว่านี่คือแผนการของเจ้า หลอกให้ข้าตายใจแล้วกินเต้าหู้ข้าหรือ” น้ำเสียงของเขาเริ่มทุ้มต่ำน่าหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ แต่ใบหน้าคมคายนั้นยังคงเรียบเฉยออกจะติดยิ้มมุมปากเสียด้วยซ้ำ “กรี๊ด ไม่ใช่!” “เจ้านี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ” เฉินเฟยหยางเค้นเสียงขบขันประชดประชันพลางหันไปพูดกับไห่เทาที่ยืนหน้าตาเหลอหลาแทน “ไห่เทา นางไม่ใช่สตรีของข้าอย่างที่เจ้าเข้าใจ นางเปลี่ยนไปบ้างก็จริงแต่เรื่องเจ้าเล่ห์มากแผนการยังเหมือนเดิม อีกไม่ช้าเราจะต้องกลับเมืองหลวง และจัดตั้งการไต่สวนคดีจ้างวานพ่อค้าคนเถื่อนเพื่อลักพาตัว นางคงเป็นพยานในครั้งนี้จงจับตานางเอาไว้ให้ดี และข้าจะจับตาดูเจ้าไว้เช่นกัน” "ขะ..ขอรับ รับทราบขอรับ" “!!” เขาเน้นคำว่าพยานแต่สายตากลับไม่ได้เชื่อสักนิดว่านางเป็นพยานจริง คงปักเชื่อแล้วว่านางเป็นผู้ว่าจ้างมากกว่า อีกอย่างจ้าวเสวี่ยซินนั้นมึนงงเป็นอย่างมาก แค่ริมฝีปากแตะกัน เข้าใจผิดเล็กน้อยเหตุใดพ่อพระเอกถึงได้ตีความเป็นตุเป็นตะว่านางกำลังล่อลวงเขาไปได้กัน!! หญิงสาวมองแผ่นหลังกว้างที่เดินท่าทางกระฟัดกระเฟียดออกไปด้วยความแค้นใจ! นางยกมือขึ้นกลางอากาศอยากจะทุบใบหน้าหล่อๆ นั่นให้สักที! เห้อ..หรือทางที่ดีนางควรญาติดีกับเขาเอาไว้ ขณะที่ตัวของเฉินเฟยหยางกำลังหัวเสีย เขาไม่คาดคิดว่าตัวของเขาจะตกใจกับการกระทำของนางถึงเพียงนั้น แค่อยู่ในสนามรบเพียงห้าปีแม้จะมีบรรณาการจากลี่อ๋องอยู่บ้างประปรายแต่ก็ไม่ถึงกับขาดเหลือ “คำนับแม่ทัพเฉิน” ในระหว่างจมกับความคิด เสียงหวานใสได้ดังขึ้นเบื้องหน้า เฉินเฟยหยางเลื่อนสายตามองก็พบว่าเป็นแม่นางหลานอี้หนาน สตรีในจดหมายที่ผู้เป็นพ่อของนางร้องขอให้ช่วยอย่างร้อนใจ “แม่นางหลานเจ้าฟื้นแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง ท่านหมอกำลังมา ให้เขาตรวจดูอาการเจ้าเสียหน่อยแล้วกัน” “ข้าไม่บาดเจ็บตรงไหนได้ความจากบ่าวที่ดูแลข้าบอกว่าท่านรีบร้อนออกไปตามหาข้าหลังจากได้รับสารจากท่านพ่อ อีกทั้งยังใส่ใจข้าพากลับมายังจวน หนานเอ๋อร์เป็นหนี้ท่านแล้ว หากไม่ได้ท่านช่วยตัวของข้าคง..” มือเรียวยกขึ้นปิดใบหน้าซ่อนความเสียใจ กิริยาของนางช่างอ่อนช้อยเป็นธรรมชาติและหน้ามอง อีกทั้งยังเป็นสตรีที่สวยและหาตัวจับยาก แต่เขาไม่ได้สนใจมันมากอย่างที่ควรจะเป็นนัก.. “เป็นหน้าที่ของข้า” “..เจ้าค่ะ ถึงอย่างไรก็ขอบคุณท่านแม่ทัพ หลานเอ๋อร์ไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนน้ำใจครั้งนี้ได้เลย” "ไม่เป็นไร" คนตรงหน้ายกยิ้มอ่อนโยนอย่างเป็นมารยาทอยู่ในที และบทสนทนาก็จบลงเท่านั้น ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ต่อจนเกิดเป็นความเงียบระหว่างเขาและนาง หลานอี้หนานได้แต่แปลกใจ แม่ทัพเฉินที่ส่งของบรรณาการมาให้นางในทุกปีช่างดูห่างเหินไม่เหมือนกับคนที่สามารถเลือกปิ่นหยกลวดลายงดงามถูกใจเหล่านั้นมาให้นางเลยแม้แต่น้อย “อะ..เอ่อ แล้วแม่นางเสวี่ยซินเล่าเจ้าคะ นางปลอดภัยใช่หรือไม่” “นางปลอดภัยดี” “เจ้าค่ะ..” สายตาเฉินเฟยหยางมองหันกลับหลังมองไปยังจ้าวเสวี่ยซินที่ตอนนี้กำลังทะเลาะกับอากาศอยู่ หลานอี้หนานมองตามสายตาของท่านแม่ทัพและพบเห็นสิ่งแปลกประหลาดเช่นเดียวกัน แต่ในวินาทีถัดมาคนที่ทะเลาะกับอากาศได้หันกลับมองมาที่นาง สีหน้าของจ้าวเสวี่ยซินมีความตกใจและรีบตรงปรี่เข้ามาทันที หลานอี้หนานเผลอถอยหลังหนึ่งก้าว เมื่อเห็นว่าจ้าวเสวี่ยซินกำลังเดินตรงมาทางนี้เร่งรีบ นางอาจจะโกรธที่แม่ทัพเฉินยืนอยู่ข้างนางก็เป็นได้.. “ทะ..ท่านแม่ทัพ” ใบหน้าหวานซีดเซียวยามขยับเข้าหาเฉินเฟยหยางราวกับต้องการที่กำบัง ส่วนเฉินเฟยหยางไม่ได้ขยับเขยื้อนสายตามองไปยังสตรีที่กำลังวิ่งเข้าเท่านั้น คิดอยู่เช่นเดียวกันว่านางจะทำสิ่งใด จ้าวเสวี่ยซินเดินมาหยุดตรงหน้าพวกเขาทั้งสอง มองทั้งคู่สลับกันและหยุดสายตาลงที่หลานอี้หนาน นางเอกของเรื่องทาสรักราชัน “หลานอี้หนานเจ้าฟื้นแล้วงั้นหรือ ช่างดียิ่งนัก!!” “..จะ..เจ้าคะ” หลานอี้หนานชะงัก มือของนางถูกรวบไว้ด้วยมือบางของจ้าวเสวี่ยซิน ขณะที่คิ้วเรียวเริ่มขมวดเข้าหันกันด้วยความงุนงงและตกใจ เพราะที่ผ่านมานางไม่เคยแม้แต่จะแตะต้องตัวของนางเลย มีแต่แสดงท่าทางรังเกียจมาตลอด ส่วนจ้าวเสวี่ยซินนั้นมองเห็นสายตาตกหลุมรักของแม่นางเอกมาแต่ไกล และนางมั่นใจเลยว่าแม่นางเอกต้องปลื้มในตัวของเฉินเฟยหยางตั้งแต่แรกเห็นเป็นแน่ นางต้องรีบทำให้พวกเขาแต่งงานกันโดยเร็วที่สุด! ยิ่งเร็วเท่าไหร่ เฉียนยี่ของนางจะยิ่งพ้นจากความวายป่วงไวขึ้นเท่านั้น ส่วนเรื่องอันตรายจากการรังแกของนางนั้นตัดไปได้เลยเพราะนางไม่มีทางทำ แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับคู่พระนางจะพาลทำให้เฉียนยี่ยิ่งถลำลึกเอาตัวเข้าแลก นางคงยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ และอีกตัวละครหนึ่ง ตัวร้ายในนิยายผู้นั้นนางคงต้องขัดขวางไม่ให้เขาหลอกใช้ความใจดีของเฉียนยี่ทำร้ายครอบครัวและตัวของนางเอก นอกเหนือจากนั้นก็ให้มันเป็นหน้าที่ตามบทของพระเอกในการกำราบคนขี้ยุแยงคนนั้นแล้วกัน! เพราะอย่างนั้นรีบๆรักกันให้หวานมดขึ้นไปเลย หึหึ! “เจ้ายิ้มอะไร ดูชั่วร้ายซะไม่มี” “ปะ เปล่าเจ้าค่ะ ข้าแค่ดีใจที่นางปลอดภัย” ทั้งคู่กำลังแสดงออกว่าไม่เชื่อในคำพูดนางอย่างชัดเจนผ่านสายตา จ้าวเสวี่ยซินลอบถอนหายใจให้กับท่าทางพวกเขา การทำตัวไม่ให้มีพิษมีภัยและน่าเชื่อใจมากขึ้น เป็นอีกสองอย่างที่นางได้เพิ่มขึ้นมาในลิสต์เมื่อสักครู่นี้เลย “แม่นางเสวี่ย เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่” หลานอี้หนานเอ่ยอย่างเป็นห่วง จ้าวเสวี่ยซินทำตาปริบๆปลื้มปีติอย่างยิ่ง สมกับเป็นนางเอกแสนใสซื่อและบริสุทธิ์เสียเหลือเกิน ไม่แปลกใจเลยที่ใครได้อยู่ใกล้นางแล้วจะตกหลุมรัก “ไม่เลย ข้าแข็งแรงมาก นอนพักสักหน่อยคงหาย” “อะ..อื้ม ดีแล้วล่ะ” “เจ้าบอกข้าว่า เจ้าเจ็บมา..” “ข้าไม่รบกวนเวลาสวีท เอ้ย เวลาพูดคุยของพวกท่านทั้งคู่ดีกว่า ถามไถ่กันเยอะๆนะเจ้าคะ ข้าคงต้องไปรอให้ท่านหมอมาทำแผลก่อน” นางกล่าวตัดประโยคเฉินเฟยหยางไปอย่างเลือดเย็น จ้าวเสวี่ยซินไม่อยากเป็นก้างขวางคอในฉากนี้ ตัว ก ข ค ง เช่นนางต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด ทักทายเท่านี้ แสดงออกเช่นนี้ ให้รู้ว่านางไม่ได้คิดร้ายและเต็มใจเปิดทางให้คนทั้งสองได้ทำความรู้จักกัน ไม่เหมือนดั่งนางคนเก่า ทั้งทำร้ายและจิกกัดคนที่เข้าใกล้เฉินเฟยหยางไปเสียหมด “...” “...” “อย่างนั้น ข้าคงต้องขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” จ้าวเสวี่ยซินกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มๆอย่างอารมณ์ดี พลางขยิบตาให้กับพวกเขาทีหนึ่งได้น่ารักน่าชัง สุดท้ายนางได้กล่าวกระซิบเบาๆทิ้งท้ายก่อนไปว่า “สู้ๆ!” และเดินออกไปทิ้งความเงียบ ความงุนงง ความไม่เข้าใจไว้ระหว่างคนทั้งสองคน คนหนึ่งคิดว่านางประชดประชันอยู่หรือแล้วไฉนเลยตอนแรกร้องเจ็บปวดแผลเสียมากมายแต่กลับอารมณ์ดีเสียอย่างนั้น ส่วนอีกคนหนึ่งกลับแปลกใจที่ตัวของนางไม่ได้ลงมือทำร้ายหรือพูดจาเหน็บแนมอย่างเช่นทุกที …ดวงตาคู่หนึ่งมองตามแผ่นหลังบางที่วิ่งออกไป และมันเป็นแววตาที่ยากจะคาดเดาเสียเหลือเกิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD