อากาศยามบ่ายร้อนจัดเสียจนเสื้อสีน้ำตาลเข้มเปียกโชกทั่วแผ่นหลัง เหงื่อท่วมร่างบางได้สัดส่วน จนกระทั่งรู้สึกได้ว่ามีหยาดเล็ก ๆ ไหลผ่านร่องอกอวบอิ่มอย่างต่อเนื่อง ทว่าคนที่กำลังมีภารกิจสำคัญ กลับมิได้ใส่ใจกับสภาพของตนในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ดวงตากลมโตฉายแววดื้อรั้นไม่ยอมคนกวาดมองโดยรอบ พบหลายชีวิตกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในศาลาข้างแปลงผัก เดาได้ว่าคงถูกสภาพอากาศบังคับให้วางมือจากงานชั่วคราว เพราะเริ่มจะสู้ความร้อนอบอ้าวไม่ไหว
ทว่าความร้อนกลับมิใช่อุปสรรคสำหรับคนแปลกหน้าที่เพิ่งจะเคยเข้ามาในแปลงผักแห่งนี้เป็นครั้งแรก
หลี่ซินเหมย ขยับตัวอย่างเชื่องช้า ไม่ต่างจากเหล่าคนสวนที่กำลังค่อย ๆ กลับเข้ามาลงมือทำงานกลางแดด มือเรียวเล็กแตะแต้มดินจากแปลงผักที่ค่อนข้างจะชุ่มน้ำ ก่อนจะป้ายโคลนสีดำลงบนดวงหน้าหวาน เพื่อมิให้ใครจับได้ว่านางมิใช่หนึ่งในคนสวนของสกุลโจว เสื้อผ้าของบุรุษที่สวมมาเพื่อให้กลมกลืนกับคนงานในสวน เปียกแนบเนื้อจนต้องดึงออกห่างจากอกอิ่ม เพราะเกรงว่าทรวดทรงจะเผยให้คนที่อยู่ใกล้เกิดความสงสัยขึ้นมา
“พวกเจ้านำของทั้งหมดขึ้นเกวียนแล้วหรือยัง”
บุรุษรูปร่างสูงใหญ่อายุไม่เกินห้าสิบปีสอบถามเสียงดัง แม้มิได้ตะโกน ทว่าน้ำเสียงกลับทรงพลังอย่างมาก และนั่นทำให้ผู้ที่ลอบแฝงตัวเข้ามาถึงกับรู้สึกเจ็บลึกในอก เพราะลักษณะของเขาดูคล้ายกับบิดาผู้ล่วงลับของนางอยู่หลายส่วน
“ใกล้จะแล้วเสร็จแล้วขอรับนายท่าน เหลืออีกเพียงสองเกวียนขอรับ”
คนสวนปาดเหงื่อ พลางตอบคำถามเจ้าของแปลงผักล้ำค่า
“ทำให้เร็ว อย่าลืมระวังให้มาก” ผู้มีอำนาจออกคำสั่ง ก่อนจะตรงไปยังบ้านที่อยู่มิไกลนัก หน้าตาเขาดูมิค่อยสบอารมณ์ แต่ก่อนจะก้าวขาเข้าไปพักในตัวบ้าน เขาก็หยุดหายใจยาวและปรับสีหน้าให้ดูอารมณ์เสียน้อยลงสักหลายส่วน
หลี่ซินเหมยเดาว่าเขาคงจะเข้าไปหาภรรยา เพราะบิดาของนางก็เคยทำท่าทางเช่นนั้น ยามกลับจากการรักษาคนไข้ เมื่อนางถามว่าเหตุใดจึงต้องปรับสีหน้า ก็ได้คำตอบว่ามิต้องการให้ภรรยาและลูกสาวตัวน้อยต้องไม่สบายใจ บิดาของนางทำเช่นนั้นอย่างสม่ำเสมอ กระทั่งมารดาจากไปแล้วก็ยังฝืนโปรยยิ้มให้กับสมาชิกที่เหลือในบ้าน
วันที่ต้องลาจากโลกก็ไม่ต่างกัน...
“เจ้านั่น มาช่วยข้ายกตะกร้าผัก!”
หัวหน้าคนสวนรูปร่างสูงใหญ่กำยำดั่งหมีออกคำสั่ง และนั่นทำให้คนที่ถูกเรียก จำต้องเดินตรงเข้าไปช่วยอย่างเสียไม่ได้
แขนเรียวเล็กขยับตะกร้าผักอย่างทุลักทุเล หลี่ซินเหมยมิใช่สตรีอ่อนแอ ยกของหนักหรือทำงานกลางแจ้งก็พอจะทำได้ แต่จะให้ขยับย้ายของที่หนักเกินตัว ก็คงจะลำบากมากอยู่สักหน่อย
“มาใหม่หรือ! ตัวเล็กนิดเดียวจะทำงานไหวได้อย่างไร ไป ๆ ไปรดน้ำแปลงผักตรงนู้น อย่ามาอยู่เกะกะข้า!”
คนมองอยู่มีหรือจะทนดูได้ เขาจัดการยกของทั้งหมดด้วยตนเอง พลางนึกสงสัยว่าเจ้านายจอมโหด ยอมตกลงว่าจ้างบุรุษที่สูงน้อยกว่าอกของเขาได้อย่างไร ทว่าสงสัยได้มินานก็ต้องละวางเรื่องกวนใจ รีบขนย้ายผักล้ำค่าขึ้นให้เต็มเกวียน เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง
“เกือบไปแล้ว...”
หลี่ซินเหมยรีบตรงไปยังแปลงหัวไชเท้า วันนี้นางต้องได้ของที่ต้องการและจะทำพลาดมิได้อีก
หลังจากรดน้ำผักเรียบร้อยแล้ว นางก็ค่อย ๆ นั่งลงข้างแปลง เริ่มทำการถอนเหล่าวัชพืชที่มีอยู่เพียงน้อยนิดจนแทบจะไม่เป็นที่สังเกตเห็น มือที่เคยปลูกและหยิบจับสมุนไพรของบิดาสั่นเทิ้ม เพราะเกิดมาอายุได้สิบเจ็ดปีก็มิเคยทำผิดแม้เพียงครั้งหนึ่ง ทว่ายามนี้หลี่ซินเหมยไร้ทางเลือก ต่อให้ไม่อยากทำก็จำจะต้องทำแล้ว
เจ้าของร่างบางในชุดสีน้ำตาลเข้มรดน้ำลงบนแปลงผักจนชุ่ม หลังจากโยกเจ้าแท่งสีขาวเบา ๆ อยู่สองสามครั้ง ของที่นางต้องการก็หลุดติดมือมาด้วย หลี่ซินเหมยซ่อนมันไว้ในแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง ทว่านั่นก็ค่อนข้างจะลำบาก เพราะขนาดของที่นางเพิ่งจะขโมยนั้น ใหญ่โตกว่าขนาดทั่วไปที่หาได้ตามท้องตลาดเกือบสองเท่า
“นั่นเจ้ากำลังทำอะไร!”
คนสวนที่เพิ่งจะไล่นางให้มารดน้ำแปลงผักตะโกนถาม ก่อนจะคว้าเอาแขนของหลี่ซินเหมยและรัดตัวนางเอาไว้เสียเต็มแรง และนั่นทำให้วัตถุสีขาว ที่มีส่วนบนเขียวเข้ม ร่วงหล่นลงพื้นทันที
“ขโมย!” คนสวนประจำแปลงผักตะโกนเสียงดังลั่น และนั่นทำให้บุรุษหน้าดุที่นางเดาว่าเป็นเจ้าของแปลงผัก รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากตัวบ้านทันที ส่วนบุรุษรูปร่างสูงใหญ่คนที่รัดร่างของหลี่ซินเหมยเอาไว้แน่น กลับรีบขยับตัวออกห่าง ทว่าก็ยังคว้าแขนนางเอาไว้มิให้หนีดังเดิม
“พวกเจ้ารีบไปแจ้งทางการ!” เสียงทรงอำนาจดังขึ้น ก่อนที่ตัวจะมาถึงบริเวณเกิดเหตุเสียอีก
“แต่นางเป็นสตรีนะขอรับนายท่าน!” คนสวนรีบแย้ง ดูออกว่ากำลังใจอ่อนกับดวงตากลมโตคู่นั้นอยู่มาก
“สตรีก็ละเว้นมิได้ นางทำผิด สมควรต้องได้รับโทษ”
“นายท่านได้โปรดละเว้นข้าเถิดนะเจ้าคะ ข้ายังมีคนในครอบครัวต้องดูแล และที่จำเป็นต้องขโมยในวันนี้ ก็เพราะว่าคนป่วยกินดื่มอันใดไม่ได้ ปรารถนาเพียงผักที่หาได้ยากในฤดูกาลนี้”
หลี่ซินเหมยรีบแจ้ง นางมิค่อยถูกชะตากับทางการนัก
“คนทำผิดย่อมมีข้อแก้ตัว หากใจอ่อน เจ้าก็จะทำเช่นนี้อีก” หนวดของเขากระตุก คล้ายกำลังฝืนตนมิให้ใจอ่อน
“ไม่ทำอีกแล้วเจ้าค่ะ ข้าเองก็พอมีความสามารถในการปลูกผักอยู่บ้าง หากนายท่านเมตตา ข้าจะขอทำงานชดใช้หนี้ให้กับนายท่าน ขอเพียงได้ของชิ้นนี้กลับบ้าน ข้าจะไม่ขออะไรตอบแทนอีก”
หัวขโมยแปลงผักรีบยื่นข้อเสนอ ขอเพียงได้สิ่งที่ต้องการ นางยอมแลกอิสรภาพนานนับปี
ทว่ายังมิทันจะได้ออดอ้อนขอความเมตตา ก็ปรากฏสิ่งมีชีวิตแต่งกายค่อนข้างประหลาด เดินออกมาจากบ้านหลังเล็ก และพอร่างนั้นขยับเข้ามาใกล้ นางจึงเห็นว่านั่นคือบุรุษรูปร่างสูงโปร่ง สวมหมวกใบโตที่มีผ้าปิดบังใบหน้ามิดชิด เขาสวมถุงมือและถุงเท้าจนแทบไม่เห็นผิวกาย
“นางต้องการสิ่งใดหรือขอรับท่านพ่อ”
เขาหันไปถามบิดาที่ออกคำสั่งให้คนงานรีบนำร่มขนาดใหญ่ มาป้องกันมิให้คุณชายของบ้านต้องแสงจ้าของดวงตะวัน ความสุภาพและมากมารยาทของคุณชาย ทำให้หลี่ซินเหมยถึงกับนึกละอายในความกระโดกกระเดกมิสมกับเป็นกุลสตรีของตน
“เล่อเทียน อากาศร้อนนัก เจ้าไม่ควรออกมาข้างนอก”
เสียงของบิดาอ่อนลงหลายส่วน ต่างจากยามที่ต้องออกคำสั่งหรือขู่เข็ญหัวขโมยโดยสิ้นเชิง