ตอนที่ 9

1455 Words
9 “ผมว่าไม่นะฮะ ถูกผมพาตัวมาแบบนี้ ดูท่าจะดีใจมากกว่าต้องแต่งงานกับไอ้เสือเสียอีก” “ไม่มีใครเขาดีใจที่ถูกบังคับเอาตัวมาหรอกนะสิงห์” วาสิตาส่ายศีรษะอย่างระอิดระอาใจ เธอลุกขึ้นยืนและเดินมาหาลูกชาย พร้อมกับปลดมือแข็งแกร่งที่รัดรึงร่างกายเล็กบางออกทั้งสองข้าง ก่อนจะดึงหญิงสาวเดินกลับมานั่งข้างๆ เธอ “แม่ไม่เห็นด้วยนะ ถ้าสิงห์จะเอาความแค้นที่มีมาระบายกับคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว” วาสิตาลูบไล้ใบหน้าและแขนเรียวยาวอย่างเห็นใจระคนสงสาร เห็นแขนขาวๆ มีรอยเขียวช้ำเพราะฝีมือลูกชายแล้วต้องถอนใจ หนักอกหนักใจกับความแค้นของสีหราชเหลือเกิน สงสารหญิงสาวที่นั่งตัวสั่นน้ำตานองหน้านี่อีกด้วย ไม่รู้ว่าจะทนมือทนเท้าลูกชายเธอไปได้นานเท่าไหร่ ถึงเธอจะขัดขวางเพียงไหน แต่ถ้าลูกชายไม่เชื่อฟัง พูดไปก็เหมือนกับเข้าหูซ้ายทะลุหูขวานั่นแหละ บุษย์น้ำพราวรีบหลบด้านหลังหญิงวัยกลางคน แต่สายตากลับมองไปที่ชายร่างใหญ่ที่นั่งมองเธอราวกับเหยื่ออันโอชะ สายตาโลมเลียกวาดไปทั่วร่าง รอยยิ้มมีเลศนัยที่ฉายออกมาทางดวงตายิ่งทำให้เธอต้องรีบซุกตัวไปด้านหลังร่างบอบบางมากยิ่งขึ้น หญิงสาวยื่นมือเย็นเฉียบไปจับมือหญิงร่างเล็กเพื่อขอความอบอุ่นและปกป้องคุ้มครอง น้ำตาบุษย์น้ำพราวไหลอาบสองแก้มอย่างสะกดกลั้นไว้ไม่อยู่ “คุณป้าช่วยพราวด้วยค่ะ นายนี่...” บุษย์น้ำพราวชี้มือสั่นๆ ไปหาสีหราช “นายนี่...จับตัวหนูมา หนูไม่รู้เรื่องอะไรด้วยสักหน่อย” สีหราชหัวเราะดังลั่น “เธอคิดว่าแม่ฉันจะช่วยอะไรได้หรือบุษย์น้ำพราว แต่ก็เอาเถอะ นี่ฉันสงสารนะ เห็นว่าเธอคงจะเหนื่อยกับการเดินทาง ก็จะให้พักผ่อนนอนสบายๆ สักคืน ก่อนจะต้องมาทำหน้าที่มอบความสุขให้กับฉัน” พูดจบชายหนุ่มก็ก้าวมาหาวาสิตา เขาโอบรอบลำตัวเล็กบาง ดวงตาเป็นวาวระยับมองไปที่บุษย์น้ำพราว “แม่ครับ” สีหราชจับมือมารดามาวางบนศีรษะ ใบหน้าคมดุเงยมองพร้อมกับยิ้มหวานให้อย่างประจบประแจง “แม่อย่าโกรธผมนะครับ” “จะไม่ให้แม่โกรธได้ยังไงกันฮึ! ทำอะไรไม่เคยคิดหน้าคิดหลังให้ดี รู้ไหมว่าถ้าถูกจับได้ขึ้นมา แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ปากก็บ่นไป หากมือวาสิตาก็ลูบผมบนศีรษะบุตรชายอย่างรักใคร่ระคนเอ็นดู ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่ตอนนี้กระเถิบหนีไปไกลเพราะความตกใจกลัวอย่างสงสารระคนเห็นใจ รู้ว่าถ้าหากลูกชายตั้งใจทำสิ่งใดแล้ว ต่อให้มีช้างสักสิบเชือกมาดึงไว้ ก็ยังขัดขวางไม่ได้ “หยุดตอนนี้ยังทันนะสิงห์...พาแม่หนูคนนี้กลับไปส่งบ้าน ขอโทษ ขอให้แม่หนูคนนี้ไม่เอาเรื่องเอาราว” “ผมฝากแม่ดูแลน้ำพราวด้วยนะครับ ผมจะให้เขาดูแลแม่ตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืน...ถือว่าผมขอ” หากสีหราชบอกกลับบอกมารดาไปอีกทาง สีหราชอมยิ้ม ใช่ว่าเขาจะใจร้ายหรอกนะ แต่เผอิญเขาดันไปชอบสาวน้อยคนนี้เอาซะแล้วนะซิ ก็หวานขนาดนั้น เขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนเสียหน่อย ที่จะทำเป็นไม่สนใจน่ะ บุษย์น้ำพราวมองดูสองคนแม่ลูกคุยกันโดยไม่สนใจ เธอก็รีบถอยอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้ทั้งคู่ได้ระวังตัว แต่ราวกับว่าสีหราชเองก็มองอยู่เหมือนกัน พอเห็นว่าเธอห่างจากตัวเขาไปสักช่วงใหญ่ๆ มือแข็งราวกับคีมเหล็กก็คว้าหมับเข้าที่ขาเรียวและดึงเข้าหาตัว “กรี๊ด!!” “จะไปไหนล่ะน้ำพราว หรือเปลี่ยนใจอยากเป็นนางบำเรอฉันเร็วๆ ” สีหราชแกล้งถามน้ำเสียงรื่นเริง “เอาน่าทนอีกคืนเดียวเอง พรุ่งนี้เธอก็ได้เขาหอกับฉันแล้วล่ะ” สีหราชกอดมารดาที่ทำตาเขียวใส่ด้วยรู้ว่าเขากำลังสนุกกับการกลั่นแกล้งบุษย์น้ำพราว “ครับๆ ผมไม่แกล้งน้องเขาแล้วก็ได้ ยังไม่ได้เป็นสะใภ้เลย แม่ก็หลงลูกสาวซะแล้ว สงสัยพอมีหลานสักคน แม่คงลืมลูกอย่างผมไปเลย” “มันก็ไม่แน่...ลูกชายดื้อ พูดไม่ยอมฟัง ไม่รู้จะรักทำไม” วาสิตาปลดแขนลูกชายที่ทำหน้ามุ่ย หันไปหา...สาวน้อยนามบุษย์น้ำพราวพร้อมรอยยิ้มแฝงไว้ด้วยความเอ็นดูระคนปราณี “ไปหนูน้ำพราว ไปกับแม่ อย่าไปสนใจเจ้าตัวดีนี่เลย คืนนี้หนูนอนกับแม่นะลูก แล้วไม่ต้องกลัว แม่จะไม่ยอมให้เจ้าสิงห์ทำอันตรายกับหนูเด็ดขาดจ้ะ” “แต่แม่ก็เฝ้าน้ำพราวไม่ได้ตลอดเวลานะครับ ไงก็มีเวลาให้ผมชวนเขาไปเล่นจ้ำจี้จนได้แหละ” สีหราชโต้มารดากลับ ขณะมองบุษย์น้ำพราวที่เดินตามไปเงียบๆ แต่ก็ไม่วายหันมามองเขาอยู่เป็นระยะจนเขาอดที่จะยิ้มไม่ได้ บุษย์น้ำพราวที่เหลียวมองมาอีกรอบ มองด้วยความตะลึง หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะอย่างไม่รู้ตัว รอยยิ้มที่ทำให้ใบหน้าคมดุแปลเปลี่ยนเป็นสดใสและน่ารักขึ้นมาทันตาเห็น รอยยิ้มที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ดูมีความสุขไปด้วย     พยัคฆ์เอียงตัวมองร่างบอบบางที่ซุกตัวเข้าหาเพื่อขอไออุ่น รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าคมคร้าม ไม่เคยคาดคิดว่าหญิงสาวคนนี้จะสร้างความสุขให้มากมายเสียจนเขาแทบจะสำลัก นิ้วยาวลากไล้ไปบนใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากอวบอิ่มเอ่อบวม แม้กระทั่งลำคอนุ่มไปจนถึงปทุมงามเต่งตึงก็มีร่องรอยแดงเป็นจ้ำๆ เพราะฝีมือเขานั่นแหละ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยความระมัดระวัง เพราะกลัวว่าคนที่นอนหลับอยู่ในอ้อมแขนจะตื่นขึ้นมาแล้วอาละวาดใส่ ไม่ได้กลัว แต่ว่าตอนนี้เขาจะต้องติดต่อกลับไปหาคนทางบ้านก่อน ป่านนี้คุณย่าคงจะเฝ้ารอเขากลับไปเป็นเจ้าบ่าวให้บุษย์น้ำพราวจะแย่แล้ว พยัคฆ์ควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงที่วางปะปนกับเสื้อผ้าหลายชิ้นบนพื้นมากดดู ปรากฏว่าโทรศัพท์เขาแบตเตอรี่หมด ชายหนุ่มเดินไปคว้าแบตเตอรี่สำรองมาใส่พร้อมกับเปิดเครื่อง เทคโนโลยีเครื่องจิ๋วเริ่มทำงานและรายงานผลว่าตอนที่เครื่องไม่ทำงานนั้นมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้าง สายจากทางบ้านเขากระหน่ำโทรมาทุกๆ ห้านาทีจนพยัคฆ์เริ่มจะสงสัยว่าคงจะโทรกันจนไม่หลับไม่นอนกันเลย แต่ก็มีอีกสายที่เขาสงสัยว่ามันเป็นสายของใครกันแน่ และรู้เบอร์โทรเขาได้ยังไงกัน แล้วก็โทรมาหาหลายครั้งด้วย พยัคฆ์รีบกดกลับไปทันทีด้วยความอยากรู้     เพียงเห็นเบอร์ที่โทรมา สีหราชก็ยิ้มกว้าง แต่แววตากลับแดงและดุร้าย “สวัสดีเสือ ไม่เจอกันนานสบายดีไหม” พยัคฆ์งงว่าคนที่ทักทายเขาเป็นใครทำไมถึงได้พูดเหมือนกับรู้จักเขามานานแรมปี แล้วไอ้เสียงที่ได้ยินมันก็คุ้นหูประหลาด “สวัสดีครับไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร ได้เบอร์ผมมาได้ยังไงครับ” ด้วยความอยากรู้พยัคฆ์เลยเอ่ยถามกลับไปเสียงนุ่มนวล “อ้าว!!” สีหราชแกล้งทำน้ำเสียงตกใจ “นี่ไม่เจอกันเพียงแค่สองสามปีนายถึงกับจำฉันไม่ได้เชียวหรือเสือ ฉันสิงห์...พี่ชายนายไง” สีหราชตอบกลับยิ้มๆ สายตาก็มองไปที่บุษย์น้ำพราวที่เดินตามมารดาเขาไม่ห่าง กระทั่งวาสิตาเดินเข้าห้องน้ำ ถ้าเป็นไปได้หญิงสาวก็เกือบจะขอเข้าไปด้วย พยัคฆ์รีบเดินออกไปนอกห้องนอนด้วยเพราะกลัวว่าเสียงของเขาจะไปรบกวนคนที่กำลังนิทราอยู่ให้ตื่นขึ้นมา ตอนนี้เขาไม่อยากที่จะรับศึกสองด้านพร้อมๆ กัน “ไอ้สิงห์!!” “โธ่!! น้องรักอย่าเรียกให้มันดังนักซิ เดี๋ยวหูพี่ก็แตกกันพอดี” สีหราชเล่นลิ้นกลับมา “พอดีว่าพี่ได้ข่าวว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของแกไม่ใช่หรือไง แต่โทษทีน่ะ เผอิญว่าพี่คนนี้ไปร่วมงานของแกไม่ได้แล้วว่ะ”  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD