2
พยัคฆ์ยกแขนขึ้นสอดไขว้ระหว่างอก ขณะมองยายตัวแสบที่ยิ้มเยาะเย้ยเขาอยู่ หัวใจเขาสะดุดเล็กน้อยก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืน สองมือเท้าสะเอว ขณะกวาดตาหารมณีย์เลขาวัยกลางคนที่น่าจะกันสองสาวนี้ไว้ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา พยัคฆ์ถึงกับหัวเสียทั้งโกรธและเจ็บปวดกึ่งกลางเรือนกาย
“อะไรกันเนี่ย นายกำลังจะแต่งงานกับพี่สาวฉันในวันพรุ่งนี้แล้ว ยังจำว่าที่เจ้าสาวไม่ได้อีกหรือไงไอ้เสือเจ้าชู้” บุษย์น้ำเพชรตวาดเสียงแปดหลอดใส่ชายหนุ่มที่ยังไม่ยอมติดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อย อวดแผงกล้ามล่ำๆ อย่างคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำให้สาวไร้คู่อย่างเธอใจสั่นเล่น
บุษย์น้ำเพชรสบถ ทั้งเขินจนหัวใจเต้นแรงเร็ว แล้วก็โกรธตัวเองที่ดันเผลอมองแผงอกนั่น อย่างที่ไม่อาจจะละสายตาได้
ใบหน้านวลผ่องร้อนผ่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว บุษย์น้ำเพชรรีบหลบสายตาราวกับยิ้มได้ของพยัคฆ์ที่มองมาอย่างเกรี้ยวกราด แต่มันก็ปะปนไปด้วยความกระหายและเร่าร้อน ราวกับว่าจะกลืนกินเธอเข้าไปจนหมดทั้งตัวอย่างไรอย่างนั้น
“ว่าที่เจ้าสาวของฉันหรือ” พยัคฆ์ตวัดสายตาคมและดุร้าย ไปมองบุษย์น้ำพราวที่ยิ้มแหยๆ หญิงสาวส่ายหน้าดุ๊กดิ๊กไปมาอย่างน่ารำคาญมากกว่าที่จะเห็นเป็นน่ารัก
ไอ้รูปร่างหน้าตาก็สวยดีอยู่หรอก แต่ไม่เข้าสเปกเขาเลยให้ตายซิ แล้วไอ้ท่าทางตื่นกลัวนั่นอีก คิดแล้วอยากจะบ้า นี่ย่าจะเอายายเด็กหน้าอ่อนที่มาเป็นเมียเขาหรือไง แค่เจอกับพวกที่เขาเคยมีอะไรด้วยสักคนสองคน ที่จ้องจะมาอาละวาดในงาน แม่คนนี้ก็คงจะเป็นลมล้มพับทันทีที่ได้ยินเสียงด่า แต่ถ้ายายคนปากกล้าอีกคน...อาจจะพอฟัดพอเหวี่ยงไปได้
“แล้วเธอล่ะเป็นใคร เข้ามาในห้องทำงานฉันทำไม” ชายหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายไปหาสาวสวยอีกคนที่ยืนแยกเขี้ยวอยู่ใกล้ๆ กับว่าที่ภรรยาของเขา ดวงตาคมปลาบมองหญิงสาวราวกับต้องการจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่างกายที่ปลุกเร้าความต้องการของเขาให้ปะทุขึ้น ราวกับไฟที่มันกำลังเผาไหม้อย่างไม่รู้ตัว
“ฉันเป็นใครไม่สำคัญ แต่ฉันมาเตือนนายว่า หลังจากแต่งงานกับบุษย์น้ำพราวแล้ว จะต้องรักเขาคนเดียว ห้ามมีผู้หญิงคนอื่นอีกเข้าใจไหม”
บุษย์น้ำเพชรไม่เรียกบุษย์น้ำพราวว่าพี่สาว เพราะดูว่าคนตรงหน้าเองไม่ได้สนใจอะไร นอกจากผู้หญิงสาวสวยที่นั่งอิงแอบแนบชิด จนแทบจะขึ้นไปกายเก่ยอยู่บนตักกว้าง
ขนาดต่อหน้าต่อตาเธอและพี่สาวนะ ไอ้บ้านี่ยังทำได้ถึงเพียงนี่ แล้วหลับหลังมันไม่พาผู้หญิงเข้าไปกกกันถึงเตียงนอนในห้องหอหรือไง คิดแล้วอยากจะบ้าตาย
‘พ่อนะพ่อหาผู้ชายดี ๆ กว่านี้ให้พี่พราวไม่ได้แล้วหรือไง ถึงต้องเลือกไอ้ผู้ชายเจ้าชู้ที่เห็นผู้หญิงเป็นของใช้สิ้นเปลือง ใช้แล้วก็ทิ้งอย่างไอ้บ้าเสือนี่นะ แม่ง...เห็นแล้วขัดตาขัดใจ จนอยากจะหาอะไรขว้างใส่หัวให้แตกจนเลือดอาบ แล้วก็เอาเท้ากระทืบๆ ให้สะใจจริงๆ ’
“พี่ว่ากลับเถอะเพชร” บุษย์น้ำพราวดึงแขนเรียวของน้องสาวให้ออกจากห้องทำงานพยัคฆ์ เธออับอายและขยะแขยงเหลือเกินกับสิ่งที่ได้เห็นได้รับรู้เหลือเกิน
เธอกับพยัคฆ์กำลังจะแต่งงานกันในวันพรุ่งนี้แล้ว แต่ว่าที่เจ้าบ่าวกลับไม่สนใจว่าที่เจ้าสาว...ยังจะทำอะไรกับหญิงอื่นต่อหน้าต่อตาเธออีก ทำให้เธออับอายขายหน้าและอัปยศอดสูจนแทบไม่อยากจะออกไปเจอหน้าแขกเหรื่อที่จะมาร่วมงานในวันพรุ่งนี้เลย
“ไม่! เพชรไม่กลับ ยังไงก็จะต้องตกลงกับไอ้บ้านี่ให้รู้เรื่อง ไม่งั้นแต่งงานกันไปแล้วพี่จะต้องถูกมันทิ้งให้นอนเฝ้าห้องหอคนเดียวแน่ๆ พี่ทนได้หรือไง”
“ได้จ้ะเพชร พี่ทนได้ เรากลับกันเถอะนะ พี่ขอร้อง” บุษย์น้ำพราวบอกเสียงสั่น ตอนนี้จะให้ทำอะไรก็ได้ ขอแค่ได้ออกไปจากห้องที่แสนจะน่าเกลียดนี่เร็วๆ และเธอก็จะดีใจเป็นที่สุด ถ้าในคืนแต่งงานและคืนต่อๆ ไปจะไม่มีเงาของพยัคฆ์ในห้องที่เธอนอน
บุษย์น้ำเพชรหันมาตวัดค้อนใส่พี่สาววงโต “พี่ทนได้ แต่เพชรทนไม่ได้”
พยัคฆ์มองคนที่กำลังพูด มุมปากสวยได้รูปยกขึ้นเล็กน้อย เขาจับอัญญิกาที่ใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว ทุกชิ้นยกเว้นบราเซียสีขาวที่ตกอยู่ใกล้ๆ กับเท้าบุษย์น้ำพราวนั่งบนตักกว้างใหม่อีกครั้ง พลางดันตัวเสื้อให้ตกลงมาอย่างแผ่วเบา เผยให้เห็นเนินเนื้ออวบอิ่มสีขาวตัดกับปลายยอดสีชมพู และช้อนมันขึ้นมา แต่ดวงตากลับมองไปหาคนที่กำลังอาละวาดอยู่อย่างมีเลศนัย
“อุ้ย!” อัญญิกาอุทานเสียงหลง เมื่อปทุมถันถูกครอบครองและปลายนิ้วปัดผ่านปลายยอดทับทิมแผ่วเบา
“ว้าย! ไอ้บ้าไอ้ลามก” บุษย์น้ำเพชรร้องอุทาน อ้าปากค้างกับความใจกล้าหน้าด้านหน้าหนาของพยัคฆ์ และหญิงสาวอีกคน ที่ไม่ร้องห้ามแต่กลับแอ่นตัวเข้าหา พลางโอบแขนรอบคอใหญ่และร้องอือๆ ไม่ขาดปาก
“น่าเกลียด บัดสีบัดเถลิง”
“ฉันลามกตรงไหน ก็นี่มันที่ของฉัน เธอสองคนเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ฉันไม่ให้ยามจับพวกเธอลากออกไปจากห้องนี้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว” พยัคฆ์สวนกลับในทันที มือยังคงนวดเฟ้นปทุมงาม ราวกับต้องการให้หญิงสาวที่ยืนหน้าแดงรู้ว่าความจริงแล้วคนที่เขาต้องการกระทำสิ่งนี้หาใช่คนที่นั่งอยู่บนตัวเขาไม่ แต่เป็นคนที่กำลังถกเถียงอยู่นั่นแหละ
“ไปเถอะเพชร” บุษย์น้ำพราวร้องเรียกน้องสาว และพยายามดึงมือบุษย์น้ำเพชรให้เดินออกไปจากห้องของพยัคฆ์พร้อมๆ กับเธอ
“ไม่...พี่พราวไปก่อน เพชรขอตบสั่งสอนไอ้ว่าที่พี่เขยบ้าผู้หญิงนี่สักทีก่อน” บุษย์น้ำเพชรยื่นมือไปขอกระเป๋าจากพี่สาว เธอไม่อยากให้มืออันขาวสะอาดของเธอ ได้แตะต้องไอ้ผู้ชายหื่นและใจร้ายอย่างพยัคฆ์ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยเธอก็ทนไม่ได้เหมือนกัน
“รีบตามมานะเพชร” บุษย์น้ำพราวยื่นกระเป๋าให้น้องสาว แล้วก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“ค่ะ เพชรขอทีเดียว ทีเดียวเท่านั้นจริงๆ ” บุษย์น้ำเพชรตอบพี่สาวพร้อมกับเดินลิ่วๆ เข้าไปหาพยัคฆ์ที่นัวเนียอยู่กับอัญญิกา หญิงสาวยกมือขึ้นหมายจะฝาดกระเป๋าใส่ศีรษะทุย แต่แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น เธอก็ถลาลงไปอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม โดยไม่ทันจะรู้ตัวเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“เธอขอตบฉันทีเดียวใช่ไหมสาวน้อย แต่ฉันจะไม่ขอเอาคืนทีเดียวนะ” พยัคฆ์กระซิบข้างใบหู ก่อนจะฉกริมฝีปากมาประทับบนเรียวปากนุ่มอิ่มเต็มสีชมพูระเรื่อ เขาจับแขนเรียวยาวไพล่หลัง และอีกมือก็โบกสะบัดไล่อัญญิกา ที่ตอนนี้หล่นลงไปนั่งบนพื้นโดยไม่ทันรู้ตัวให้ออกไปจากห้อง
ชายหนุ่มดึงร่างหญิงสาวเข้ามาจนแนบชิด กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากสาวน้อยในอ้อมแขนช่างหอมยั่วใจเขาเหลือเกิน แล้วไหนจะความอ่อนเยาว์ไร้เดียงสาที่มีมัน ทำให้เขาร้อนเป็นไฟขึ้นในทันที
ปลายลิ้นสากร้อนแทรกเข้าไปหาความหวานหอม จากน้ำค้างหยดแรกของต้นกล้า มือเคล้าคลึงปทุมถันเต่งตึงแผ่วเบาและนุ่มนวล เมื่อครู่เขาได้ยินว่าสาวน้อยในอ้อมแขนนี่เรียกตัวเองว่าเพชร
ถ้าเช่นนั้นนั้นเธอคนนี้ก็คงจะเป็นบุษย์น้ำเพชร ลูกสาวคนเล็กของคุณภมรและคุณบุหงา เกษมศิริกรณ์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ที่ถูกพิษเศรษฐกิจเล่นงานและการทำงานที่ผิดพลาดจนต้องเกือบจะล้มละลาย จึงคิดหาวิธีฟื้นตัวด้วยการส่งลูกสาวคนโตมาเป็นภรรยาของเขา ทั้งที่ความจริงแล้วทั้งสองคนรักลูกสาวทั้งสอง ดั่งแก้วตาดวงใจไม่น่าคิดสั้นส่งเนื้อเข้าปากเสืออย่างเขาเลย
ตอนแรกเขาคิดว่ามากไป แค่อยากได้หลานสะใภ้ ถึงกับลงทุนขนาดนั้นเชียวหรือ แต่ตอนนี้...ถ้าเป็นเนื้อนุ่มนิ่มอย่างคนตรงหน้า กับเงินแค่ร้อยสองร้อยล้านเขาก็ว่าคุ้มเกินคุ้ม แลกกับการได้ความบันเทิงใจและความสุขทางกายกับหญิงสาวที่บริสุทธิ์ไร้ราคีคาว
“อื้อ...อื้อ...”