ตอนที่ 8

1491 Words
8 ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบไล้ปลายคาง เขาค่อนข้างพึงพอใจที่เห็นหญิงสาวเริ่มจะมีปฏิกิริยาต่อสู้ เพราะสำหรับเขาแค่หวานอย่างเดียวมันก็น่าเบื่อ แต่หากต่อสู้เอาตัวรอดบ้าง ถึงจะมีเสน่ห์ชวนค้นหาและลิ้มลอง ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่ขับรถนามชาติรัฐเปิดประตูรถเข้ามานั่งประจำตำแหน่งของตัวเอง เขาหันไปมองผู้เป็นนายสายตาเป็นคำถาม “ไม่มีอะไรหรอกชาติ ออกรถเถอะ” สิ้นเสียงนายหนุ่ม รถคันใหญ่ก็รีบขับมุ่งหน้าออกต่างจังหวัดทันที บุษย์น้ำพราวจิกเล็บลงบนฝ่ามือ อย่าคิดนะว่าเธอจะยอมงอมืองอเท้าให้นายคนนี้รังแกเอาง่ายๆ ในเมื่อหนีไม่ได้แล้วก็มีอย่าเดียวคือสู้ให้ถึงที่สุด! สีหราชช้อนร่างที่นอนซบบ่าเขาตั้งแต่ที่รถเริ่มเข้ามาในตัวจังหวัดจนตอนนี้รถจอดสนิทที่หน้าฟาร์มแสนสุขแล้ว แต่หญิงสาวก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มก้มลงมองคนในอ้อมแขนแล้วอมยิ้มตาพราว เขาเดินลิ่วๆ ขึ้นไปบนเรือนไม้หลังใหญ่ “สิงห์กลับมาแล้วหรือลูก” ชายหนุ่มหยุดชะงักกับเสียงเรียกขานแผ่วเบาและนุ่มนวล ชายหนุ่มรีบหันไปมองหาที่มาของเสียง และพบร่างมารดากำลังนั่งเอนอยู่บนเก้าอี้นอน หันหน้ามามองเขาแววตารักใคร่และอ่อนโยน ก่อนที่ใบหน้านั้นจะเปลี่ยนไปเมื่อเห็นว่าในอ้อมแขนเขามีบางสิ่งบางอย่างอยู่ด้วย “นั่นลูกพาใครมาด้วยน่ะสิงห์” หญิงวัยกลางคนร่างเล็กบอบบางถามบุตรชายอย่างปราณี เสียงอุทานอย่างตกใจของใครบางคนดังมาถึงหูบุษย์น้ำพราวทำให้เธอรู้สึกตัวตื่น หญิงสาวหรี่ตาขึ้นเพื่อปรับสภาพให้ชินกับแสงไฟที่สะท้อนเข้ามาในดวงตา ก่อนที่เธอจะส่งเสียงกรีดร้องและสองมือทุบตีอกกว้างอย่างแรงและเร็ว “ไอ้คนบ้า คนสารเลวปล่อยฉันนะ ปล่อย....” สีหราชรีบวางร่างบอบบางลงและจับสองมือเรียวไพล่หลัง อีกมือก็ยกขึ้นปิดปากป้องกันเสียงร้องของหญิงสาว เพื่อไม่ให้ไปสร้างความรำคาญให้กับมารดา “ลูกพาใครมาด้วยน่ะสิงห์” “แม่รู้จักไว้ซิครับ บุษย์น้ำพราวว่าที่หลานสะใภ้คุณหญิงอมราไงครับ” สีหราชบอกมารดาเสียงแข็งกร้าว ฟันกรามขบเม้มเข้าหากันจนแก้มนูนเด่นขึ้นมา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ความรู้สึกโกรธและเกลียดหญิงชราคนนั้นไม่เคยห่างหายไปจากใจเขาเลย ภาพวันที่คุณหญิงอมราขับไล่ไสส่งแม่ที่กำลังป่วยกับเด็กน้อยวัยเพียงแปดขวบ อีกทั้งยังประกาศต่อหน้าคนทั้งบ้านว่า เขา! ไม่ใช่ลูกของพ่อ แต่เป็นลูกของใครก็ไม่รู้ที่ติดท้องแม่ ตอนที่แม่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเท่านั้น น้ำเสียงเย็นราวกับน้ำแข็งแต่ยังเย็นไม่เท่ากับถูกคนที่เคยรักทำร้าย ไม้ที่กระหน่ำซ้ำตีลงมาบนตัวเขาและแม่ทำให้เจ็บปวดไปทั้งตัวจริง แต่ก็ไม่เท่ากับหัวใจที่มันเจ็บปวดกับการกระทำของคนเป็นย่า ส่วนบิดาก็เหลือเกิน มองดูเขาด้วยความเฉยชาและเฉยเมย จะมีเพียงแค่เด็กน้อยวัยหกขวบคนหนึ่งที่พยายามไขว่คว้าเรียกร้องหาเขาและแม่ แต่แล้วพอย่าบอกว่า แม่เขาเป็นคนทำให้แม่ของเด็กคนนั้นถึงแก่ความตาย ทั้งที่มันไม่เป็นความจริงแม้แต่นิดเดียว สีหราชยิ้มหยัน แม้มันจะไม่มีบาดแผลใด หากหุ่นยนต์ที่เขามอบที่เด็กคนนั้นขว้างใส่หน้าเขามา “เอากลับไปเลยเสือไม่เอาของคนใจร้าย อือๆ ” ดวงตาเด็กคนนั้นเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ น้ำตาไหลอาบสองแก้ม “แม่พี่สิงห์ฆ่าแม่เสือ แม่วาใจร้าย” ไม้กวาดอันเล็กกับเรี่ยวแรงตีอันน้อยนิดน้อยนิดก็กระหน่ำลงมาบนร่างกายของเขาและแม่ แต่ไม่เท่ากับความรู้สึกที่เขาและแม่สูญเสียไป ทั้งที่ตอนนั้นเขาและแม่บอกปฏิเสธเสียงหลง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเด็กน้อยตีเขาพร้อมน้ำตาจนหมดแรง แล้วพ่อก็เข้ามาอุ้มร่างเล็กป้อมเดินกลับเข้าไปในบ้าน สิ่งที่เห็น ตอกย้ำให้เขายิ่งเจ็บ หากเจ็บแค่กาย...ไม่สู้เจ็บที่ใจ เสมือนมีตราประทับให้เขาจำได้ไม่เคยลืม พ่อไม่แม้จะหันกลับมามองหน้าเขาแม้สักนิด ถึงเขาจะร้องเรียกตะโกนเรียกจนสุดเสียงแต่พ่อก็ไม่หันกลับมามอง วันนั้นเขาพาแม่เดินออกจากบ้านหลังใหญ่ด้วยความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ แม่พาเขามาหาผู้ชายคนหนึ่งที่พ่อและย่าบอกว่าเป็นชู้ของแม่ “สิงห์นี่ลุงนพนะลูก ลุงเป็นญาติของแม่เอง ไหว้ลุงซิลูก” “ไม่! สิงห์ไม่ไหว้ แม่โกหก มันเป็นชู้กับแม่ตามที่ย่ากับพ่อบอก” “ไม่ใช่หรอกสิงห์ลุงเป็นลุงแท้ๆ ของหนู ลุงเป็นพี่ชายแท้ๆ ของแม่หนู แต่ที่ลุงเปิดเผยตัวไม่ได้เพราะลุงมีความจำเป็น” “ไม่เชื่อ ผมไม่เชื่อแม่กับลุงโกหก” “ไม่ครับสิงห์ ลุงไม่โกหก เมื่อสิงโตพอจะระงับโทสะเพื่อฟังเรื่องที่เกิดขึ้นได้แล้ว ลุงจะเล่าความจริงให้ฟัง” ในวันนั้นเขาไม่ยอมฟังเสียงใครเลย ดิ้นรนจะไปหาพ่อกับย่าและน้อง จนลุงนพ...นพพรจำต้องเล่าความจริงให้ฟัง เขาเป็นผีพนันและติดหนี้สินกับเจ้าบ่อนจนถูกตามล่าและหนีตายมาขอพึ่งใบบุญน้องสาว แต่ก็ไม่คิดว่าการลักลอบพบกันลับๆ จะเป็นผลให้วาสิตาต้องได้รับความเดือดร้อนและถูกไล่ออกจากบ้านเหมือนหมูเหมือนหมาแบบนี้ “ตอนนี้ลุงเคลียร์หนี้สินทุกอย่างจนหมดเรียบร้อยแล้ว ลุงเลยคิดว่าจะมาบอกกับแม่ของสิงห์ แต่ลุงก็ไม่คิดว่าจะมาพบกับเรื่องแบบนี้ ลุง...ลุงขอโทษนะสิงห์ เป็นเพราะลุงคนเดียว” “ไม่ใช่หรอกค่ะพี่นพ เรื่องของวากับพี่นะเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นเอง คุณหญิงอมราท่านต้องการไล่วากับลูกออกจากบ้านมานานแล้ว ถึงไม่มีเรื่องนี้ก็ต้องมีเรื่องอื่นอีก” “ก็ดี งั้นพี่จะพาวาและสิงห์ไปอยู่กับพี่ที่ฟาร์ม” หลังจากนั้นลุงนพพรก็พาเขามาอยู่ฟาร์มแสนสุข ที่เมื่อก่อนเป็นเพียงแค่ฟาร์มเลี้ยงหมูเลี้ยงไก่เล็กๆ แต่ตอนนี้กลับเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์แบบครบวงจรและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ผลผลิตจากฟาร์มเขากลายเป็นที่รู้กันอย่างแพร่หลาย แล้วตอนนี้เขาก็ริเริ่มเลี้ยงโคนมโดยเริ่มจากจุดเล็กๆ เพราะเขายังไม่มีประสบการณ์ “สิงห์” วาสิตาร้องเรียกลูกชายเสียงแหบพร่า ไม่คิดว่าคำที่เธอพร่ำสอนจะไม่เข้าไปในสมองและจิตใจของลูกชายเลยสันนิด สีหราชยังคงปล่อยให้ความแค้นที่มีมาตั้งแต่เด็กนำพาให้คนอื่นต้องเดือดเนื้อร้อนใจ และคนที่จะเดือดร้อนที่สุดก็หาใช่ใคร แต่เป็นตัวลูกชายเองนั่นแหละ ความแค้นไม่เคยทำให้ใครมีความสุขเพราะมันมีแต่จะร้อนรุ่มและคอยแผดเผาใจและกายให้ร้อนรุ่มราวกับอยู่ในเปลวเพลิง บุษย์น้ำพราวพยายามแกเล็กออกจากการเกาะกุม แต่เมื่อทำไม่ได้เธอก็ใช้ฟันคมๆ กดลงบนแขนไอ้ผู้ชายบ้าเต็มๆ แรง สีหราชหันมองพร้อมใช้มืออีกข้างบีบปลายคางหญิงสาวอย่างแรง “มากไปมั้งน้ำพราว นี่ถึงขั้นกัดฉันเลยหรือไง” “อื้อ...อ่อยอั้นอ่ะ...” (ปล่อยฉันนะ) “หยุดนะสิงห์ ปล่อยหนูคนนั้นเสียด้วย” วาสิตาสั่งเสียงเฉียบขาด สีหราชยิ้มหวานแต่ดวงตาคมดุเป็นประกายสีแดง “ไม่ได้หรอกครับแม่” แขนใหญ่คว้าเอวเล็กรัดร่างอรชรแนบติดกาย โดยไม่สนใจว่าหญิงสาวจะพยายามต่อต้านและต่อสู้เพียงไหน “ผู้หญิงคนนี้จะมาเป็นนางบำเรอของผม จนกว่าผมจะเบื่อ แล้วก็จะโยนเศษซากกลับไปให้ไอ้เสือกับคุณหญิงอมรา” น้ำเสียงแข็งกร้าวและดุร้ายที่กระซิบข้างๆ ใบหูทำเอาบุษย์น้ำพราวถึงกับกลัวจนตัวสั่นอีกระลอก หัวใจดวงน้อยหล่นกองไปอยู่ปลายเท้า ในดวงตาอ่อนแสงอ้อนวอนหญิงร่างเล็กให้ช่วยเหลือ “แต่หนูคนนี้เขาไม่รับรู้ความแค้นที่ลูกมีต่อเสือกับคุณหญิงนะลูก หนูทำอย่างนี้ จะทำให้แม่หนูคนนี้เดือดร้อนด้วย” วาสิตาพยายามเกลี้ยกล่อมลูกชายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD